13
ใบหม่อนนั่งจมกับความโกรธ หงุดหงิด น้อยใจ นานจนท้องร้องประท้วงส่งสัญญาณว่าเริ่มหิว ข้างนอกเงียบเสียง ราวกับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ คงไม่ถึงขนาดหิวตายหรอกน่า หล่อนไม่มีทางออกไปให้คนหลอกลวงได้มีโอกาสแก้ตัวเด็ดขาด
อากาศด้านนอกเริ่มเย็นลง หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นตั้งใจจะนอนให้หลับจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอีก ด้านนอกห้องก็ยังเงียบ หล่อนเริ่มสงสัยว่าเขายังอยู่ไหมนะ ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่คิดจะเข้ามาง้อบ้างเลย...ฮึ...ตัวเองผิดแท้ ๆ
ใบหม่อนนอนกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมา คิดวนเวียนถึงเรื่องที่เขาโกหก ความจริงก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนักหนา เมื่อแรกที่ต้องแต่งงานทั้งเขาและหล่อนก็ใช่ว่าจะมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน สำหรับเขา หล่อนไม่รู้เหตุผลจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงยอม แต่ที่แน่ ๆ เขาก็ไม่ได้ แฮปปี้นักหรอก ถ้าเขาจะคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำจิตน้ำใจของหล่อนก็ย่อมได้
ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็นลง ใบหม่อนนึกเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างนอก หญิงสาวตัดสินใจ ค่อย ๆ ย่องออกมาดู มีแต่ความเงียบ ไม่มีแม้เงาของคนตัวโต หล่อนเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน เปิดออกไปยืนอยู่กลางระเบียงบ้าน ก็ว่างเปล่า เขาไปไหนของเขานะ ดึกดื่นป่านนี้ นอกจากไม่ยอมง้อแล้ว ยังกล้าทิ้งหล่อนไว้คนเดียวอีก อีตาบ้า ! ไอ้พี่ตะวันบ้า... ใบหม่อนตะโกนพร้อมกับกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความขัดใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าบ้าน
“......กรี๊ด..ด..ด.......” หญิงสาวตกใจ กรีดร้อง เมื่อชนเข้ากับร่างหนาดั่งกำแพง
“ใบหม่อน พี่เอง” ตะวันคว้าเอวหญิงสาวไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นแข็ง ๆ เป็นแน่
ใบหม่อนกอดชายหนุ่มไว้แน่น ความแง่งอนหายไปหมดสิ้น ครั้งนี้หล่อนกลัวมาก เพราะเรื่องฆ่ากันตายที่ท้ายไร่ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้หล่อนมโนไปว่าสิ่งที่หล่อนปะทะอยู่นี่อาจจะเป็นคนร้าย หรือสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็น่าสยดสยองทั้งนั้น
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว”” ตะวันกอดปลอบ ร่างบางยังสั่นสะท้าน น้ำตาจากความอัดอั้นตันใจไหลเอ่อจนชุ่มอกเสื้อ
“พี่ตะวันมายืนเงียบ ๆ จะแกล้งหลอกใบหม่อนใช่ไหมคะ” หญิงสาวต่อว่าเขาเสียงอู้อี้
“เปล่า...พี่ได้ยินเสียงเปิดประตู เลยขึ้นมาดู ไม่ได้ตั้งใจทำให้กลัวสักหน่อย พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม พลางแตะริมฝีปากบนหน้าผากสาวน้อยอย่างต้องการปลอบประโลม
“ไปไหนมาคะ” หญิงสาวผละออกห่าง จ้องมองหาพิรุธ
“อยากรู้เหรอ ไปดูไหมล่ะ” ชายหนุ่มทำตาวิบวับ จูงมือหญิงสาวให้ตามลงไปด้านล่าง ไม่ไกลจากตัวบ้าน เขาก่อกองไฟเล็ก ๆ ตะวันดึงมือหญิงสาวให้นั่งลงด้วยกันบนขอนไม้ใหญ่ ใกล้ ๆ กองไฟ ถัดจากกองไฟเป็นพื้นที่ ลาดเอียงปกคลุมด้วยหญ้าที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม
“ทำไมพี่ตะวันถึงลงมาที่นี่คะ”
“ก็เมียไม่ให้เข้าห้อง หนาวจะตายชัก เลยต้องมานั่งผิงไฟ”
“ฮึ...ไม่ต้องพูดเลย..ไม่คิดจะง้อเขามากกว่า” ใบหม่อนบ่นเบา ๆ
“อะไรนะ พี่ฟังไม่ถนัด”
“เปล่าค่ะ...”
“หิวหรือเปล่า พี่รอตั้งนาน ไม่เห็นออกมากินข้าว” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย เขาเองก็ไม่ได้กินเหมือนกัน กลัวหล่อนจะหาว่าไม่รอ จะงอนอีกเปล่า ๆ
“จะถามขึ้นมาทำไมอีกเนี่ย เดี๋ยวก็ท้องร้องขึ้นมาอีกหรอก” ใบหม่อนเผลอตัวดุเขา
“.........555.........แล้วก็มัวเก็กอยู่นั่นแหละ เลยอดกันทั้งคู่”
“ใครขอให้อดด้วยล่ะ...” หญิงสาวเถียงอ้อมแอ้ม รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระมากขึ้นทุกที
ตะวันเอาไม้เขี่ย ๆ ก้อนอะไรบางอย่างออกจากกองไฟ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาพอให้ไฟสีแดง ๆ มันหายไป ความร้อนลดลงบ้าง ก่อนหยิบขึ้นมาปอกเปลือกแบบร้อน ๆ ทุลักทุเลพอดู
“อะไรคะ” ใบหม่อนดูไม่ออก เห็นเป็นก้อนดำ ๆ
“มันเผา ลองดูสิ อร่อยนะ” ตะวันยื่นมันที่ปอกเอาเปลือกดำ ๆ ข้างนอกออกเกือบหมด เหลือแต่เนื้อสีม่วงเข้ม
ใบหม่อนรับมากัดคำแรก ก็ร้อง.... ร้อน !....
“ค่อย ๆ กินสิ เดี๋ยวก็ปากพองหรอก” ชายหนุ่มอ่อนใจ หลังจากนั้น ใบหม่อนก็นั่งเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยความหิว บวกกับความหวาน หอมของมันม่วง จนเขาปอกให้แทบไม่ทัน
“อร่อย อุ่นท้องดีจัง พี่ตะวันคิดเมนูอร่อย ๆ แบบนี้ได้ยังไงคะ” พอได้กินมันอุ่น ๆ หญิงสาวก็ลืมความหนาวไปชั่วขณะ
“ใคร ๆ เขาก็รู้ เวลาหนาวจัด ๆ ชาวบ้านเขาก็มาล้อมวงกินมันเผาแบบนี้แหละ”
“เหรอคะ สุดยอดเลย” พอท้องอิ่ม หญิงสาวก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ หล่อนพิงศีรษะกับต้นแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยกลับมาอีกครั้ง รู้อย่างนี้ ไม่งอนให้เสียเวลาหรอก หญิงสาวตาหรี่ปรือ ก่อนจะหลับไปกับต้นแขนของผู้เป็นสามี
“อ้าว...หลับซะแล้ว จะชวนดูดาวซักหน่อย ...เฮ้อ...วัยกำลังกินกำลังนอนแท้ ๆ” ตะวันเขี่ยกองไฟให้ดับก่อนจะเรียกหญิงสาวเบา ๆ แต่ไร้ประโยชน์ เขาจึงก้มลงช้อนใต้เข่า อุ้มใบหม่อนขึ้นบ้าน ไปวางลงหน้าห้องน้ำ
“ใบหม่อน เข้าไปแปรงฟันก่อน เดี๋ยวค่อยไปนอน” ชายหนุ่มเขย่าไหล่เบา ๆ หญิงสาวงัวเงีย รีบจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลานขึ้นเตียงอย่างง่วงจัด หลับไปแบบไร้กังวล
“...ฮือ....ฮือ.....” เสียงร้องของแววเด็กในอุปการะวัยสิบหก ของป้าเจิม เมื่อวานหญิงสาวยกอาหารที่หล่อนช่วยกันทำกับแม่ครัวใหญ่อย่างตั้งใจ เพื่อเอามาให้นายตะวันกับนายผู้หญิง แต่เช้านี้ เมื่อหล่อนเอาอาหารเช้ามาให้ และเก็บของเก่า ปรากฏว่าอาหารไม่ได้รับการแตะต้องแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงนั่งลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ตะวันกับใบหม่อนออกมาเห็นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าจะทำให้แววเสียใจขนาดนี้
“แวว ร้องไห้ทำไม เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ตะวันเห็นก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ พูดกับสาวน้อยอย่าง อ่อนโยน เพราะแววเป็นคนที่พัฒนาการทางสมองล่าช้ากว่าปกติ
“หนูทำอาหารไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครกินเลย...ฮือ....ฮือ” แววพูดแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“ไม่จริงหรอกแวว แววทำอาหารอร่อยมาก” ตะวันปลอบ
“เป็นเพราะฉันเอง แววฉันขอโทษนะ เดี๋ยวเช้านี้จะกินให้หมดเลย” ใบหม่อนช่วยพูด
“จริงนะคะ” แววยิ้มออก หล่อนจัดเรียงอาหารเช้าให้ใหม่ แล้วก็ยกของเก่าออกไป มองเห็นนายตะวันกับนายผู้หญิงกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย หล่อนก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะกลับออกไป
“เห็นไหม ว่าการกระทำของเรา ไม่ได้ส่งผลแต่ตัวเราแค่นั้น ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบด้วย ฉะนั้นจะเอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่นึกถึงคนอื่นไม่ได้” ตะวันสั่งสอนภรรยาสาว ที่มีสีหน้าสลดลง เพราะคาดไม่ถึงว่า การกระทำของตัวเองจะส่งผลต่อจิตใจเด็กสาวอย่างแววมากมายขนาดนี้
“แววเป็นเด็กที่พัฒนาการช้ากว่าปกติ ป้าเจิมสงสาร เลยรับมาเลี้ยง พ่อแม่จริง ๆ เขาลูกเยอะเลี้ยงไม่ไหว” ตะวันอธิบาย
“น่าสงสารนะคะ” เป็นครั้งแรกที่ใบหม่อนมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น เทียบกับเรื่องของตัวเองที่หล่อนคิดว่าใหญ่หลวงนัก กลายเป็นเล็กน้อยไปทันที
ใบหม่อนตามตะวันมาขึ้นรถ อารมณ์ยังหม่นต่อเนื่องจากเมื่อเช้า ทำให้หน้าตาไม่เบิกบาน
“เป็นอะไร ทำเหมือนแบกทุกข์ไว้ทั้งโลก” ตะวันถามหญิงสาวอย่างใส่ใจ
“สงสารแววนะคะ” ใบหม่อนบอกตามตรง
“เราไม่สามารถแบกทุกข์ของคนทั้งโลกไว้ได้หรอกนะ ช่วยได้ก็ช่วยเขา ถ้าช่วยไม่ได้ก็วางซะ”
“ยังไงคะ” ใบหม่อนฉงน
“เข้ามาใกล้ ๆ สิ”
ใบหม่อนพาซื่อ ขยับเข้าไปใกล้ ก็ถูกคนเจ้าเล่ห์รั้งตัวเข้าไปกอด ก่อนจะประทับริมฝีปากหยักหนา บนกลีบปากนุ่มสีชมพูจาง ๆ อ้อยอิ่ง อ่อนหวาน ก่อนจะผละออกมา อย่างเสียดาย
“หยุดงานสักวันดีกว่านะ” ตะวันชวนใบหม่อน แววตาฉ่ำหวาน
“บ้า....” หญิงสาวหน้าแดง เขินจัด
“บ้า..หมายความว่าตกลงใช่ไหม” ตะวันทำท่าจะเปิดประตูรถ
“พี่ตะวัน ! ไปทำงานเดี๋ยวนี้” ใบหม่อนขึ้นเสียงกลบเกลื่อน
..............555...........ตะวันหัวเราะสมใจ ที่จัดการเปลี่ยนโหมด อารมณ์ของหญิงสาวได้สำเร็จ
