10
“เป็นอะไร ทำหน้าบูดหน้าเบี้ยว” ตะวันถามหญิงสาว ตั้งแต่อยู่ที่ร้านอาหารแล้ว หล่อนทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา เขาอุตส่าห์ตั้งใจพามากินอาหารที่ร้านอร่อยที่สุดในละแวกนี้แล้ว ยังไม่สบอารมณ์อีก
“อาหารไม่อร่อยเหรอ” ตะวันชวนคุย
“ไม่...ทำกินเองอร่อยกว่าเยอะ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์
“ไม่บอกนี่ วันหลังจะได้ไม่ต้องพามา” ชายหนุ่มเอ่ย พลางปรายตามองคนที่นั่งหน้างอ คอแข็ง
“ห้ามมาอีกนะ ถ้าจะกินก็ไปร้านอื่น” ใบหม่อนออกคำสั่ง
“แต่ร้านนี้อร่อยที่สุดแล้วนะ ใคร ๆ เขาก็มากินกัน”
“มากินอาหารหรือจ้องจะกินเจ้าของร้านกันแน่” หญิงสาวทำปากยื่นปากยาว ค้อนลมค้อนแล้งปะหลับปะเหลือก
ชายหนุ่มหัวเราะ หึ..หึ กับท่าทางน่าขำ ของใบหม่อน เหมือนเด็กพาล หวงของเล่นมากกว่า หรือเพราะอย่างนี้หล่อนถึงได้โกรธผู้เป็นบิดามากมาย ที่อยู่ ๆ ก็พาแม่เลี้ยงและน้องสาวเข้าบ้าน เพื่อมาแบ่งแย่งความรักจากหล่อน
ตะวันพาใบหม่อนมาส่งที่บ้านแล้วเขาก็กลับไปทำงานในไร่ต่อ
“เจ้านาย ผมกำลังจะไปตามอยู่พอดีเลยครับ” พู่เอ่ยกับเจ้านายหนุ่ม ทันทีที่เขามาถึง
“มีอะไรวะไอ้พู่”
“คุณตำรวจมาหาเมื่อตะกี้นี้ พอดีมีคนไปแจ้งว่าพบศพที่ท้ายไร่เรา เพิ่งจะพากันออกไปเมื่อครู่” พู่บอกหน้าตาเคร่งเครียด
“งั้นรออะไรอยู่ ไปไอ้พู่ขึ้นรถ” ตะวันบึ่งรถตามไปที่ท้ายไร่ เมื่อเช้าเขาเพิ่งจะพาใบหม่อนไปเที่ยวมาหยก ๆ หวังว่าจะไม่ใช่จุดเดียวกันนะ
“เมื่อเช้าเจ้านายไปที่ท้ายไร่มาเหรอครับ ตำรวจบอกว่ามีคนเห็นคุณตะวันขี่ม้าไปทางนั้น” พู่ถาม ทั้งที่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเมื่อเช้านายตะวัน พานายผู้หญิงขี่ม้าไปเที่ยว
“อืม...อย่าพูดมาก ปิดปากแกให้สนิท” ตะวันสั่งเผื่อไว้ เพราะความล้นของไอ้พู่อาจจะนำซึ่งความยุ่งยากได้ ถึงแม้เขาจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม
ตะวันกับลูกน้องคนสนิทมาถึงท้ายไร่ ในเวลาไล่เลี่ยกับคณะของตำรวจ พบว่ามีศพผู้ชายโดนแทงตาย ห่างจากจุดที่เขามาเที่ยวเมื่อเช้าเกือบกิโล ซึ่งเป็นคนงานของที่ไร่ด้วย ตะวันให้ข้อมูลไปตามจริง ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะโดนลวงมาฆ่า หรือฆ่าจากที่อื่นแล้วเอาศพมาทิ้ง เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ในบริเวณนั้น
หลังจากเสร็จเรื่องของตำรวจแล้ว ตะวันยังต้องจัดการเรื่องศพ ติดต่อญาติผู้ตาย และอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย กระทั่งเอาศพไปตั้งสวดที่วัด
ทางด้านใบหม่อน เมื่อหล่อนปรามาสอาหารในร้านของม่ายสาวแล้ว หล่อนจึงตั้งใจว่าจะกลับมา ทำอาหารให้สุดฝีมือ ให้นายตะวันลืมรสชาติแม่ม้าย..เอ้ย..รสชาดอาหารร้านยัยวรรณไปเลย หญิงสาวขะมักเขม้นทำอย่างเต็มที่ จนเย็น ชายหนุ่มก็ยังไม่กลับมา หล่อนจึงโทรหา อชิไปพลาง ๆ ระหว่างรอ
“ฮัลโหล ใบหม่อน ฉันนึกว่าหล่อนสำลักความสุขตายไปแล้ว เงียบหายไปเลยนะยะ” อชิต่อว่ามายืดยาว ครั้นเขาจะเป็นฝ่ายโทรหาก็เกรงจะรบกวนคู่แต่งงานใหม่ จึงได้แต่รอ
“บ้าเหรอแก...ความสุขอะไรที่ไหน มีแต่ป่าเขาแล้วก็หมีควาย” ใบหม่อนตอบขำ ๆ
“ฉันหมายถึงครั้งแรกของแก เป็นไงมั่งอ่ะ” อชิทำเสียงเล็กเสียงน้อย ตามประสาคนชอบคิดซุกซน
“ไม่มี...ยัง” ใบหม่อนตอบเอง เขินเอง
“อะไรกัน แกปล่อยเขาหลุดรอดไปได้ยังไงตั้งหลายวัน” อชิ ตบอกผางเสียดายแทน
“ไอ้…อชิ..ทะลึ่ง !” ใบหม่อนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“โห...แก..ไม่ต้องอายหรอกน่า เราไม่เคยมีความลับต่อกันไม่ใช่เหรอ” อชิ เกลี้ยกล่อม ถึงไม่เห็นก็นึกภาพออก
“เขาไม่สนใจเด็กกะโปโลอย่างฉันหรอก กิ๊กเขาอวบอึ๋มจะตาย”
“กิ๊กเกิ๊กอะไร ที่ไหน ว่ามา”
“วันนี้เขาพาฉันไปกินข้าวนอกบ้าน เจอกิ๊กเขาด้วยล่ะ เป็นเจ้าของร้านอาหาร”
“แกคิดไปเองหรือเปล่า ใครจะกล้าพาเมียไปเจอกิ๊ก”
“ก็เขานี่แหละ...หมั่นไส้” ใบหม่อนทำเสียงสะบัด จนอีกฝ่ายจับความรู้สึกได้
“อย่าบอกนะว่าแกหึงเขาน่ะ”
“เปล่าหึง...ก็แค่หมั่นไส้ ยัยนั่น ทำท่าอย่างกับจะกินเขาเข้าไปแน่ะ” ใบหม่อนเล่าเสียงขุ่น
“เออ ๆ สงสัยแกจะไม่หึงจริง ๆ น่ะแหละ” อชิประชดประชัน
“แค่นี้ก่อนนะ จะมืดแล้วอากาศชักจะเย็น ฉันเข้าบ้านก่อน...บายจ้า” ใบหม่อนรีบตัดบท เกรงจะเข้าเนื้อ
หญิงสาวนั่งรอจนค่ำ ตะวันก็ไม่โผล่มา หล่อนนั่งมองต้นทางจนคอยืดคอยาว บรรยากาศรอบตัวก็เริ่มวังเวง หล่อนชักเริ่มหวาด ๆ ไม่เคยต้องอยู่คนเดียว อาหารที่ทำไว้เย็นชืดหมดแล้ว ยิ่งรอนานยิ่งคิดไปเรื่อยเปื่อย สงสัยจะกลับไปปรับความเข้าใจกับยัยวรรณแน่ ๆ เลย จากความกลัวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ใบหม่อนเทกับข้าวทิ้ง อย่ากงอย่ากินมันเลย หล่อนปิดบ้าน อาบน้ำนอน ตั้งแต่สองทุ่ม จะไปไหนกับใครก็ช่าง จะนอนที่ไหนก็เชิญ
แต่พอเข้ามานอนจริง ๆ หล่อนก็นอนไม่หลับ จะโทรหาอชิก็เกรงจะโดนจับได้ หล่อนไม่ได้หึงหวงนายตะวันสักหน่อย แค่ไม่อยากโดนหักหลัง ขนาดพ่อ คนที่หล่อนรักและเชื่อใจที่สุดยังทำได้ นับประสาอะไร กับคนอย่างเขาที่หล่อนแทบไม่รู้จักตัวตนเขาเลยด้วยซ้ำ
แคก.......แค่ก......พรึ่บ...พรึ่บ... เสียงประหลาดดังอยู่ใกล้ ๆ อาจจะบนหลังคา หรือที่ไหนสักแห่ง ทำให้ความคิดฟุ้งซ่านของหญิงสาวหยุดลง หล่อนมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง หญิงสาวดึงผ้าห่มเข้ามากอด ใจเต้นแรง จนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ตึกตัก....ตึกตัก
เสียงนั้น ดังขึ้นมาเป็นระยะ บางครั้งก็เหมือนมีเสียงครางฮือๆ เขย่าขวัญ สั่นประสาทใบหม่อนได้ไม่น้อย พ่อขา ช่วยใบหม่อนด้วย...หญิงสาวคิดถึงตอนเด็ก ๆ ที่หล่อนจะมีบิดาคอยปกป้องเสมอ เวลาที่หล่อนหวาดกลัว น้ำตาเริ่มเอ่อ จะด้วยอะไรก็มิอาจรู้ได้ เสียงข้างบนเงียบไป แต่เสียงกุกกัก ดังอยู่หน้าประตู ก่อนที่มันจะเปิดผลัวะเข้ามา
กรี๊ด.....กรี๊ด.....ใบหม่อนหลับหูหลับตากรีดร้อง หล่อนตกใจสุดขีด นั่งขดตัวอยู่ในกองผ้าผ่มที่หล่อนโกยเอาเข้ามากอดไว้
“ใบหม่อน...ใบหม่อน..นี่พี่เอง” ตะวันเข้าไปกอดปลอบหญิงสาว เขามัวยุ่ง ๆ เลยลืมเสียสนิท ว่าหล่อนอยู่บ้านคนเดียวอาจจะกลัว
“คนบ้า..หายไปไหนมา” หญิงสาวร้องไห้ออกมา ด้วยความอัดอั้น รัวกำปั้นเข้าใส่ ด้วยความโกรธ
“พี่ขอโทษ...”ชายหนุ่มลูบผม ลูบหลังหล่อนเบา ๆ หลังจากปล่อยให้ทุบจนพอใจ
“พอดีมีเรื่องยุ่ง ๆให้ต้องจัดการ เพิ่งจะเสร็จกลับมานี่แหละ” ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงยังไม่เล่าเรื่องพบคนตาย เกรงหล่อนจะขวัญเสียยิ่งกว่านี้
“แล้วทำไมต้องเข้ามาแบบนี้ด้วย มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก ตั้งใจจะหลอกให้กลัวใช่ไหม” หญิงสาวต่อว่าเขา
“พี่นึกว่าใบหม่อนหลับแล้ว เลยใช้กุญแจไขเข้ามาเอง ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ” ชายหนุ่มรู้สึกผิด ใบหม่อนไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่หล่อนพยายามแสดงออกมาเลย เขาควรจะปกป้อง ห่วงใยหล่อนให้มากกว่านี้
“มัวไปแก้ตัวกับกิ๊กอยู่หรือไง” หญิงสาวต่อว่า ตาคว่ำหลังจากหายตกใจแล้ว
“กิ๊กที่ไหน...ไม่มี”
“ฮึ...”
“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ ” ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อน ยังไม่อยากทะเลาะกับหล่อนตอนนี้
ใบหม่อนอึ้ง เพิ่งสังเกตว่าเขาเรียกตัวเองว่าพี่ หญิงสาวเผลอยิ้มกับตัวเอง หล่อนนอนรอจนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จออกมา คิดว่าเขาจะพูดอะไร แต่เปล่าเลย ตะวันจัดแจงปูที่นอนข้างเตียงเสร็จแล้วก็หลับไปเลย
“อ้าว ! หลับจริง ๆ เหรอ....” ใบหม่อนเซ็ง
