9
“พี่ตะวัน...เสร็จหรือยังคะ” เสียงใส ๆ ลากยาวอ่อนหวานของใบหม่อน ดังมาจากด้านล่าง หล่อนยืนอยู่ข้างรถ เป็นการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าหล่อนพร้อมมาก ได้โปรดลงมาไว ๆ
ตะวันเดินลงมาพร้อมหมวกแก๊ปในมือเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าสาวน้อยในระยะกระชั้นชิด จนรู้สึกถึงไออุ่นและกรุ่นกลิ่นอาฟเตอร์เชฟ ที่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ สร้างความปั่นป่วนขึ้นในใจของใบหม่อนสาวน้อยที่คิดว่าไม่มีใครรัก โดยเฉพาะตอนที่ เขาสวมหมวกใบนั้น และพยายามขยับปรับสายจนพอดีกับศีรษะได้รูปสวย พร้อมกับรวบเรือนผมนุ่มละเอียดดั่งแพรไหมเนื้อดีนั้น เข้าไปในสายรัดด้านหลัง ด้วยความใส่ใจ
“เสร็จแล้ว พอดีไหม” ตะวันถามเสียงนุ่ม ใช่เพียงแต่ใบหม่อนที่รู้สึกหวั่นไหว เขาเองก็ใจอ่อนยวบเมื่อได้ยินหญิงสาวเรียกว่าพี่ตะวัน เหมือนครั้งที่หล่อนเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ วิ่งตามพร่ำเรียกหาแต่พี่ตะวัน จนเขาจดจำชื่อของเด็กหญิงมาตั้งชื่อไร่แห่งนี้
ตะวันพาใบหม่อนมาที่คอกม้า ในขณะที่พู่ ลูกน้องคนสนิท มาเตรียมม้าให้ตั้งแต่เช้าตรู่ เขาตื่นเต้นที่วันนี้จะได้เห็นนายผู้หญิงใกล้ ๆ สักที
“พร้อมแล้วครับนาย...นายผู้หญิง...สวัสดีครับ..ผม ไอ้พู่ คนสนิทของเจ้านายครับผม” พู่ยิ้มหน้าระรื่น ยกมือไหว้นายผู้หญิง แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“สวัสดีจ๊ะ นายพู่” หญิงสาวตอบเสียงหวาน ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ประเมินแล้วน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ อายุอานามคงไม่ต่างจากหล่อนเท่าไหร่
“ไม่นึกเลยว่าจะมีนางฟ้ามาเดินดินให้ไอ้พู่ได้เห็น” พู่ยิ้มเรี่ยราด ดวงตาเล็กยิบหยี
“น้อย ๆ หน่อยไอ้พู่ เดี๋ยวโดนเตะ” ตะวันปราม
“คำก็เตะ สองคำก็เตะ ระวังนะเจ้านายผมเป็นพวกนิยมความรุนแรง” พู่พูดกับใบหม่อน พร้อมกับวางระเบิดไว้ลูกเบ้อเร่อ
“จริงเหรอพู่” ใบหม่อนตาโต หรือพู่จะพูดจริง
“ไอ้พู่หุบปากได้แล้ว” ผู้เป็นนายขึ้นเสียง ไอ้ตัวแสบถึงกับคอย่น หุบปากสนิท
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะร้อน” ชายหนุ่มหันมาชวนใบหม่อน
“ขึ้นยังไง...อุ้ย...” หญิงสาวเดินเข้าไปหาม้าตัวใหญ่ อย่างหวาด ๆ กำลังจะถาม เพื่อหาทางขึ้นไปบนหลังเจ้าสีน้ำตาลเข้ม ไม่ทันขาดคำ ตะวันก็ยกตัวหล่อนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าได้อย่างสบาย ๆ แล้วเขาก็ตามขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ใบหม่อนนั่งคร่อมเจ้าน้ำตาลอย่างทะมัดทะแมง ไม่มีความกลัวหลงเหลือเลยสักนิด ในเมื่อหลังพิงกำแพงล่ำบึ๊กของตะวัน อบอุ่น ปลอดภัย คือคำจำกัดความในยามนี้
ตะวันพาม้าค่อย ๆ ย่างเหยาะ ๆ ไปตามแนวไร่กาแฟ อราบิก้าที่ปลูกด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ ของที่นี่เน้นการส่งออกเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ทั้งแถบยุโรปและเอเชีย
“ที่เห็นเป็นชั้น ๆ ไกล ๆ นั่นเป็นไร่กาแฟด้วยหรือเปล่าคะ” ใบหม่อนมองเห็นอยู่ลิบ ๆ
“แถบนั้นเป็นไร่ชา ความจริงแถวนี้ปลูกชามากกว่ากาแฟเสียอีก แต่ไร่เราปลูกกาแฟอย่างเดียว วันหลังจะพาไปดูกรรมวิธี ขั้นตอนก่อนจะมาเป็นกาแฟหอม ๆ ให้ดื่ม”
“ทำไมไม่ไปวันนี้เลยล่ะคะ” ใบหม่อนสงสัย
“วันนี้ไปดูอะไรสวย ๆ งาม ๆ ก่อน” ตะวันโฆษณาชวนเชื่อ
“ที่ไหนคะ” คนขี้สงสัยเอียงคอถาม
“เอาเถอะ ถึงก็รู้เองแหละ ปิดตาด้วย”ชายหนุ่มล้วงผ้าสีดำจากกระเป๋ากางเกงมาคาดปิดตาให้กับใบหม่อน ที่หัวเราะคิกคัก สนุกไปกับการทำ เซอร์ไพรส์ของเขา
“ทำขนาดนี้ถ้าไม่สมราคา ล่ะก็ น่าดู” หญิงสาวบ่น
ตะวันควบม้าเร็วขึ้น เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ใช้เวลาไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงท้ายไร่ ใบหม่อนได้ยินเสียงน้ำ ประกอบกับอากาศที่เย็นลง เมื่อเข้าเขตป่าชื้น ชายหนุ่มแก้ผ้าปิดตาออก
“โอ้โห ! สวยจังค่ะ” ใบหม่อนไม่ได้พูดเกินจริง สิ่งที่เห็นคือธารน้ำใสแจ๋ว ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ข้าง ๆ มีต้นไม่ใหญ่ขนาดหลายคนโอบ กล้วยไม้ป่า ขึ้นเกาะอย่างเป็นธรรมชาติ คงไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก ที่ตรงนี้จึงยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก ตรงที่ยืนอยู่นั้น เป็นแอ่งกว้าง มองเห็นปลาตัวเล็ก ๆใส ๆ แหวกว่ายกันเป็นฝูงน่ารัก จนใบหม่อนอดใจไม่ไหว ถอดรองเท้า จะลงเล่นน้ำ
“ไม่ได้นะใบหม่อน เดี๋ยวเปียก” ตะวันร้องห้าม แต่ช้าไป ใบหม่อนลงไปครึ่งตัวแล้ว
“พี่ตะวัน ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิคะ น้ำเย็น ชื่นใจ” หญิงสาวลงไปแช่ทั้งตัวแล้ว เหมือนเด็กเจอของถูกใจ น้ำไม่ลึก แต่ก็เพียงพอให้ร่างเล็ก ๆ นั้นดำผุดดำว่าย
ตะวันยืนอยู่บนโขดหิน มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ถึงแม้จะเป็นถิ่นของเขา แต่คนอย่างเขาก็ไม่เคยประมาทป่า
“ชะ...ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ” เสียงใบหม่อนร้อง
ชายหนุ่มตกใจ แค่ละสายตาจากหล่อนไปเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก็เกิดเรื่องจนได้ เขารีบสลัดแจ็คเก็ตกับรองเท้ากระโจนเข้าหาใบหม่อนอย่างรวดเร็ว อ้อมแขนแกร่ง รัดเอวหญิงสาว แต่หล่อนดิ้นรนว่ายน้ำหนี ก่อนจะโผล่ขึ้นมาหัวเราะคิกคัก
“ชวนให้ลงมาดี ๆ แต่แรกก็ไม่ยอมนี่นา” ใบหม่อนแก้ตัว พลางวักน้ำใส่เขา หัวเราะชอบใจ
“โกหกใช่ไหม ยัยตัวแสบ” ตะวันโผเข้าคว้าเอวบางไว้ได้ ใบหม่อนดิ้นรน กอดรัดฟัดกันน้ำกระจาย แต่พอทุกอย่างสงบลงกลับเห็นทั้งคู่กอดกันกลมท่ามกลางสายน้ำ
ฝ่ามือหนาของตะวัน ช้อนท้ายทอยสาวน้อยดันให้แหงนเงยรับสัมผัสจากริมฝีปากร้อนที่ประกบลงมาทำโทษคนโกหก จนหนำใจ
“วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีก” ตะวันดุ ในขณะที่ยังกอดใบหม่อนแน่นอยู่
“แค่ล้อเล่น” หญิงสาวเถียงเสียงอ่อย
“ล้อเล่นก็ไม่ได้ ห้ามเอาความเป็นความตายมาล้อเล่นรู้ไหม” ตะวันยังตีหน้าดุ สั่งสอน
“...ฮึ....กลับดีกว่า” ใบหม่อนเถียงไม่ขึ้น ก็งอนผละจากอกแกร่งกลับขึ้นไปนั่งบนโขดหิน เอาขาตีน้ำเล่น หน้าตางอง้ำ
“ปกติก็หน้าตาพอดูได้อยู่หรอก แต่ทำหน้าแบบนี้ดูไม่จืดเลย...พับผ่าสิ” ตะวันยังตามมาตอแยไม่เลิก
“ชิ...ใครจะเหมือนนายล่ะ” หญิงสาวสะบัดหน้า สรรพนามที่เรียกขานก็เปลี่ยนไป
ชายหนุ่มหัวเราะ ขึ้นจากน้ำมายืนบนโขดหินใกล้ ๆ ในหม่อน เขาจัดแจงถอดเสื้อยืดออกเผยให้เห็นมัดกล้ามฟิตเปรี๊ยะ ซิกแพ็คชัด ๆ ช่วงเอวสอบต่ำจากนั้นก็ถูกบดบังด้วยกางเกงยีนส์ตัวหนา แต่หล่อนยังจำภาพนั้นได้ดี ตะวันน้อย....อึ๊ย...หล่อนคิดซุกซนแล้วก็ต้องขนลุกกับสิ่งที่อยู่ในจินตนาการ
“มองอยู่นั่นแหละ เธอนี่มันไว้ใจไม่ได้เลยนะ ชอบลวนลามฉันด้วยสายตา” ตะวันต่อว่าหลังจาก บิดน้ำออกจากเสื้อพอหมาด แล้วจึงสวมกลับไปใหม่ แล้วหยิบแจ็คเก็ตมาสวมทับ
“พูดบ้า ๆโรคจิต ชอบโชว์" หญิงสาวแก้มร้อนซู่ ที่เผลอจ้องมองจนเขาจับได้ ว่าเขากลับแก้เก้อ
“กลับกันเถอะ เดี๋ยวมีคนปอดบวมตาย” ตะวันชวน
ใบหม่อนยืนเชิดหน้า เพราะยังไม่หายงอน หล่อนยืนอยู่ข้างเจ้าม้าน้ำตาล รอให้ตะวันอุ้มขึ้น แต่ชายหนุ่มยังนิ่งเฉย
“ขอดี ๆ ก่อนสิ”
“นายพาฉันขึ้นหลังม้าหน่อยนะ” ใบหม่อนพูดอย่างเสียไม่ได้ ประเมินดูแล้ว หล่อนคงไม่กล้าตะกายขึ้นไปเอง กลัวโดนดีดตกม้าเสียก่อน
“นี่พูดดีแล้วเหรอ ยังไม่ผ่าน” ชายหนุ่มกอดอก มองนิ่ง
“พี่ตะวันขา อุ้มใบหม่อนขึ้นหลังม้าหน่อยสิคะ”
ไม่ทันขาดคำ ร่างบางก็ลอยหวือขึ้นไปอยู่บนหลังเจ้าน้ำตาล ตามมาด้วยผู้เป็นเจ้าของที่ขึ้นมานั่งซ้อนหลังจนแนบชิด
ตะวันควบม้าลัดเลาะกลับเข้าบ้านพักได้เร็วกว่าตอนขามา เขาเป็นห่วงใบหม่อนเกรงจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะเสื้อผ้าเปียกชื้น
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆเข้า จะได้ไปกินข้าวกัน” ชายหนุ่มเร่ง ตั้งใจจะพาหล่อนไปกินอาหารร้านอร่อย
“ไปกินที่ไหนคะ”
“เถอะน่า ถามมากจริง”
ใบหม่อนอาบน้ำสระผม ออกมาเช็ดผม ตะวันเห็นว่าชักช้า จึงหยิบไดร์เป่าผมมาจัดการให้ ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวโตอย่างเขาจะไดร์ผมให้หญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว อ่อนโยน ก่อนจะพากันกลับไปเอารถขับออกไปกินอาหารกลางวัน ร้านอาหารดังของดอยแม่สลอง
“สวัสดีค่ะ คุณตะวัน วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่คะ” หญิงสาวผมแดง แต่งหน้าเข้มจัด หูตาแพรวพราว เดินเข้ามาต้อนรับชายหนุ่มเจ้าของบ้านไร่ใบหม่อน ถึงหน้าร้าน หล่อนปรายตามาทางสาวน้อยข้างกายเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มระรื่น พลางควงแขนชายหนุ่มพาเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำ
อย่างนี้นี่เอง ถึงได้เร่งนัก ใบหม่อนคิดหมั่นไส้
ตะวันอึดอัด เกรงใจใบหม่อน อย่างน้อยหล่อนก็ได้ชื่อว่าเมีย แถมตอนนี้ยังนิ่งเงียบผิดปกติ ราวกับคลื่นลมสงบก่อนจะเกิดพายุใหญ่
“เอ่อ...คุณวรรณครับ นี่ใบหม่อนเมียผมครับ” ชายหนุ่มเพิ่งจะแนะนำให้รู้จัก
“เมีย !” วรรณ หรือ อรวรรณ ม่ายสาวเจ้าของร้านที่คุยไปทั่วว่าคั่วอยู่กับนายตะวัน แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
