2
“วิ่งหนีอะไรมาเหรอ แก” อชิจีบปากถาม เขามองเห็นเพื่อนสาวเพิ่งจะผละออกจากชายหนุ่ม กล้ามแน่นก่อนจะวิ่งมาขึ้นรถ
“หมาบ้า” ใบหม่อนกระแทกเสียงตอบ ด้วยอารมณ์ขุ่นคลั่ก
“ไง โดนหมาบ้ากัดมาเหรอจ๊ะ”
“.....ฮึ.....อย่าให้เจออีกนะ” หญิงสาวหมายหัว
“ติดใจกล้ามแน่น ๆ ของเขาเข้าแล้วหรือไงจ๊ะ” อชิยังยั่วไม่เลิก
“ติดใจบ้าอะไรล่ะ...นายนั่นพยายามเสนอราคา หาว่าฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่า”ใบหม่อนเม้มปากแน่น ดวงตาวาวโรจน์
“ห๊า...อย่างแกเนี่ยนะ ขายได้”
“ไอ้ ! อชิ......อึ้ย....” ใบหม่อนโกรธ หล่อนนั่งกอดอก คอแข็งหน้าเชิดตามองตรง
“ขอโทษ...นะ..ฉันล้อเล่น” อชิรู้ตัวว่าปากเสียเกินไปแล้ว
“ใบหม่อน !”
หญิงสาวสะดุ้งโหยง ไฟกลางห้องเปิดพรึบ สว่างจ้า หล่อนอุตส่าห์ค่อย ๆ จรดปลายเท้าย่องเงียบเข้ามาในบ้าน ก็ยังเจอจนได้
“แกจะฉีกหน้าฉันไปถึงไหน” เดชาผู้เป็นบิดาแผดเสียงดังลั่น คืนนี้เขาเฝ้าดักรอลูกสาวคนโต ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว
“หนูไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ” ใบหม่อนเชิดหน้า ยืดตัวตรงอย่างถือดี ต่างกับเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
“ไอ้การที่แกออกเที่ยว มั่วผู้ชายเกือบทุกคืนนี่นะ จนคนเขาเอาไปนินทากันทั่วบ้านทั่วเมือง ที่แกเรียกว่าไม่ผิด แกเอาอะไรมาคิด” นายเดชาขึ้นเสียง โกรธจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนออกมา
“หนูทำอย่างเปิดเผยนะคะ ไม่ได้เสแสร้งว่าเป็นคนดี แต่ซ่อนความเน่าเฟะเอาไว้มิดชิด คุณพ่ออยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ” ใบหม่อนโต้กลับบิดา ด้วยเสียงดังพอกัน
นายเดชาสะอึก เมื่อถูกลูกสาวยอกย้อน ในเรื่องที่เขายากจะอธิบายให้หล่อนเข้าใจได้ เพราะเมื่อแม่ของใบหม่อนเสียชีวิตลงได้เพียงสามเดือน เขาก็พามาริสากับใบชา น้องสาวคนละแม่ของใบหม่อน ที่อายุห่างกันแค่หนึ่งปี เข้ามาอยู่ในบ้าน วันนั้นหล่อนกรีดร้อง ฟูมฟาย หาว่าเขาทรยศแม่ แม่ของหล่อนจึงต้องตรอมใจตาย หลังจากนั้น ใบหม่อนก็เปลี่ยนจากเด็กเรียบร้อย น่ารัก กลับกลายเป็นอย่างที่เห็น
“ทำไมล่ะคะคุณพ่อ เงียบทำไม” ใบหม่อนรุกต่อ
“ฉันพูดไป แกก็ไม่พยายามเข้าใจ ยังยึดติดกับความเชื่อเดิม ๆ”
“ก็มันเป็นความจริงนี่คะ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้ยังไง” หญิงสาวเถียงบิดา
“เอาล่ะ แกจะเชื่อยังไงก็เรื่องของแก แต่อย่าทำเรื่องเสื่อมเสียให้ฉันต้องขายหน้ามากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการกับแกขั้นเด็ดขาด !” เดชาคาดโทษลูกสาว หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์
“คุณพ่อจะล่ามโซ่หนูเอาไว้หรือคะ” ใบหม่อนประชด
“ถ้าจำเป็น ฉันก็จะทำ จำใส่หัวของแกไว้” นายเดชาชี้หน้าลูกสาวด้วยมือที่สั่นเทาตามแรงอารมณ์ของเจ้าตัว ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป
“........ฮึ...กลัวจะเสียหน้า” ใบหม่อนแสลงใจกับคำนี้ของบิดายิ่งนัก ในความคิดของพ่อมีแต่หน้าตา สังคม ธุรกิจ แล้วหล่อนกับแม่เคยอยู่ในใจของพ่อบ้างหรือเปล่า ใบหม่อนกลับเข้าห้อง ทุ่มตัวลงบนเตียงแล้วก็ร้อง ๆ ๆให้น้ำตามันเหือดแห้งให้หมด หล่อนจะได้ไม่มีน้ำตาให้ร้องอีก
ตะวัน มาหานายเดชา เพื่อนสนิทของพ่อ เขานึกถึงเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งไร่กาแฟใหม่ ๆ แล้วประสบปัญหาซวนเซ ส่งผลกระทบกับธุรกิจทุกอย่างของครอบครัว จนแทบจะล้มละลาย ก็ได้อาเดชาที่ยื่นมือเข้าไปช่วย จนเขากับพ่อสามารถพลิกสถานการณ์กลับมามีฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
“สวัสดีครับคุณอา” ตะวัน พนมมือไหว้เพื่อนบิดา พร้อมทั้งส่งกระเช้าผลิตภัณฑ์ส่งออกของไร่ ให้กับผู้สูงวัยกว่า เป็นสิ่งที่เขาปฏิบัติมาทุกปี อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ว่าบิดาจะถึงแก่กรรมไปแล้ว
“ขอบใจนะ ตะวัน ไม่น่าต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณอามีบุญคุณ ช่วยเหลือครอบครัวของผมไว้”
“เฮ้ย ! อย่าคิดมาก บุญคุณอะไรกัน พ่อเรากับอาน่ะคบหากันด้วยใจ อะไรช่วยกันได้ก็ช่วนกันไป”
“ขอบคุณนะครับ ถ้าคุณอามีอะไรให้ผมรับใช้บอกเลยนะครับ ผมยินดีถ้าคุณพ่อยังอยู่ก็คงคิดแบบเดียวกัน"
“ขอบใจมากหลานชาย” นายเดชาตบไหล่ชายหนุ่ม ชอบใจในความมีน้ำใจของเขา
“เออ...แล้วคุณนุชนารถได้กลับไปที่ไร่บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคยไปเหยียบอีกเลยตั้งแต่คุณพ่อท่านเสียนั่นแหละครับ อยู่ที่เชียงใหม่บริหารโรงแรมอย่างเดียว” ตะวันบอก โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียดเพราะทั้งสองรู้อยู่แก่ใจดี
“น่าเสียดาย มาคราวนี้ ก็ยังไม่ได้เจอกับยัยใบหม่อน เหมือนเคย” นายเดชาพูดถึงลูกสาวที่เคยสนิทสนมกับตะวันเมื่อตอนเด็ก ๆ แต่โตมานี่มีอันต้องคลาดกันตลอด ไม่เคยได้เจอกัน
“ไม่เป็นไรครับ คงมีโอกาสได้เจอกันจนได้” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวอ้วนกลม ที่วิ่งตามพี่ตะวัน หยอย ๆ เวลาที่ครอบครัวทั้งสองไปพักผ่อนด้วยกันที่ดอยแม่สลอง อันเป็นที่ตั้งของไร่กาแฟในปัจจุบัน
“แล้วนี่หลานแต่งงาน แต่งการหรือยัง อายุไม่น้อยแล้วนา”
“ยังครับ” ตะวันตอบสั้น ๆ
“จะอยู่กรุงเทพ ฯกี่วันล่ะเนี่ย” นายเดชาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่อยากพูดถึงเรื่องแต่งงาน
“อีกสองสามวันก็กลับแล้วครับ...ผมลาล่ะครับ”
“เอา ๆ เดินทางปลอดภัยนะ” นายเดชามองตามชายหนุ่ม มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวสมอง
“ใครมาหรือคะคุณ” มาริสาเข้ามา ทันได้เห็นด้านของหลังชายหนุ่มเดินกลับไป
“นายตะวัน” ผู้เป็นสามีตอบ
“อ้อ...หนุ่มชาวไร่นี่เอง” มาริสาพูดจาเหยียด ๆ ด้วยไม่รู้ข้อมูลของชายหนุ่มมากนัก
“เขามาเยี่ยม เอาของมาฝากทุกปี ลูกเพื่อนผม หน่วยก้านดี” เดชาอธิบายให้ภรรยาฟัง
“หวังว่าคงไม่ยัดเยียดให้กับยัยน้ำชาหรอกนะ ลูกสาวฉันยังเด็ก” มาริสาตีกรอบ ป้องกันลูกตัวเองราวกับแม่เสือสาว
“คุณนี่ พูดจาเพ้อเจ้อไปได้” นายเดชารำคาญภรรยา
“ค๊า......ก็ขอให้ฉันเดาผิดก็แล้วกัน อย่างยัยน้ำชาน่ะต้องได้คู่ที่สมน้ำสมเนื้อ มากกว่านายนั่นมาก”
นายเดชาส่ายหัวอย่างระอา คร้านจะเถียงกับหล่อน ที่นับวันยิ่งมีความคิดแปลก ๆ ขึ้นทุกที เมื่อก่อนหล่อนก็ดูเจียมเนื้อเจียมตัวดีอยู่หรอก ตั้งแต่ได้ขึ้นแท่นเป็นภรรยาเอก เพราะเขาเห็นแก่ลูกสาวคนเล็กที่ต้องเป็นลูกนอกสมรส หล่อนกลับเปลี่ยนแปลงไป
ใบหม่อนขับรถอกจากบ้าน ยังไม่มีจุดหมาย แต่ขอให้ได้ออกมาก่อน หล่อนเบื่อที่จะอยู่เผชิญหน้ากับทุกคนในบ้าน ควานหาโทรศัพท์ ในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ เพื่อจะโทรหาอชิ ไม่รู้ว่าป่านนี้ตื่นหรือยัง
“อยู่ไหนนะ...”หล่อนพูดอย่างหัวเสีย แล้วก้มไปดู เพียงเสี้ยววินาที
.............โครม......................
