6
“นายตะวัน เมื่อคืนพาใครมาอ่ะ...สวยซะด้วย” พู่ ลูกน้องคนสนิท วัยสิบเก้า ลูกของคนเก่าแก่ของมารดา ถามอย่างตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยเห็นนายตะวันเคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่บ้านหลังนี้มาก่อน
“เห็นหรือไง ถึงรู้ว่าสวย” ผู้เป็นนายรู้ทัน
“มะ...ไม่ค่อยชัด...แฮร่” พู่เผลอตัวให้เจ้านายจับได้ ก่อนจะมาถึง นายตะวันโทรมาสั่งห้ามทุกคนเข้าเขตบ้าน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตแถมยังให้เอาพวกเครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น เตาอบ และเครื่องใช้อำนวยความสะดวกอีกหลายอย่าง ย้ายออกไปเก็บที่อื่น ทำให้พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
“จับจำเลยมาขังเหรอ เหมือนในหนัง ที่พระเอกจับนางเอกมาทรมาน แล้วก็รักกัน ไรงี้” พู่ ปากเปราะ เขาโตมากับนายตะวัน สนิทกันจนเหมือนพี่น้อง ทำให้ล้นเกินลูกน้องไปบ้าง
“ไอ้บ้า ...... เมียโว้ย......” เจ้านายเหลืออด กับความช่างจินตนาการของไอ้พู่ จึงต้องรีบดับจินตนาการของมันเสียก่อน
“ฮั่นแน่...ไม่ต้องมาอำ...ไปฉุดลูกสาวใครมา” พู่ ไม่เชื่อ
“เดี๋ยวเหอะ....ไอ้พู่...ฉันสั่งห้ามทุกคนปากมากนะ ปิดปากให้สนิท ถ้านายแม่รู้แกตายก่อนเลย จำไว้ไอ้พู่” ตะวันหมายถึง คุณนุชนารถ ผู้เป็นแม่ ที่ถึงแม้ไม่ยอมมาเหยียบที่ไร่หลายปี แต่ก็คอยสอดส่องความเป็นไปของลูกชายเสมอ
“คร๊าบ......”
“ไปได้แล้ว หาคนมาขนเครื่องสูบน้ำท้ายรถด้วย” นายตะวันสั่งงาน
“ว่าแต่ ไม่เอาโซ่ แส้ กุญแจมือ แน่นะ” ไอ้พู่จะไป ยังไม่วายหันมาทำหน้าทะเล้น
“ไอ้นี่...เดี๋ยวปั๊ด”
“นายตะวัน กินอะไรมาหรือยัง มา ๆ ค่ะ อิฉันเตรียมไว้ให้แล้ว” ป้าเจิม แม่ของพู่ คนเก่าคนแก่ของมารดา คนนี้แหละที่ส่งข่าวคราวของเขาให้มารดารู้ ทั้งที่เขาก็เข้าไปท่านที่โรงแรมบ่อย ๆ มีแต่ระยะหลังนี่แหละที่ห่าง ๆ ไป เพราะไปทีไร ก็พูดถึงแต่ลูกสาวเพื่อน ว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้
“กินมาแล้ว ป้าเจิมรู้เรื่องที่ผมสั่งแล้วใช่ไหมครับ.... งานนี้ใครบอกนายแม่ ผมส่งกลับทันที” ตะวันสำทับ หนักแน่น
“ทำไมล่ะคะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครหรือคะ ทำไมถึงบอกนายแม่ไม่ได้”
“เมีย !”
“ตาเถร !” ป้าเจิมตกใจ ตาโต ไม่คิดไม่ฝัน อะไรจะรวดเร็วสายฟ้าแลบ ปานนี้
“คือให้ปิดไว้ก่อน ยังไม่พร้อมเปิดตัว เอาไว้รอให้ ป้าเจิมช่วยขัดเกลาก่อน ค่อยบอกนายแม่ยังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มใช้ไม้อ่อน
“อุ้ย...นายตะวันก็ เจิมไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ” นางเจิมยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่
“เอาไว้ผมจะบอกนะครับ ว่าจะให้ป้าเจิมช่วยสอนอะไร มีเยอะแน่ ว่าแต่ ห้ามบอกนายแม่นะครับ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ
“ไม่บอกค่า...ไม่บอก รับรอง” นางเจิมยิ้มปลื้ม ที่จะได้มีลูกศิษย์กับเขาเสียที ไอ้พู่ก็ไม่เอาไหน
“ขอบคุณนะครับ” ตะวันยิ้ม หมดปัญหา ทางสะดวกเขาไม่อยากบอกนายแม่ เกรงว่าเรื่องมันจะยุ่งกันไปใหญ่
ชายหนุ่มเข้าไปตรวจงานในไร่หลังจากไม่อยู่เสียหลายวัน แต่ก็เรียบร้อยดี นอกจากผู้จัดการแล้ว ก็มีไอ้พู่นี่แหละ ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเขาได้ ถึงแม้มันจะล้น ๆ ไปหน่อยก็เถอะ
“นายตะวัน จะให้ผมเรียกนายผู้หญิงว่าอะไร เอ่อ.เอาตรง ๆ เลยแล้วกัน..เมียนายน่ะชื่ออะไร” พู่ถามขณะมาแวะที่โรงเรือนเพาะกล้ากาแฟ
“ทำไมวะ ไอ้พู่ เอ็งข้องใจอะไรนักหนา” นายตะวันไม่สบอารมณ์ ขณะก้มดูต้นกล้ากาแฟ
“โห.....ถามหน่อยก็ไม่ได้” พู่บ่น ด้วยความที่เขาเป็นคนสนิทของนายตะวัน ก็อยากเป็นคนสนิทของนายผู้หญิงด้วยก็เท่านั้น
“เขาชื่อใบหม่อน แต่แกเรียกนายผู้หญิงก็ได้” นายตะวัน เห็นหน้าจ๋อย ๆ ของพู่ ก็อดสงสารไม่ได้
“ใบหม่อน ! ชื่อเดียวกับไร่เราเลย” พู่ตื่นเต้น เขาต้องคอยตอบคำถามใครต่อใคร ที่ชอบถามว่าไร่กาแฟ แต่ทำไมใช้ชื่อนี้
“ตื่นเต้น อะไรนักหนาไอ้พู่” ตะวันกลบเกลื่อน เพราะเขาเป็นคนตั้งชื่อไร่นี้เอง เมื่อครั้งมาบุกเบิกกับพ่อตั้งแต่ยังวัยรุ่น แต่พู่ไม่รู้ความลับข้อนี้
“ต่อไปนี้ถ้าใครถามว่าไร่กาแฟ ทำไมถึงชื่อ บ้านไร่ ใบหม่อน จะได้ตอบว่า ชื่อเมียนาย” พู่ดูจะดีอกดีใจเป็นพิเศษ
“บอกให้ปิดปาก ไม่ทันไร เตรียมโพทนา ซะแล้ว เดี๋ยวโดนเตะจนได้” นายตะวันด่าลูกน้อง
“ไอ้พู่แกทำต่อนะ ฉันจะกลับไปดูที่บ้านหน่อย” นายตะวันสั่งลูกน้องแล้วกลับขึ้นรถ ขับออกไปเลย
“รอให้มืดค่ำก่อนนะนาย อายผีสางเทวดาบ้างเน้อ” พู่ตะโกนไล่หลัง ก่อนจะหันกลับมาทำงานของตัวเอง เขาเดินสำรวจต้นกล้า และคัดแยกต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก เป็นการเช็ครอบสอง เพราะนายตะวันจะพิถีพิถันเลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ที่สุด จึงจะเอาลงปลูก
ใบหม่อน เจอจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์ชัดเจนสักที หลังจากพยายามเดินหามานาน มันอยู่ตรงบันไดขึ้นบ้านนี่เอง คนแรกที่หล่อนโทรหา คือ อชิ
“ใบหม่อน แกหายไปไหนมา ฉันโทรหาแกมือจะหงิกแล้วเนี่ย” อชิบ่นทันทีที่เห็นชื่อเพื่อนสาวโทรมา
“ไม่มีสัญญาณเลยอ่ะ ฉันจะโทรหาแกตั้งนานแล้ว เพิ่งจะเจอไม่กล้าขยับ เดี๋ยวสัญญาณหายอีก”
“อะไรยะใบหม่อน แกไปอยู่หลืบไหนของประเทศยะ เดี๋ยวนี้เขาสัญญาณชัด ครอบคลุมทั่วไทยแล้วย่ะ” อชิ ไม่เชื่อคิดว่าเพื่อนสาวอำ นางจีบปากจีบคอต่อว่า
“ฉันอยู่ดอยแม่สลอง”
“ต๊าย...แกไปทำอะไรที่นั่น ไปเที่ยวเหรอ ไม่ชวนกันบ้างเลย”
“ไม่ได้มาเที่ยว มาอยู่บ้านสามี” ใบหม่อนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
“ต๊ายตาย... ว้ายแหก...”อชิอุทานยืดยาว ให้สมกับความตกใจ
“อะไรของแก อชิ”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก ว่าเอาอะไรมาพูด” อชิไม่เชื่อ
“จริง ๆ เมื่อวานฉันถูกพ่อจับแต่งงาน จดทะเบียนเรียบร้อย” ใบหม่อนเข้าใจอย่างนั้น
“เพราะเรื่องวันนั้นหรือเปล่า”
“ใช่ พ่อโกรธมาก แล้วฉันก็ดันไปท้าทาย เลยซวย” หญิงสาวบ่น เซ็ง ๆ
“แกนะแก...ไม่น่าเลย” อชิ พูดได้เท่านั้น ไม่อยากซ้ำเติมเพื่อน เพราะรู้จักใบหม่อนดี นางจะพยายามทำเป็นเข้มแข็ง ทั้งที่ข้างในอ่อนปวกเปียก
“แล้วเจ้าบ่าวของแกเป็นใคร” อชิอยากรู้แค่ดีกรีความหล่อเท่านั้นแหละ เรื่องอื่นไม่ค่อยอยู่ในสมอง
“อีตาหมาบ้าไง”
“ห๊า.....แกอย่าบอกนะว่าเป็นคนเดียวกับหนุ่มกล้ามแน่น ที่เกิดเรื่องกับแกทั้งสองครั้งน่ะ”
“เออ...คนนั้นแหละ” ใบหม่อนอยากจะบอกว่าสามครั้งต่างหาก ครั้งแรกโดนจูบเลยล่ะ เกรงว่าอชิจะกรี๊ด สลบไปเสียก่อน
“โอย....ฉันจะเป็นลม อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”
“เออ...ว่าแต่เมื่อคืนเป็นไงมั่งอ่ะ” อชิถามเสียงเล็กเสียงน้อย
“บ้าเหรอแก” ใบหม่อนเขิน รู้ว่าเพื่อนหมายความว่าอะไร
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ถ้าเป็นฉันนะ...งั่ม ๆ จะเขี้ยวทั้งคืน เลยคอยดู”
“ใครจะอยากเคี้ยว ตัวใหญ่อย่างกับหมีควาย” หญิงสาวค่อนว่า ไม่ได้รู้เลย หมีควายที่ว่า มายืนอยู่ข้างหลังนานแล้ว
ตะวันแน่ใจว่าใบหม่อนคงคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับตัวเขาอยู่ ทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง พอดีมันเป็นทางผ่านที่เขาจะต้องขึ้นบ้าน แต่พอได้ยินประโยคสุดท้าย เขาเลยเดินลงส้นหนัก ๆ ผ่านหญิงสาวไปเลย
“นาย !”
