บท
ตั้งค่า

14

ตะวันขับรถพาใบหม่อนมาส่งที่สำนักงานเช่นเดิม ในห้องยังไม่มีใครเข้ามาทำงาน เพราะยังเช้าอยู่มาก และก็ยังไม่ถึงเวลางานด้วย ชายหนุ่มตามเข้าไปตรวจงานเก่าที่หล่อนทำไว้ หวังว่าจะอยู่เป็นเพื่อนใบหม่อน ไม่อยากทิ้งให้หล่อนอยู่คนเดียว

“เป็นไงบ้างคะ” ใบหม่อนยืนลุ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้านิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา สายตาจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์

“อืม... ก็ใช้ได้นะ” ตะวันตอบ ไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ เลยไม่เห็นว่าคนที่ยืนข้าง ๆ หน้าง้ำ ตาคว่ำ ไปแล้ว

“แค่ใช้ได้เองเหรอ”

ตะวันสะดุดกับน้ำเสียง งอน ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วขมวดเข้าหากันอย่าง งง ๆ ว่าเขาพูดอะไรผิด

“อุตส่าห์ตั้งใจทำ ได้แค่พอใช้” ใบหม่อนบ่นพึมพำกับตัวเอง

“อืม..เข้าใจแล้ว” ตะวันดึงแขนใบหม่อนลงมานั่งตัก กดจมูกเข้ากับซอกคอ คนขี้งอน

“ปล่อยนะ...พี่ตะวัน...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” หญิงสาวดิ้นลงจากตัก แต่ก็ถูกล็อคตัวไว้แน่นหนา

“ไม่ปล่อย บอกก่อน ทำไมถึงขี้งอนอย่างนี้”

“ใครงอน..”

“ก็คนนี้ไง” ชายหนุ่มแกล้งหอมแก้มแรง ๆ

“โอ๊ะ ! ขอโทษครับ” คทา ผู้จัดการหนุ่มเดินเข้ามาไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ

ใบหม่อนดิ้นหลุดลงมายืนข้าง ๆ หน้าแดง เขินจัด

“ไม่เป็นไร คุณคทา พอดีเรากำลังปรับความเข้าใจกันนิดหน่อย” ตะวันพูดหน้าตาเฉย ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมจะออกไปจากสำนักงาน

“อ้าว...เจ้านายมาแต่เช้าเลยนะคะ” ราตรี ก้าวเข้ามาพอดี วันนี้หล่อนไม่ได้ใส่แว่นหนาเตอะอย่างที่เคย คงจะใส่คอนแทคเลนส์ ดูสวยขึ้นจนผิดตา

“วันนี้คุณราตรีสวยมากนะครับ” ตะวันออกปากชมลูกน้อง ก่อนจะออกจากห้อง ขับรถออกไป

“อุ้ย...สวยยังไงก็สู้คุณใบหม่อนไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะ ตามหลัง

“อืม...ก็จริงอย่างที่เจ้านายพูดแฮะ คุณราตรีสวยขึ้นจริง ๆ” คทา หรี่ตามองหญิงสาว ที่แสดงอาการขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด

“นาย..ผมว่ามันมีอะไรทะแม่ง ๆ อยู่นา” พู่ มองซ้ายมองขวา ลดเสียงลงพูดกับผู้เป็นนาย

“มีอะไรวะไอ้พู่” ตะวันสงสัย ไม่ได้เจอหน้าไอ้พู่มาสองวันแล้ว

“นางแจ่ม เมียไอ้เชิด ที่โดนแทงตายน่ะ มันเล่าให้ฟังว่าก่อนตายแค่วันเดียวไอ้เชิดมันบอกว่าอยากเจอกับนาย”

“จริงเหรอวะ ไอ้พู่ แล้วแจ่มมันรู้ไหมว่าเรื่องอะไร” ชายหนุ่มแปลกใจ

“ไม่รู้ หรือว่ามันอาจจะรู้แต่ไม่ยอมบอก” พู่ตั้งข้อสังเกต

“งั้นไปหาแจ่มกัน” ตะวันชวน ไม่นานทั้งคู่ก็มาจอดรถที่หน้าบ้านพักคนงาน

“แจ่ม....นังแจ่ม” พู่ตะโกนเรียก แลเห็นหน้าบ้านปิดสนิท เลยเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงเห็นกุญแจคล้องอยู่

“สงสัยจะไม่อยู่ครับ นาย” พู่กลับมารายงาน

“ไม่เป็นไร วันหลังค่อยมาใหม่”

“เรื่องนี้ แจ่มได้บอกกับตำรวจหรือเปล่า” ตะวันถามขณะขับรถออกมาจากบ้านพักคนงาน

“มันว่าไม่ได้บอกหรอกนะ กลัวนายเดือดร้อน”

“เฮ้ย ! จะเดือดร้อนได้ยังไงวะ” ตะวันสงสัย อะไรทำให้แจ่มคิดอย่างนั้น เขาต้องรู้ให้ได้

ที่กรุงเทพฯ

“เป็นอะไรคะคุณ นั่งยิ้มอะไรนักหนา” มาริสาถามผู้เป็นสามี นาน ๆ หล่อนจะได้เห็นสามีเป็นแบบนี้ ส่วนมากจะเห็นแต่ภาพเคร่งเครียดจนชินตา

“สบายใจ ที่คิดไม่ผิด ส่งใบหม่อนไปให้เจ้าตะวัน ดัดนิสัย” นายเดชายิ้มอารมณ์ดี

“จับลูกสาวแต่งงาน ทั้งที่ยังเรียนไม่จบนี่น่ะหรือคะ สบายใจ?” มาริสาค่อนว่า ถึงแม้หล่อนจะไม่ได้รักใบหม่อนเหมือนลูก แต่ก็ไม่ได้จงเกลียดจงชัง

“ถึงไม่ส่งไป มันก็เรียนไม่จบอยู่ดี” นายเดชา ไม่ได้เล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับตะวัน ให้มาริสาฟัง

“จะว่าไป ใครจะดีเพียบพร้อมเหมือนหนูน้ำชาของฉันล่ะคะ ปั้นมากับมือ” มาริสาถือโอกาสคุย หล่อนภาคภูมิใจนักหนา ที่คิดว่าลูกสาวอยู่ในโอวาท

“ยังไงก็ ขอบใจนะที่ตั้งใจเลี้ยงลูกของเราอย่างดี” นายเดชา ชื่นชมภรรยาในข้อนี้ ถึงแม้หล่อนไม่พยายามเป็นแม่ที่ดีให้กับใบหม่อนด้วยก็ตาม ในเมื่อลูกสาวคนโตของเขาดื้อขนาดนั้น นายเดชาเลยไม่คิดถือสาภรรยาใหม่

ในขณะที่คุณมาริสา คิดว่าน้ำชาไปเรียนพิเศษอยู่นั้น

“พี่กริชขา พาน้ำชามาที่นี่ทำไมคะ” สาวน้อยถามเสียงใส หล่อนตามนายกริช ที่เพิ่งจะจีบกันไม่กี่วัน มาที่คอนโดหรูของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ขนาดที่น้ำชาไม่ต้องเรียกเพื่อนมาเป็นไม้กันหมาอีกแล้ว

“พี่ก็พาน้ำชามาพักผ่อนสิคะ มานั่งฟังเพลงสบาย ๆ ตอนเย็น ๆ ค่อยกลับบ้านนะครับคนดี” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีนุ่มนวล แบบนี้ถึงทำให้สาวน้อยหลงรัก หัวปักหัวปำ

กริชยื่นน้ำผลไม้ให้ น้ำชาลังเล หล่อนยังมีสำนึกด้านดี ระแวดระวังตัว ไม่ยอมรับมาดื่มง่าย ๆ ชายหนุ่มจึงกลับไปหยิบขวดน้ำมายื่นให้หญิงสาวเปิดเอง พร้อมหลอดที่อยู่ในแพคเรียบร้อย รอให้หล่อนฉีกเอง

“น้ำชามีสิทธิ์ไม่ไว้ใจพี่ ไม่เป็นไรนะ ดื่มน้ำในขวดนี้ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดอย่างเข้าใจ

“คือ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวกังวล เกรงว่าเขาจะโกรธ

“ไม่เป็นไรค่ะ ระวังตัวแบบนี้น่ะดีแล้ว” กริช ชื่นชม ยิ่งทำให้ได้ใจน้ำชาไปเต็มร้อย...ฮึ...เขาใจเย็นพอที่จะไม่ทำให้เหยื่อไหวตัวทันต่างหาก ก่อนจะลงนั่งใกล้ ๆ วางแขนไปบนพนักพิง แม้ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัว แต่ก็ทำให้สาวน้อยผู้อ่อนประสบการณ์อย่างน้ำชา อารมณ์เตลิดไปได้เหมือนกัน

เย็นนั้น ชายหนุ่มพาสาวน้อยไปส่งโดยไม่บุบสลายแม้แต่น้อย ทำให้น้ำชานึกถึงคำที่แม่พร่ำสอนว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้ สั่งห้ามหล่อนคบเพื่อนชายเด็ดขาด ตอนนี้หล่อนอยากจะตะโกนบอกมารดาดัง ๆ ว่า พี่กริชของหล่อนคนหนึ่งล่ะที่ไว้ใจได้

“ครับพี่ ก่อนวันเสาร์นี้พี่ส่งมาได้เลย พอดีนัดจัดปาร์ตี้ คงปล่อยของได้เยอะ” กริชพูดกับปลายสาย หลังจากไปส่งน้ำชาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มมีพื้นเพเป็นคนทางเหนือ เขาใช้ชีวิตหรูหรา ฟู่ฟ่า ตั้งแต่เรียนปีสอง รู้กันเฉพาะในวงจำกัดว่าเขาสามารถหา ของ มาปล่อยในงานปาร์ตี้สุดหรูที่มักจะจัดโดยกลุ่มไฮโซ ที่กริชมีสายสัมพันธ์แน่นเหนียว ด้วยผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน

ณ บ้านไร่ใบหม่อน

ใบหม่อนนั่งอยู่ในสำนักงานคนเดียว เลิกงานแล้ว ราตรีมีญาติมาเยี่ยมหล่อนจึงต้องรีบกลับ ส่วนผู้จัดการออกไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว มีงานในตัวจังหวัด จึงไม่ได้กลับเข้ามาอีก หญิงสาวจึงนั่งทำงาน รอตะวันมารับ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่ หล่อนหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใคร สงสัยจะคิดไปเอง ใบหม่อนลุกขึ้นเดินออกไปหน้าสำนักงาน พลันสายตาก็เห็นด้านหลังของผู้ชายไว ๆ คล้ายเพิ่งจะเดินจากไป

ความคิดด้านลบของคนขี้ระแวง ถาโถมเข้ามา หล่อนไม่กล้ากลับเข้าไปในตัวอาคาร ได้แต่เดินไปเดินมาข้างหน้า อย่างน้อยเป็นที่โล่งแจ้ง คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไร

หญิงสาวดีใจที่เห็นรถของตะวันแล่นเข้ามาพอดี หล่อนโผเข้าไปหาตั้งแต่รถยังไม่ทันจอดสนิทด้วยซ้ำ

“เป็นอะไร พี่มารับช้าไปนิดเดียว คิดถึงเหรอ” ตะวันถาม เมื่อใบหม่อนเปิดประตูขึ้นมานั่งในรถ

“ชิ...หลงตัวเอง”

“กลับบ้านเถอะค่ะ” หญิงสาวไม่อยากบอก เรื่องที่หล่อนกังวลซึ่งอาจจะคิดไปเอง กลัวไปเองก็ได้

“พี่ตะวันคะ ตำรวจจับคนร้ายได้หรือยัง”

“ยัง... แต่เราก็คงไม่รอตำรวจฝ่ายเดียวหรอก”

“สู้ ๆ นะคะ” หญิงสาวยิ้มสดใส หล่อนรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel