ปราบพยศเชลยยักษ์ ๑
⚜️ปราบพยศเชลยยักษ์ ๑
นครกัณฑ์กาศ อาณาจักรแห่งยักษ์
อาณาจักรแห่งนี้ได้เข้าร่วมกับเมืองยักษ์อีกสามเมืองทำสงครามครั้งใหญ่ เพื่อหวังแย่งชิงอาณาจักรแห่งพนาราพณ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ทว่า พระสุวรรณเมฆาผู้เป็นกษัตริย์เมืองพนาราพณ์ ก็สามารถกำราบเมืองยักษ์ทั้งสี่เมืองที่เคยอยู่ใต้อานัติได้ราบคาบในเวลาเพียงไม่นาน
สงครามครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว และเสียเลือดเนื้อน้อยมาก เนื่องจากพระสุวรรณเมฆากษัตริย์เมืองพนาราพณ์กำชับเหล่าทหารเอาไว้ หากมิจำเป็นไม่ต้องสังหารผู้ใด
นครกัณฑ์กาศจึงถูกยึดครองโดยอาณาจักรพนาราพณ์ พระสุวรรณเมฆาจึงสถาปนาให้ พนาสูรย์ผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาที่ประสูติ(เกิด)จากพระสนมเอก ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ขึ้นครองราชและปกครองนครกัณฑ์กาศสืบต่อไป
พระสุวรรณเมฆาทรงเชื่อมั่น ว่าผู้เป็นพี่ชายจะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้อย่างแน่นอน เพราะพนาสูรย์ต่างเป็นที่รู้จัก ในเรื่องสติปัญญา ความกล้าหาญ ความมีน้ำใจ และยังเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเชลยศึกไม่ได้ถูกกักขังไปเสียทั้งหมด เพราะมีรับสั่งจากกษัตริย์พนาสูรย์ออกไป ว่าผู้ที่ยอมสวามิภักดิ์ก็จะถูกปลดปล่อย ให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติกับครอบครัวดังเดิม
แต่ทว่าก็ยังมีเชลยศึกบางส่วนที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้กับกษัตริย์องค์ใหม่ของเมืองกัณฑ์กาศ และนั่นก็รวมไปถึงพระราชธิดาองค์เล็กของกษัตริย์องค์ก่อน
เวลานี้นางก็ถูกคุมขังอยู่ภายในคุกหลวงของนครกัณฑ์กาศ ที่มีการคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา
“ ตอนนี้ผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ยังมีเหลืออยู่อีกมากหรือไม่? กุเรน ”
น้ำเสียงทรงอำนาจของกษัตริย์พนาสูรย์เอ่ยถามทหารคู่กายที่ติดตามเขามาจากเมืองของพระมารดา
“ ยังมีเหลืออีกมิมากเท่าไหร่ดอกพะยะค่ะองค์เหนือหัว เพลานี้ทุกตนที่ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ ยังคงถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงพะยะค่ะ รวมไปถึง....เอ่อ ” กุเรนตอบคำถามก่อนที่จะหยุดพูดเพียงแค่นั้น
และทีท่าอึกอักของทหารองครักษ์คู่กายอย่างงกุเรน ก็ทำให้กษัตริย์พนาสูรย์ต้องขมวดคิ้วมุ่น พลางหันมาจ้องสบตากับเขานิ่งก่อนจะเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ รวมไปถึงอะไร? เจ้าจักพูดอะไรกุเรน? พูดให้จบ ”
“ เอ่อ.. รวมไปถึง พระราชธิดาองค์เล็กของกษัตริย์องค์ก่อนด้วยพะยะค่ะ ”
กุเรนตอบพลางสบตากับกษัตริย์อสุรานิ่งราวกับจะบอกอะไรบางอย่าง
“ ธิดาองค์เล็กของกษัตริย์องค์ก่อนอย่างนั้นรึ?”
“ พ่ะย่ะค่ะ..”
พนาสูรย์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรียวคิ้วหนาหมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยบางอย่างออกมา
“ เจ้าหมายถึงน้องสาวของมาณวิกา อดีตพระสนมของพระสุวรรณ.. ที่ถูกลงโทษประหารน่ะหรือ? ”
“ ใช่พ่ะย่ะค่ะ พระธิดากรรณาเป็นพระขนิษฐาของสนมมาณวิกา ”
“ ก็คงมิแปลก.. ที่นางจักไม่ยอมสวามิภักดิ์ ”
เพราะกรรณาต้องสูญเสียทั้งพระบิดา และพระเชษฐภคินี (พี่สาว) ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน อีกทั้งอาณาจักรก็ยังมาถูกยืดครองอีก
“ ดูเหมือนว่าจักทรงมิยอมสวามิภักดิ์กับพระองค์ง่าย ๆ ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินท่านแม่ทัพพูดว่าพระธิดาทรงพระทัยแข็งมาก ”
เพราะจะมีเหล่าท่านแม่ทัพและทหารเอก ที่มีหน้าที่คอยเกลี้ยกล่อมเชลยศึกให้ยอมสวามิภักดิ์อยู่เสมอ ด้วยการบอกเล่าว่ากษัตริย์พนาสูรย์มีจิตใจเมตตา มิได้ฝักไฝ่สงครามเฉกเช่นที่ทุกตนเห็น
แต่ที่ต้องตีเมืองกัณฑ์กาศและยึดครองนั้น ก็เป็นเพราะกษัตริย์องค์ก่อน ที่ต้องการแก่งแย่งอาณษจักพนาราพณ์เอง ...และก็มีทั้งที่ยอมเชื่อ และไม่ยอมเชื่อบ้าง
“ นางชื่อกรรณาอย่างนั้นรึ? ”
“ พ่ะย่ะค่ะ.. ท่านแม่ทัพเล่าให้กระหม่อมฟัง ว่าพระธิดากรรณา ทรงพูดว่า จักมิยอมก้มหัวให้กับพระองค์เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ”
“ นางพูดอย่างนั้นหรือ? ..หึหึ ”
พนาสูรย์กระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อรู้สึกได้ถึงความพยศและความดื้อรั้นของพระราชธิดากรรณา นึกอยากจะเห็นหน้านางขึ้นมาแล้วสิ
“ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกำลังให้ทหารไปนำพาตัวพระธิดากรรณา มาเข้าเฝ้าองค์เหนือหัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกสักครู่ก็คงจักมาถึง..” และกุเรนตอบออกมาอย่างรู้ใจ
“ อืม.. ”
“ กระหม่อมคิดว่า.. องค์เหนือหัวจักต้องทรงถูกพระทัยพระราชธิดากรรณาเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ..”
“ ใยเจ้าถึงคิดอย่างนั้นกุเรน? ไหนลองบอกข้ามาซิ ..เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจักต้องถูกใจนาง? ”
กษัตริย์อสุรากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ กระหม่อมเห็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ.. พระธิดากรรณา ทรงสิริโฉมงดงามยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ” กุเรนตอบออกมาพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย
“ งดงามยิ่งนัก? อย่างนั้นหรือ? ” กษัตริย์อสุรายกคิ้วถาม
“ งดงามมากพ่ะย่ะค่ะ ”
เพราะกษัตริย์พนาสูรย์ยังไม่มีพระชายา และกุเรนก็คิดว่าพระราชธิดากรรณานั้นงดงามมาก และน่าจะเหมาะสมกับกษัตริย์ของเขาที่สุด แต่ติดตรงที่ เวลานี้พระราชธิดากรรณาทรงเป็นเพียงเชลยศึกก็เท่านั้น
⚜️⚜️
ไม่นานนักทหารก็นำพา พระราชธิดากรรณามาถึง และก็เป็นอย่างที่บอก ..ใบหน้าสวยที่มีริมฝีปากอิ่มจิ้มลิ้มนั่น เชิดขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับกษัตริย์พนาสูรย์
ทว่า! ต่างจากกษัตริย์พนาสูรย์ ที่ตอนนี้นิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างแวววาวด้วยความทึ่งเมื่อตกตะลึงในความงดงามของพระราชธิดากรรณา ราวกับว่า ไม่เคยเห็นหญิงใดงดงามเช่นนี้มาก่อน
นัยน์ตาคมเปล่งประกายจับจ้องอสุรีตัวน้อยนิ่ง ราวถูกสะกดจิตด้วยความงดงามของนาง ริมฝีปากหยักแย้มออกเล็กน้อย และพนาสูรย์ไม่อาจละสายตาจากนางได้เลย
“ ทรงพระสิริโฉมงดงาม..ใช่หรือไม่พะยะค่ะ ”
เสียงของกุเรนที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยกระซิบออกมาเบา ๆ ทำให้กษัตริย์พนาสูรย์นั้นได้สติกลับคืนมา
และแววตาของกษัตริย์อสุราที่จ้องมองพระธิดากรรณานั้น ทำให้กุเรนรับรู้ได้ ว่ากษัตริย์ของตนนั้นต้องตาต้องใจพระราชธิดาสาวนางนี้เข้าให้แล้ว
“ นี่ข้าพึ่งจักรู้..ว่าธรรมเนียมของนครกัณฑ์กาศ เคารพกษัตริย์กันเฉกเช่นนี้? ” กษัตริย์พนาสูรย์พูดขึ้นแววตาดุดัน เมื่อเห็นท่าทีที่ดื้อรั้นของอสุรีตัวน้อยตรงหน้า
“ ท่านมิใช่กษัตริย์ของนครกัณฑ์กาศ..” กรรณาตอบกลับไปทันทีเช่นกันอย่างมิได้เกรงกลัว
“ แล้วผู้ใดเล่าที่คือกษัตริย์ ..บิดาของเจ้างั้นหรือ ”
“.......”
ใบหน้าสวยดวงตาแดงก่ำหันขวับมาจ้องสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่พึงพอใจ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
แต่นั่นก็พอจะทำให้กษัตริย์พนาสูรย์รู้ตัว ว่าเขาคงพูดแรงเกินไป พระบิดาของนางทรงสิ้นพระชนไปแล้ว ด้วยการปลิดชีพตัวเอง เขาไม่ควรตอกย้ำนาง.. แต่ก็พูดไปแล้ว
“ เจ้าควรรู้ ว่าตอนนี้ข้าคือกษัตริย์องค์ใหม่ของนครกัณฑ์กาศ ส่วนเจ้าคือเชลยศึกของข้า กรรณา..”
“.......”
อสุรีน้อยกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะหันหน้าไปจดจ้องใบหน้าอันหล่อเหลาของกษัตริย์พนาสูรย์ตรงหน้าด้วยความโกรธ
⚜️⚜️⚜️
แค่เห็นหน้าน้องก็ตาค้างแล้ว อพี่ก็ยังอุตส่าห์ไปยั่วน้องอีกทำไม
1 คอมเม้นท์ + เพิ่มเข้าชั้น + กด?? + ⭐ = กำลังใจนะคะ
