บท
ตั้งค่า

15

“อยากไปเที่ยวในตัวเมืองบ้างไหม” ตะวันถามเมื่อกลับมานั่งด้วยกันที่ระเบียงบ้าน เพราะครั้งแรกที่เจอกัน หล่อนเริงร่าอยู่ท่ามกลางแสงสียามราตรี

“ไม่ค่ะ ความจริงไม่ได้ชอบสถานที่แบบนั้น” ใบหม่อนบอกตามตรง

“เหรอ...” ชายหนุ่มลากเสียงยาวเชิงประชด ภาพที่เธอยักย้ายส่ายสะโพกอยู่ท่ามกลางหนุ่ม ๆ ยังติดตาเขาอยู่

“ไม่เชื่อใช่ไหมคะ พี่ตะวันคิดว่าใบหม่อนเหลวไหล ใจแตกขนาดนั้นเลยหรือคะ” หญิงสาวเริ่มพูดเสียงเครือ

“เปล่า แค่สงสัยว่าทำอย่างนั้นไปทำไม” ตะวันรีบชี้แจง เพราะทราบอานุภาพแห่งความแสนงอนของเจ้าหล่อนดี

“ก็คุณพ่อ หักหลังใบหม่อนก่อน” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวยอมเล่าความในใจให้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีฟัง

“ยังไง?”

“พอคุณแม่เสีย คุณพ่อก็พาแม่เลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับน้องสาวคนละแม่อายุน้อยกว่าเพียงปีเดียว คิดดูสิคะ ว่าคุณพ่อโกหกคุณแม่ กับใบหม่อนมานานเท่าไหร่แล้ว” หญิงสาวระบายความอัดอั้นตันใจ

“ท่านบอกหรือเปล่า ว่าเพราะอะไร”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ผลก็เป็นอย่างที่เห็นอยู่ดี”

“หมายความว่า ยังไม่เคยฟังเหตุผลของคุณพ่อใช่ไหม”

ใบหม่อนไม่ตอบ เม้มปากแน่นทั้งโกรธ เสียใจ น้อยใจ สับสนปนเปกันจนแยกไม่ออก

“คุณอาเดชา ท่านเป็นห่วงใบหม่อนมากนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม

“ไม่จริงหรอกค่ะ เขาแค่เขี่ยมาให้พ้นหูพ้นตาพวกเขาก็เท่านั้น” หญิงสาวเอ่ยเสียงขื่น หล่อนลงบันได เดินทอดน่องอยากคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว ส่วนตะวัน เขาปล่อยให้หญิงสาวได้ทีโอกาสได้คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง จึงปล่อยหล่อนไปก่อน

ใบหม่อนเดินเรื่อยเปื่อยมาทางแปลงผักหลังบ้าน หล่อนคิดถึงมารดา ที่ป่วย กระเสาะกระแสะ ตั้งแต่หล่อนจำความได้ บางทีท่านอาจจะตรอมใจ เพราะรู้ว่าบิดานอกใจ ก็เป็นได้ แต่ใบหม่อนก็ไม่เคยเห็นท่านทั้งสองทะเลาะกัน ไม่ว่าจะคิดในมุมไหน บิดาก็เป็นคน ผิดอยู่ดี แต่จะว่าไปแล้ว คนที่บิดาเลือกให้หล่อน ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงไม่กี่วันที่อยู่กับพี่ตะวัน หล่อนกลับรู้สึก อบอุ่นใจ ไว้ใจ ราวกับเคยรู้จักกันมาแสนนาน

“.....แกร๊บ...สวบ...สวบ...” เสียงเคลื่อนไหวหลังต้นไม่ใหญ่ ดึงสติหญิงสาวกลับมา หล่อนเผลอเดินเลยเข้ามาในเขตดงไม้ค่อนข้างรกทึบ หญิงสาวกวาดตามองก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ กำลังจะเดินเข้าไปดู แต่ก็ต้องชะงัก

“ใบหม่อน....” ตะวันตะโกนเรียก เขารออยู่นาน หญิงสาวไม่กลับสักที จึงตามลงมา ทันได้เห็นและรีบเรียกไว้ก่อนที่หล่อนจะเข้าไปในดงไม้นั้น

“ทีหลังอย่ามาแถวนี้คนเดียวอีกนะ” ชายหนุ่มคว้ามือใบหม่อนจูงออกมา

“ทำไมหรือคะ ก็อยู่ใกล้ ๆ บ้านแค่นี้เอง”

“งู น่ะสิ หรือว่าชอบ”

“อึ๊ย.......” ใบหม่อนทำหน้าสยดสยอง เข้ากอดแขน เกาะติดชายหนุ่มแจ

“พี่จะออกไปธุระ เดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าว ถ้าหิวก็กินก่อนได้เลยนะ”

“ไปไหนคะ ใบหม่อนไปด้วย” หญิงสาวกระชับแขนที่เกาะเขาไว้แน่นเข้าไปอีก บอกกลาย ๆ ว่ายังไงหล่อนก็ไม่ยอมอยู่คนเดียวในบรรยากาศยามเย็น ใกล้ค่ำแบบนี้

ตะวันขับรถมากับหญิงสาว ลัดเลาะชมบรรยากาศยามเย็นของบ้านไร่ใบหม่อนอันกว้างใหญ่ สมกับเป็นไร่กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ หลังสิ้นแสงสุดท้าย แต่ความมืดมิดก็ยังไม่สามารถกลืนกินทุกสิ่งได้ ชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าบ้านพักคนงาน ที่คลาคล่ำไปด้วยคนงานชายหญิง และเด็กเล็ก รวมแล้วน่าจะเกือบร้อยชีวิต

ตะวันพาใบหม่อนลงมาแนะนำกับคนงาน หลายคนยังไม่เคยเห็นนายผู้หญิง ก็ว่าสวยสมกับนายตะวันมาก ๆ ใบหม่อนยังไม่ชิน รู้สึกเขินเหมือนกันที่ตกเป็นจุดสนใจ เลยได้แต่ยิ้ม ไม่รู้จะพูดอะไร

“นาย... พร้อมแล้ว” พู่เข้ามาบอกกับนายตะวัน เขาจึงฝากใบหม่อนไว้กับ นางติ๋ม คนงานผู้หญิง แล้วเดินตามพู่ออกไป

“นายผู้หญิงโชคดีนะ นายตะวันน่ะดี๊ดี ใครได้เป็นผัวสบายไปทั้งชาติ” ติ๋มชวนใบหม่อนคุย

“ดียังไงคะ ดุจะตาย” ใบหม่อนแกล้งว่า

“ไม่ดุเลยค่ะ...จะว่าไปนะคะ ผู้จัดการดุกว่าเยอะ” หล่อนเล่าพลาง มองซ้ายมองขวา ลดเสียงลง

“คุณคทา น่ะหรือคะ” ใบหม่อนไม่อยากเชื่อ ผู้ชายที่หน้าตาจืดสนิท อย่างคทา จะได้ชื่อว่าดุกว่าตะวัน

“จริง ๆ ค่ะ ขนาดนางดาวมันท้องไม่มีพ่อ นายก็ยังเลี้ยงไว้ แถมเมตตาเอ็นดูลูกของมันด้วยนะคะ” ติ๋มเล่าพลางจ้องหน้าหญิงสาวไม่วางตา

“เหรอคะ” ใบหม่อนตอบด้วยอาการปกติ ไม่ได้คิดอะไร

“ไอ้พวกปากหอยปากปู บ้างก็หาว่าเป็นลูกของนาย...แต่อิฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ” ติ๋มพูดไปเรื่อยตามประสาคนช่างเม้าส์

ใบหม่อนวางหน้าไม่ถูก พยายามไม่คิด ไม่มโนต่อ หล่อนยังไม่ปักใจเชื่อ เรื่องแบบนี้ คงต้องดูกันยาว ๆ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ หล่อนก็ยังรู้สึกว่ามีสายตา บางคู่จับจ้องหล่อนไม่วางตา แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นความผิดปกติ สงสัยจะประสาทเสีย ความกลัวขึ้นสมองไปแล้ว ใบหม่อนเอ้ย......

ตะวันกลับมากับพู่ ลูกน้องคนสนิท หน้าตาเคร่งเครียด นิ่งขรึมไป เขาพาใบหม่อนกลับบ้าน ตลอดทางก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก หญิงสาวไม่กล้ารบกวน จึงได้แต่นั่งเงียบ เอาไว้รอให้เขาผ่อนคลายลงค่อยถาม มีหลายเรื่องที่หล่อนยังคาใจ โดยเฉพาะเรื่องคนงานที่ชื่อดาว กับลูก หล่อนต้องง้างเอาความจริงจากปากของเขาให้ได้

เมื่อทั้งคู่กลับเข้าบ้าน นั่งกินอาหารด้วยกัน ตะวันก็ยังพูดน้อยมาก แม้กระทั่งเข้านอนชายหนุ่มก็ยังทอดถอนใจ จนใบหม่อนอดรนทนไม่ไหว ลงมานั่งบนพื้น ที่ที่เขาปูที่นอนไว้ข้างเตียง

“พี่ตะวัน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นเครียด ๆ ตั้งแต่กลับจากบ้านพักคนงานแล้ว” หญิงสาวถามด้วยความใจเย็นที่สุด ที่คนอย่างหล่อนสามารถจะทำได้แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ใช่แบบนี้ ตอนนี้หล่อนเริ่มเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในไร่แค่นั้นเอง” ตะวันนั่งทอดขาตามยาว หลังพิงข้างเตียง ซึ่งหญิงสาวก็ลงมานั่งข้าง ๆ ในท่าเดียวกัน เขาไม่อยากบอกให้ใบหม่อนต้องเป็นกังวล

“แน่ใจเหรอคะ วันนี้ดูพี่ตะวันเครียดมากเลยนะคะ” หญิงสาวคิด สงสัยจะตกลงกับแม่ของเด็กไม่ได้หรือไง ถึงได้มีอาการแบบนี้ นายพู่ก็อีกคน รู้เห็นเป็นใจกันดีนัก เอาล่ะสิ ! ต่อมมโนของหล่อนเริ่มทำงานอีกแล้ว

“ใบหม่อนอยากเรียนต่อหรือเปล่า” จู่เขาก็พูดเรื่องเรียนขึ้นมา เพราะตอนนี้เขาอยากส่งหญิงสาวไปอยู่ที่โรงแรมกับผู้เป็นมารดา จนกว่าเรื่องยุ่ง ๆ ที่ไร่จะจบลง แต่พูดออกไปตรง ๆ ก็ไม่ได้ ทั้งกับหล่อนและมารดา ที่ดูจะขวัญอ่อนพอกัน

“ทำไมล่ะคะ จะส่งเค้าไปที่ไหนอีก” ใบหม่อนพูดด้วยความน้อยใจนิด ๆ โดยที่ตะวันไม่ทันได้สังเกต

“ไปสมัครเรียนที่ มช.ไหม คุณแม่พี่มีโรงแรมอยู่ที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จะได้พาไปแนะนำตัว แล้วก็ฝากให้ท่านดูแลด้วยเลย” ตะวันคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

“ทำไมหรือคะ คนที่นี่ไม่ยอมให้ใบหม่อนอยู่หรือคะ” ความจริงหล่อนก็อยากเรียนต่อ แต่ก็อดระแวงไม่ได้

“พูดเรื่องอะไร พี่ไม่เข้าใจ” ตะวันหันมามองคนข้าง ๆ เพิ่งจะจับสัญญาณ อาการงอนได้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แล้วแต่พี่ตะวันก็แล้วกัน” ใบหม่อนบอกด้วยน้ำเสียงเศร้า หล่อนเพิ่งจะสนิทสนมไว้วางใจเขา เขาก็จะผลักไสหล่อนไปอีกแล้ว ....เฮ้อ....

“พี่เป็นห่วงใบหม่อนนะ ทำทุกอย่างก็เพื่อให้อะไร ๆ มันดีขึ้น” ตะวันปลอบเสียงนุ่ม จับมือบางขึ้นมาบีบเบา ๆ ในขณะที่หญิงสาวเอนซบศีรษะกับไหล่กว้าง ยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคา หลายอย่างที่อยากถาม แต่นาทีนี้ขอซึมซับความอบอุ่นใจ ไว้เป็นพลังในวันหน้าก่อนก็แล้วกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel