8
ใบหม่อน เป็นลูกมือทำครัวให้กับตะวัน หญิงสาวช่วยหั่น ช่วยเตรียม และแน่นอน ว่าชายหนุ่มต้องคอยสอน คอยกำกับทุกขั้นตอน
“เอ้า...หั่นหมูดี ๆ อย่าเหม่อเดี๋ยวก็ได้หั่นนิ้วมือตัวเองหรอก” ตะวันดุแก้เก้อ เมื่อหันมาเจอสายตาของสาวน้อยที่จับจ้องแผ่นหลังกว้างของเขาอยู่
“ไม่ได้เหม่อสักหน่อย” หญิงสาวเถียงอุบอิบ แค่มองว่าจริงอย่างที่นายอชิบอกหรือเปล่า ฮึ..ไม่เห็นจะน่าเคี้ยวอย่างที่นายอชิว่าเลย...
“เสร็จหรือยังมานี่ ลองดูนะ ผัดผักง่าย ๆ” ตะวันยัดตะหลิวใส่มือใบหม่อน ก่อนจะบอกให้ใส่ส่วนผสมแต่ละอย่างลงไป ดูท่าจะสอนไม่ยากอย่างที่คิด ถึงแม้จะเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้
“หอมจัง”ใบหม่อนสูดกลิ่นผัดผักที่ทำกับมือเป็นจานแรกในชีวิต ผักสีสดกำลังดี ควันยังลอยกรุ่น
“หิวล่ะสิ” ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ
“เปล่า กับข้าวมันน่ากินต่างหาก ฉันก็มีฝีมือเหมือนกัน.....นายว่ามะ” ใบหม่อนยิ้มปลื้ม ตาเป็นประกายสดใส
“อืม..เก่ง” ตะวันให้กำลังใจ
“แล้วเย็นนี้ทำอะไรกันดีล่ะ” แม่ครัวคนใหม่ได้ใจ หลังจากประสบความสำเร็จกับจานแรก นึกสนุกเริ่มอยากทำอะไรที่ยากขึ้น
“คิดไว้สิเดี๋ยวกลับมาสอน ..ที่นี่มี wifi ฉันจดพาสเวิร์ดให้แล้ว อยู่บนโต๊ะทำงานนะเผื่ออยากจะลองค้นหาเมนูอาหารในอินเตอร์เน็ต” ชายหนุ่มบอกอย่างใจดี
“โธ่...เมื่อวานทำไมไม่บอก ปล่อยให้เดินหาคลื่นตั้งนาน” หญิงสาวต่อว่าเขาไม่จริงจังนัก
“ไม่ถามเองนี่” ตะวันไม่ยอมอ่อนข้อให้ หล่อนถูกตามใจมานานพอแล้ว
“กินข้าวดีกว่า....อื้อ..อร่อยมากอ่ะ..นายลองดูสิ” ใบหม่อนตักอาหารเข้าปากคำแรกก็รีบชื่นชมฝีมือตัวเอง ทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก
ตะวัน ยิ้มขำ สาวน้อยเหมือนได้ของเล่นถูกใจ ชายหนุ่มจ้องมองอย่างเผลอไผล ดวงหน้าใสไร้เครื่องสำอาง ยิ่งเห็นก็ยิ่งชวนหลงใหล ต่างจากผู้หญิงในผับวันนั้นลิบลับ วันที่เขาเจอหล่อนครั้งแรกแล้วก็นึกไปว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอย่างว่า แถมเสนอราคาให้หล่อนเสียด้วย
“นี่..นายไม่กินเหรอ..จ้องมองอยู่ได้”
“ไหน.....ใครมอง”
“ฮึ...ว่าแต่เขา”
“อยากไปเที่ยวดูไร่หรือเปล่า” ตะวันเริ่มใจอ่อน
“ได้เหรอคะ..” ใบหม่อนถามอย่างกระตือรือร้น แววตาสดใส ยิ้มแก้มแทบแตก
“ได้สิ ถ้าเธอเป็นเด็กดีมีเหตุมีผลกับเขาบ้าง” ชายหนุ่มสร้างเงื่อนไข
“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหน” ใบหม่อนถามเสียงขุ่น ยิ้มเมื่อสักครู่หุบลงทันที ตามประสาคนที่ได้รับการตามใจแต่เล็กแต่น้อย
“ก็ตรงนี้ไง...ตรงที่ไม่เคยรับฟังใคร คนเราเนี่ยนะ ถ้าจะให้คนอื่นยอมรับ ก็ด้วยการทำให้เห็น เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่เอาชนะคะคานด้วยการตีฝีปาก”
ใบหม่อนนิ่งเงียบ เชิดหน้า คอแข็ง เม้มปากสนิท อันเป็นท่าทางที่ตะวันเริ่มจะคุ้นชิน เพราะตั้งแต่พาหล่อนมาที่นี่ มีเรื่องให้หล่อนงอนได้แทบทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
กรุงเทพฯ
น้ำชา น้องสาวของใบหม่อน หน้าตาสะสวยไม่แพ้ผู้เป็นพี่ หล่อนมีอายุห่างจากพี่สาวแค่เพียงปีเดียว แต่หญิงสาวถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนักจากมารดา ทั้งเรื่องการเรียน และการอบรมกิริยามารยาท เพื่อหวังจะให้เป็นที่รักของบิดามากกว่าใบหม่อนลูกรัก ที่เป็นสาเหตุให้ มาริสาแม่ของน้ำชา ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนมานานเกือบยี่สิบปี เพราะเหตุผลเดียวที่นายเดชาให้คือ สงสารลูกสาวคนโต ทั้ง ๆ ที่คุณแพรไหมแม่ของใบหม่อนก็เอ่ยปากอนุญาต เพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพ ที่ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาได้หลังจากคลอดลูกสาว จึงเป็นคนมาขอหล่อนให้กับสามีเอง ซึ่งขณะนั้นหล่อนทำงานเป็นเลขาของนายเดชา
“น้ำชา แกทำได้ไงอ่ะ ไม่กลัวแม่จับได้เหรอ” ก้อยเพื่อนสาวของน้ำชาบ่น ขณะนั่งด้วยกันในร้านกาแฟชื่อดัง ในห้างหรู เพราะหล่อนมักจะถูกเรียกให้มาเป็นเพื่อนเที่ยวทุกวันหยุด ในขณะที่เพื่อนสาวโดดเรียนจากคอร์สพิเศษที่มารดาสรรหามาให้
“ช่างเหอะ ฉันเบื่อ ที่ต้องทำเป็นเด็กดีของแม่” น้ำชาเบ้ปาก อย่างไม่สบอารมณ์ ทุกเสาร์อาทิตย์ มาริสาจะสั่งคนขับรถให้มาส่งลูกสาวที่โรงเรียนสอนเสริมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสอนทำอาหาร เต้นบัลเล่ห์ เรียนดนตรี เปียโน เป็นต้น ตามแต่หล่อนเห็นสมควร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับลูกเขยที่ดีที่สุด ที่หล่อนหมายตาไว้ให้
“สวัสดีฮะ น้องน้ำชาหรือเปล่าฮะ” ชายหนุ่ม ร่างสูง ผิวขาว หน้าตาดี เดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะ” น้ำชายังงง ๆ ว่าเขาเป็นใคร แต่ก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เหมือนกัน
“พี่กริชไงฮะ เราเจอกันที่คณะวันรับน้อง”
“อ๋อ...พี่กริช” น้ำชาเพิ่งนึกออกเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือไม่ให้หล่อนโดนแกล้งจากรุ่นพี่คนอื่น
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมฮะ” ชายหนุ่มถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม พุ่งเป้าไปที่สาวน้อยน้ำชา โดยไม่ชำเลืองแลเพื่อนสาวของหล่อนที่มาด้วยแม้แต่น้อย
“เชิญค่ะ” น้ำชายิ้มแย้ม เชื้อเชิญอย่างเต็มใจ
จากนั้น หนุ่มกริช ก็สรรหาเรื่องราวมาสนทนากับสาวน้อยที่เขาหมายตาไว้ อย่างสนุกสนาน นาน ๆ จึงจะหันไปคุยกับก้อย อย่างเสียไม่ได้ แสดงออกชัดเจนว่าใครเป็นคนสำคัญของเขา และแน่นอนว่าวันนั้น ก่อนจะแยกย้าย ทั้งคู่ได้แอดไลน์ กันเป็นที่เรียบร้อย มีหรือที่สาวน้อยด้อยประสบการณ์อย่างน้ำชาจะไม่หวั่นไหว แต่ก็ต้องรีบกลับบ้านตามเวลา ตีเนียน เหมือนเพิ่งจะเลิกเรียน
ณ บ้านไร่ใบหม่อน
ตะวันกลับบ้านในเย็นนั้น ต้องพบกับความประหลาดใจ ทันทีที่ก้าวขึ้นบันไดบ้าน พื้นบ้านสะอาดเอี่ยมเรียบร้อยเกินความคาดหมาย
“เป็นไงคะ อึ้งเลยล่ะสิ” หญิงสาวยืนกอดอก รอดูผลงาน
“อืม...ทำดีก็ได้นี่” ตะวันออกปากชม
“ซักผ้าแล้วด้วย” หญิงสาวรายงาน
“นึกว่าทำไม่เป็นซะอีก”
“เรื่องกล้วย ๆ” สาวน้อยคุย ขณะที่เผลอเกามือตัวเองยิก ๆ
“ไหนดูสิ” ชายหนุ่มคว้ามือบางขึ้นมาดู เห็นเป็นรอยแดงผื่นแพ้ คงจะแพ้ผงซักฟอก ตะวันจูงมือหล่อนมานั่งที่เก้าอี้ ในขณะที่เขาค้นหายาในกล่อง และนั่งลงบนพื้น ก่อนจะหยิบยาแก้แพ้ เอาออกมาทาให้อย่างเบามือ
ใบหม่อนเฝ้าดูกิริยาอ่อนโยนที่เขาปฏิบัติต่อหล่อนแล้วก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ก่อนนี้มีบิดาคนเดียวเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อหล่อนแบบนี้ แต่หลังจากที่ท่านพาแม่เลี้ยงและน้องสาวเข้าบ้าน ก็ไม่เคยมีโมเม้นต์แบบนี้ต่อกันอีกเลย เมื่อนึกถึงน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาด้วยความอาดูรที่อัดแน่นในอก หญิงสาวรีบกรีดน้ำตาทิ้งไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอที่หล่อนพยายามซ่อนไว้อย่างมิดชิด
“คงจะแพ้ผงซักฟอก ดีขึ้นหรือยัง มีตรงไหนอีกหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อน พลางสำรวจแขนขาว่ามีส่วนใหนเป็นอะไรอีก
“อยากไปเที่ยวจนต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอ” ชายหนุ่มกระเซ้า
“นายจะผิดสัญญาไม่ได้นะ”
“ตกลง ว่าแต่ขี่ม้าเป็นหรือเปล่า”
“ขี่ม้าด้วยเหรอ....ว้า... ขี่ไม่เป็นอ่ะ” หญิงสาวตื่นเต้นในตอนแรก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าขี่ม้าไม่เป็น
“เสียดาย อุตส่าห์ให้คนเตรียมม้าไว้แล้วสองตัว”
“ไม่เป็นไร ฉันเกาะหลังนายไปก็ได้ เหมือนซ้อนมอเตอร์ไซด์ไง” หญิงสาวหาทางออก ยังไงซะ การขี่ม้าชมไร่ก็น่าสนุกกว่า นั่งรถเป็นไหน ๆ
“ หึ..หึ..” ตะวันหัวเราะ เด็กเอ๋ยเด็ก
ตกลงเย็นนั้น ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทำกับข้าวให้คนตัวบางกิน เพราะไม่อยากให้หล่อนหยิบจับอะไร บรรยากาศดูชื่นมื่นกว่าที่ผ่าน ๆ มา แม้กระทั่งถึงเวลานอน ใบหม่อนก็ได้ครอบครองเตียงกว้างแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่ตะวันลงไปปูที่นอนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ
ใบหม่อนชะโงกมอง คนตัวโตที่นอนอยู่ข้างล่าง หล่อนยังนอนไม่หลับ อยากจะชวนเขาคุยถึงโปรแกรมเที่ยววันพรุ่งนี้
“นาย....หลับแล้วเหรอ” ใบหม่อนเรียกคนข้างล่างเบา ๆ หญิงสาวชะโงกมองจนผมยาวรุ่ยร่ายลงไประอยู่บนช่วงอกของเขาโดยไม่รู้ตัว บวกกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผม มันรบกวนอารมณ์หนุ่ม สร้างความปั่นป่วนให้กับตะวันไม่น้อย
“อืม...” ชายหนุ่มทำเสียงเหมือนรำคาญแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้
“อีตาบ้า...อย่ามาหันหลังใส่ฉัน แบบนี้ไม่ได้นะ” ใบหม่อนหงุดหงิด ที่เขาทำเหมือนหล่อนเป็นคนน่ารำคาญ
“................” ตะวันนิ่งเงียบไม่ตอบโต้
“หันมาพูดให้รู้เรื่องนะ” หญิงสาวเอื้อมมือดึงร่างหนาจนสุดแขน ในขณะที่ตะวันหันกลับมากะทันหัน จึงทำให้ใบหม่อนเสียหลัก ตกลงไปนอนทับอยู่บนร่างชายหนุ่ ซึ่งเขาก็รัดร่างบางนั้นไว้ อย่างว่องไว ใบหม่อนดิ้นขลุกขลักรู้ตัวว่าพลาดแล้ว
“ปล่อย”
“เธอลงมาหาฉันเองนะ” ชายหนุ่มพูดอยู่ชิดริมหู ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดอยู่ข้างแก้ม ทำเอาใบหม่อนตัวอ่อน หมดแรงจะดิ้นรนผลักไส ตะวันพลิกร่างบางลงด้านล่าง ก้มลงควานหาความหวานจากกลีบปากนุ่มที่เขาเคยได้สัมผัสมาครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้เขาค่อย ๆ สัมผัสด้วยความนุ่มนวล อ่อนหวาน ก่อนจะตัดใจปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
“กลับขึ้นไปได้แล้ว แล้วก็นอนซะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ” ตะวันดุเสียงเข้ม นอนกัดฟันกรอด ยัยเด็กบ้า...เกือบหาเรื่องให้เขาเสียคนเสียแล้วสิ
ใบหม่อนตะกายขึ้นเตียงแข้งขาอ่อน นอนห่มผ้าหลับตาเงียบอย่างว่าง่าย แต่ในใจเต้นตึกตัก แทบจะระเบิด หล่อนตื่นเต้นกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่เขาพาไปรู้จัก ถึงแม้แค่เพียงนิดเดียว แต่ก็ทำให้หญิงสาวรู้ว่าช่างแตกต่างจากคราวที่แล้วราวฟ้ากับเหว
