บท
ตั้งค่า

3

สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ใบหม่อนหลับตาปี๋ ถุงลมนิรภัยพองตัวขึ้นมารองรับ ช่วงหน้าอกของเธอ กันการกระแทกกับพวงมาลัย ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังอดตกใจไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนพบกับเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนน เพราะปกติใบหม่อน ไม่ใช่พวกที่ชื่นชอบความเร็วอยู่แล้ว

ก๊อก..ก๊อก...ก๊อก เสียงเคาะกระจกดังขึ้น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาเปิดกระจก ยกมือไหว้ขอโทษ ปาก คอสั่น

“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ตั้งใจ” ใบหม่อนเอ่ยคำสุดฮิต สำหรับคนที่ทำผิด ไม่กล้ามองหน้าคู่กรณี

“คุณ ลงมาคุยกันดี ๆ ดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ ๆ เมื่อเห็นอากัปกิริยาของสาวน้อยแล้วสงสาร หล่อนมาคนเดียว คงจะตกใจ เขาก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่อง แค่จะเรียกประกันของทั้งสองฝ่าย

ใบหม่อนเปิดประตูรถลงไป สะดุดหูกับน้ำเสียงคุ้น ๆ หล่อนจึงเงยหน้าขึ้นมอง เพ่งมอง แล้วก็มอง

“ไอ้ !.....” หญิงสาวจำได้แล้ว เขาเป็นคนเดียวกับผู้ชายคนเมื่อคืน ที่หาว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอย่างว่า

“เธอ ! ยัยเด็กบ้า” ชายหนุ่มเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามชัด ๆ ตาโต ๆ จมูกโด่งรั้น ก็นึกออกทันทีเหมือนกัน

“ทั้งหมดนี่เป็นแผนของนายใช่ไหม” ใบหม่อนหลับหูหลับตาด่ามั่วไปก่อน

“อะไรของเธอ อย่างฉันนี่นะ จะวางแผนให้เธอชนท้าย บ้าฉิบ!...” ตะวันสบถ

“ไม่รู้ล่ะ ความผิดของนาย” ใบหม่อนโมเม แล้วรีบกลับขึ้นรถ หล่อนถอยและโยกพวงมาลัยแล้วขับไปเลย ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนขบเขี้ยว เคี้ยวฟัน

“ยัยสิบแปดมงกุฎ ชนแล้วจะหนีเหรอ” ตะวันขึ้นรถขับไล่ตามไปติด ๆ แล้วก็ต้องหัวเสียอย่างหนัก เมื่อยัยตัวแสบหลุดรอดไฟแดงไปได้อย่างเฉียดฉิว

“เฮ้ย...เป็นอะไรวะ...นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิง” ผู้กองหนุ่มทัก

“ก็ดันเจอยัยตัวแสบน่ะสิ ชนแล้วหนี..แถมด่าว่าฉันเป็นคนวางแผนอีก ...มันน่านัก”

“จำทะเบียนรถได้หรือเปล่า ฉันเช็คให้ได้นะ”

“จำได้ แต่ช่างเหอะ” เขาไม่อยากเอาเรื่องให้ยุ่งยาก พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว สงสัยแม่นั่นแอบเอารถใครมาขับถึงได้กลัวขนาดนั้น ป่านนี้คงโดนเจ้าของเช็คบิลแล้ว...ฮึ...

“คนเดียวกับเมื่อคืนหรือเปล่าวะ คนที่กระแทกส้นใส่เมื่อคืนใช่ไหม” ผู้กองหนุ่มตั้งข้อสงสัย

“เออ ! ซวยฉิบ”

“เอ...มันชักยังไง ๆ นา หรือว่าติดใจ”

“ไอ้บ้า...ผู้หญิงอย่างนั้นน่ะเหรอ” ชายหนุ่มดูแคลน

ใบหม่อนขับรถมาหา อชิ ที่คอนโด ไม่กล้ากลับเข้าบ้านขอมาตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน เพราะร่องรอยหน้ารถ ถ้าหากบิดาเห็นก็คงหัวเสีย หล่อนยังไม่หายตื่นเต้น แม้จะเข้ามานั่งในห้องของเพื่อนแล้วก็ตาม

“วิ่งหนีใครมาอีกเหรอยะ ยัยใบหม่อน” อชิ เห็นหน้าตาตื่น ๆ ของเพื่อนก็เดาสุ่ม

“เปล่า แต่วิ่งชนเลยล่ะ” หญิงสาวดื่มน้ำอึกใหญ่ ก่อนจะทำท่าเหมือนน้ำติดคอ

“เบา ๆ ก็ได้ เดี๋ยวได้สำลัก”

“แกจำอีตาหมาบ้าเมื่อคืนได้ไหม”

“หนุ่มกล้ามแน่น ๆ น่ะเหรอ เขาทำอะไรแก ที่ไหน บอกมา” อชิยิ้มดวงตาพราว

“เปล่า...เขาไม่ได้ทำอะไร.....มีแต่ฉันนี่แหละ ขับรถชนท้ายรถเขาโครมเบ้อเร่อ”

“คุณพระ..อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น” อชิ อุทาน ยกสองมือไขว้แตะหน้าอก ท่าทางน่าหยิก

“ฉันเลยหาเรื่องด่าเขา แล้วก็ชิ่งหนีมานี่แหละ” ใบหม่อนรู้สึกผิดนิด ๆ นิดเดียวจริง ๆ เพราะเมื่อคืนเขาก็ด่าหล่อนไว้เยอะ ถือว่าหายกัน

“ต๊าย...ยัยใบหม่อน หล่อนเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ” อชิ ผู้ผดุงความยุติธรรม ตำหนิเพื่อนสาว

“ก็ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงนี่นา เมื่อคืนเพิ่งจะทะเลาะกับพ่อ ขืนให้รู้ฉันตายแน่”

“ใบหม่อน ฉันว่าแกลองเปิดใจฟังพ่อแกหน่อยดีไหม” อชิ เตือนเพื่อนสาว เขาไม่เห็นด้วยที่หล่อนประชดพ่อด้วยการทำตัวเหลวไหล

“ช่างเหอะ...อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย” ใบหม่อนไม่อยากพูดถึง

“วันนี้ไปเที่ยวไหนดีล่ะ”

“ตอนนี้น่ะเหรอ...ร้อนตายชัก” อชิ จัดอยู่ในพวกผีเสื้อราตรี กลางคืนสู้ตาย

“งั้นคืนนี้ก็ได้ นอนก่อนแล้วกัน” ใบหม่อนยึดโซฟาตัวยาว นอนหลับไปอย่างง่ายดาย

ถึงเวลาของผีเสื้อราตรี อชิกับใบหม่อนพากันมาเที่ยว สถานบันเทิงเปิดใหม่ ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น แถมว่ากันว่า เส้นใหญ่ไม่มีใครกวน เปิดโต้รุ่งได้สบาย ๆ

หญิงสาวนั่งโยกตามจังหวะเสียงเพลง สลับกับการจิบน้ำพั้นซ์แสนอร่อย วันนี้ อชิยื่นคำขาด ห้ามหล่อนออกไปวาดลวดลายเหมือนเมื่อวานเด็ดขาด ทั้งคู่เพลิดเพลินกันจนลืมเวลา กระทั่ง จู่ ๆ ไฟฟ้าสว่างพรึ่บขึ้นมา ตามด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยไหนบ้างก็ไม่รู้เต็มไปหมด พ่วงด้วยนักข่าว รวม ๆ แล้วเกือบร้อยเห็นจะได้ คงได้เป็นข่าวใหญ่แน่ ๆ

เช้าวันใหม่ ทั้งคู่ กลับคอนโดด้วยอาการสะโหลสะเหล เพราะกว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนการตรวจ ค้น ตรวจฉี่ ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้ยุ่งกับของพวกนี้อยู่แล้ว แต่ที่หน้าแปลกใจ คือจำนวนคนที่ฉี่ม่วงมีมากเกินครึ่ง บวกกับเม็ดยามากมายตกเกลื่อนพื้น ทำเอาใบหม่อนใจหาย นี่หล่อนปล่อยชีวิตให้ตกต่ำ พาตัวเองเข้าไปอยู่ในความเสี่ยงแท้ ๆ

“อชิ ฉันขอโทษนะที่ลากแกไปเจอกับเหตุการณ์บ้า ๆ แบบนี้” ใบหม่อนเอ่ยดวงตาหม่น เป็นเพราะหล่อนที่หาเรื่องออกเที่ยวประชดชีวิต ไปเรื่อย ๆ และทุกครั้งก็จะต้องลากอชิไปด้วย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจไปปกป้องเพื่อนสาวก็ตาม หลัง ๆ ก็เลยพากันใจแตก ออกเที่ยวจนเป็นความเคยชิน

“เออ...ก็ด้วยกันนั่นแหละ ฉี่แทบแตก ตอนโดนค้นตัวน่ะ" อชิเล่าความรู้สึก

"แกกลัวเหรอ อชิ"

"เปล่า...คุณตำรวจหล่อ มว้าก...." อชิทำตาลอย

"แกนี่นะ เก็บเกี่ยวได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ"

"หวังว่าพ่อแม่ฉันจะไม่รู้นะ สยองอ่ะ” อชิ นึกถึงพ่อกับแม่ที่ทำสวนลำไย และโรงงานแปรรูปอยู่ที่เชียงใหม่ ถ้ารู้คงถูกด่าเปิง

“เลิก !” อยู่ ๆ หญิงสาวก็พูดออกมาหนักแน่น หลังจากเงียบไปสักพัก

“อะไรของแก เลิกอะไร” อชิ เกือบจะหลับอยู่แล้ว ตามอารมณ์เพื่อนสาวไม่ทัน

“เลิกประชดชีวิตแบบนี้น่ะสิ ฉันจะตั้งใจเรียน รีบเรียน รีบจบ หางานทำแล้วจะได้ไปจากบ้านที่น่าอึดอัดเสียที” ใบหม่อนตัดสินใจแน่วแน่ เมื่อคิดได้ว่าวิธีการที่ตัวเองทำอยู่นี้ โง่ ! สิ้นดี

“เออ ๆ ดีใจด้วย แต่ว่าตอนนี้ขอนอนก่อนได้ไหม ตาจะปิดอยู่แล้ว”

“คุณคะ เห็นข่าวนี้หรือยัง” มาริสาส่งไอแพด ให้ผู้เป็นสามี รูปของใบหม่อนชัดเป๊ะ ถึงแม้จะมีแถบคาดตาไว้บาง ๆ พร้อมตอกย้ำด้วยข้อความ “เจ้าหน้าที่บุกตรวจผับกลางกรุง มั่วสุมเสพยาอื้อ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังโดนด้วย”

“ใบหม่อน !” นายเดชาโกรธจัด ชื่อเสียงป่นปี้ก็คราวนี้ เขาให้สาวใช้ไปตามลูกสาวลงมาพูดกันให้รู้เรื่อง

“คุณหนูยังไม่กลับค่ะ” สาวใช้ลงมารายงาน

“คุณคะ ใจเย็นก่อนค่ะ บางทีอาจจะติดธุระอยู่ที่โรงพักก็ได้นะคะ หรือไม่ก็...อาจจะไปค้างบ้านใคร” มาริสาปลอบให้สามีใจเย็นลง แต่เหมือนเติมเชื้อไฟ ยังไงก็ไม่รู้

“คุณหนูมาแล้วค่ะ” สาวใช้เข้ามารายงาน

นายเดชาเดินไปดักรอลูกสาวที่หน้าบันไดก่อนที่เจ้าตัวดีจะหนีขึ้นห้อง

“คุณพ่อ....” ใบหม่อนตกใจ ไม่คิดว่าผู้เป็นพ่อจะมาดักรอได้พอดิบพอดีอย่างนี้

“ยังจำได้อีกรึ ว่าฉันเป็นพ่อแก” นายเดชาตวาดเสียงดังลั่น ทุกคนหลบเข้าที่ คอยเงี่ยหูฟังอยู่ห่าง ๆ

“คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ” ใบหม่อนเสียงแข็งขึ้นมาทันที ด้วยตะกอนในใจ ที่ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมา

“ฉันเพิ่งจะบอกกับแกเมื่อวานนี้ แล้วนี่อะไร ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แกก็ออกไปก่อเรื่องอีกแล้ว”

“หนูไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ”

“ไม่ผิดเหรอ ข่าวลงกระหึ่มทั้งโซเชียล หน้าแกขึ้นหราเลย แบบนี้จะให้ฉันเอาปี๊บคลุมหัวหรือไง”

“มันไม่จริงนะคะ หนูไม่ได้มั่วยา ตรวจฉี่ก็ไม่เจอ คุณพ่อไปถามตำรวจได้เลย” ใบหม่อนกล้าท้าบิดา เพราะมันเป็นความจริง

“ใบหม่อน ฉันสู้อุตส่าห์ทำงานงก ๆ ทุกวันนี้เพื่อให้แกได้เรียนหนังสือดี ๆ มีชีวิตที่สุขสบาย ทำไมแกถึงไม่สำนึกเอาไว้บ้าง” นายเดชาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์

“ถ้าลำบากนัก หนูเลิกเรียนหนังสือก็ได้ค่ะ คุณพ่อจะได้ไม่ต้องทำงานงก ๆ เพราะหนูอีก” ใบหม่อนพูดออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะบิดาไม่ยอมฟังหล่อนเอาเสียเลย

....เพี๊ยะ !... สิ้นคำพูดอวดดีนั้น นายเดชาถึงกับสติแตก สะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของลูกสาวจนหันไปตามแรงอารมณ์โกรธของผู้เป็นพ่อ

“ดี ! ในเมื่อไม่อยากเรียน ก็ไม่ต้องเรียน ฉันจะให้แกแต่งงาน เผื่อผัวแกจะช่วยดัดสันดานแกได้ดีกว่าฉัน” นายเดชาถึงกับเหนื่อยหอบ เมื่อพูดจบ

“คุณพ่อ!...” ใบหม่อนตะลึง ตาเบิกกว้าง นอกจากเสียใจที่โดนบิดาตบหน้าแล้ว หล่อนยังแทบช็อคกับเรื่องที่บิดา ประกาศกร้าว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel