บทที่ 6
“ตอนนี้ต่ายอยู่ไหน บ้านหรือเปล่า”
“บ้านเพื่อน ต่ายมาติวหนังสือเตรียมสอบ”
“ติวกี่วัน” น้ำเสียงของจันทร์เจ้าบอกว่าเธอเป็นห่วงน้อง แต่เพ็ญนภากลับตีความหมายไปในทางจับผิดเสียได้
“ถามทำไมคะ หรือพี่ดาวคิดว่าต่ายมานอนค้างกับผู้ชาย”
“ต่าย…พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น พี่แค่ถามเพราะจะชวนต่ายออกมาอยู่ข้างนอกด้วยกัน พี่จะได้เข้าไปรับน้องที่บ้าน เตรียมของไว้นะ”
“ไม่ค่ะ ต่ายจะอยู่บ้าน” เพ็ญนภาปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
“ต่าย”
“อานิกรเขาไม่ทำอะไรต่ายหรอก เขาเอ็นดูต่ายเหมือนลูก”
“ต่ายรู้เรื่องนั้นเหรอ” น้ำเสียงของจันทร์เจ้าบ่งบอกว่าเธอตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะไม่คิดว่าน้องสาวจะรู้เรื่องนั้นด้วย
“รู้”
“รู้แล้วก็ดี พี่บอกตามตรงว่าไม่ไว้ใจเขา”
“แค่นี้นะ ต่ายจะอ่านหนังสือ” พูดจบเพ็ญนภาก็ตัดสายทิ้งไป เพราะไม่มีความจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้
“ต่าย...ต่าย เดี๋ยวก่อนสิ” จันทร์เจ้าถอนหายใจออกมาหนักๆ ทำไมเพ็ญนภาไม่ยอมเชื่อเธอเลย สิ่งที่พบมากับตัวทำให้พยาบาลสาวระแวง และเธอคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไรนัก เพ็ญนภามองโทรศัพท์ในมือนิ่ง เธอบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับ จันทร์เจ้า พี่สาวต่างพ่อของเธอเอง บางครั้งก็เฉยๆ บางครั้งก็ไม่ชอบ แต่ไม่ถึงขั้นเกลียดอะไรมากมาย แต่ติดที่อยากเอาชนะ ยิ่งจันทร์เจ้ายอมเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ชอบดื้อรั้นใส่มากเท่านั้น
เพราะการที่จันทร์เจ้านั้นจบพยาบาลทำให้แม่มีหน้ามีตา จนทำให้เธอเหมือนลูกที่แม่ไม่รักเข้าไปทุกวัน ที่ยอมเรียนหนักทั้งๆ ที่ไม่ชอบเรียนนั่นเป็นเพราะเพ็ญนภาตั้งใจจะสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ให้ได้ เธอต้องเป็นหมอ ต้องเป็นที่หนึ่งของบ้าน ทำให้แม่หันมาภูมิใจในตัวเธอบ้าง เพราะทุกวันนี้แม่ก็แทบไม่สนใจไยดีลูกคนนี้อยู่แล้ว มัวแต่ไปหลงอยู่กับผู้ชายคนนั้น
“พี่สาวเธอโทรมาเหรอต่าย”
“อื้อ” เพ็ญนภาพยักหน้าให้เพื่อนที่ถาม ชีวิตเธอไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวเพื่อนคนอื่นๆ แต่เพ็ญนภาก็เก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้โดยอาศัยความเงียบ กับคนอื่นเธอจะไม่ค่อยพยศต่างกับจันทร์เจ้าที่เธอใส่อารมณ์ได้อย่างเต็มที่
“มีพี่สาวนี่ก็ดีเหมือนกันนะ คอยเป็นห่วงเป็นใย น่ารักจัง”
“ติวหนังสือกันเถอะ” เมื่อพูดตัดบทเรียบร้อยก็ก้มหน้าอ่านหนังสืออีก เพ็ญนภาเป็นเด็กฉลาด เธอสอบได้อันดับที่หนึ่งแทบทุกเทอม ความเก่งทำให้เธอเป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนจนลืมฐานะทางบ้านได้เช่นกัน
เมื่อวางสายจากน้องสาวได้ไม่ถึงนาที สายตาของจันทร์เจ้าก็มองเห็นว่าจอมขวัญกำลังเดินเข้ามาหาแต่ไกล ตอนนี้ความลับที่จันทร์เจ้าปิดไว้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว สุดท้ายความลับก็ไม่มีในโลก พยาบาลสาวสวยสองคนยืนจ้องหน้ากัน แต่คนที่เป็นฝ่ายถูกจ้องคือจันทร์เจ้ามากกว่า หญิงสาวหลบหน้าเพื่อน ใบหน้าบวมๆ ที่ปรากฏรอยนิ้วเกือบทั้งห้านิ้วของจันทร์เจ้าเมื่อวันก่อนที่เห็น จอมขวัญก็ถามแล้วว่าไปโดนอะไรมา แต่จันทร์เจ้าก็เอาแต่บอกว่าเปล่า กระทั่งวันนี้เธอจึงรู้จากพยาบาลว่า จันทร์เจ้ามาอยู่หอพักได้หลายวันแล้ว จอมขวัญยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อน ถามอยู่นานแต่จันทร์เจ้าก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย เอาแต่นิ่ง นั่นยิ่งทำให้จอมขวัญกังวล กระทั่งเธอต้องหยิบไม้ตายมาพูด
“ถ้าไม่พูด เราก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน”
“ยอมแล้ว” ไม่ถึงสามวินาทีจันทร์เจ้าก็ยอมจริงๆ รู้แบบนี้จอมขวัญขู่ทำนองนี้ไปนานแล้ว เพราะถามมาเป็นชั่วโมงๆ จนเธอคอแห้งดื่มน้ำไปเป็นขวดๆ แต่จันทร์เจ้าก็ไม่ยอมปริปากสักที
“เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”
“แม่ไล่เราออกจากบ้าน” น้ำเสียงของจันทร์เจ้าฟังดูเศร้ามาก แววตาดูหวาดระแวง
“ยังไง ได้ไง”
“นิกรคิดจะปล้ำเรา”
“เฮ้ย! แล้วแก…” จอมขวัญตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นิกรนี่เลวกว่าที่คิดไว้ซะอีก ศูนย์รวมความเลวเลยก็ว่าได้ ผู้ชายอะไรมองหาความดีไม่พบแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ยังปลอดภัยดี เราใช้ขวดน้ำอัดลมในร้านตีกระบาลไปจนเลือดอาบ”
“เป็นเราจะตีให้ตาย ผู้ชายเลวๆ แบบนั้น”
“ก็อยากทำอยู่เหมือนกัน” จันทร์เจ้ายอมรับตรงๆ ตอนนั้นถ้านิกรคิดจะเข้ามาทำอะไรเธออีกละก็ จันทร์เจ้าคิดจะเอาตัวรอดจนตายกันไปข้างหนึ่งอยู่แล้ว
“นั่นทำให้ป้ารำไพโกรธจนไล่แกออกจากบ้าน แทนที่จะเป็นพ่อเลี้ยงลามกมักมากคนนั้นใช่ไหม” ยิ่งคิดจอมขวัญก็ยิ่งแค้น แต่ต่อให้แค้นแค่ไหนก็ทำได้แค่ปลงชีวิต เธอช่วยจันทร์เจ้าได้ก็แค่เป็นกำลังใจคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง
“อืม…แม่โกรธมาก โกรธจนตบหน้าแล้วไล่เราออก...จาก...บ้าน” คำหลังๆ ดูติดขัด เพราะจันทร์เจ้ารู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอก ทั้งคืนเธอนอนไม่หลับจริงๆ จะร้องก็ร้องไม่ออก น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไปข้างในแล้ว น้อยใจแม่จนไม่รู้จะพูดออกมาให้จอมขวัญเข้าใจยังไงดี
“แกเลยน้อยใจยอมออกมาซะงั้น”
“อารมณ์พาไปนะ” จันทร์เจ้ายอมรับอย่างไม่คิดปิดบังใดๆ อารมณ์ตอนนั้นเธอน้อยใจแม่จริงๆ ถึงได้ยอมออกจากบ้านมาง่ายๆ แบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน เพราะกับพ่อเลี้ยงคนก่อนๆ ส่วนใหญ่นิสัยก็ดีในระดับที่จันทร์เจ้านั้นพอรับได้ ทำงานทำการ ไม่ได้สูบบุหรี่ กินเหล้า ติดการพนันเป็นปลิงเกาะชีวิตอย่างที่นิกรทำกับแม่เธออยู่ตอนนี้
“อย่างนี้ก็หวานหมูอีกตาพ่อเลี้ยงแกน่ะสิ”
“ช่างเขาเถอะ”
“แล้วทำไมเกิดเรื่องถึงไม่ไปหาฉันที่บ้านกลับมานอนที่นี่แทน เรื่องคืนนั้นก็ยังไม่สะสางนะ อย่าคิดว่าจะรอด” สีหน้างอนๆ ของจอมขวัญทำให้จันทร์เจ้ารีบเอ่ยถึงเหตุผลที่เธอไม่อยากไปรบกวนเพื่อนในคืนแรกที่เกิดเรื่อง
“ก็เห็นว่าดึกแล้ว ไม่อยากกวนแก”
“รบกวนอะไร ช่างเถอะ เรื่องคืนนั้นให้อภัย ถือว่าเป็นอดีตไปแล้ว แต่ห้ามมีครั้งที่สองอีก เข้าใจไหม” สีหน้าของจอมขวัญแน่วแน่มาก เพราะขืนมีอีกครั้งนี้เธอจะโกรธจริงๆ จันทร์เจ้าพยักหน้ารับให้เพื่อน
“เข้าใจแล้ว”
“ดีมาก รับปากแล้วทำด้วย” เสียงดุๆ ของจอมขวัญเอ่ยกำชับ เพราะรู้ว่าจันทร์เจ้านั้นมักจะเฉไฉอยู่เรื่อยๆ รายนี้พอถึงเวลาเดือดร้อนจริงๆ เคยบอกใครที่ไหน เธอมารู้เองตลอด
“รู้แล้วๆ อย่าดุนักสิ”
“นี่ขนาดฉันดุ แกยังไม่ยอมทำตามเลย ว่าแต่แกออกจากบ้านมาแบบนี้แล้วไม่ห่วงน้องเลยเหรอ ฉันกลัวว่า…” จอมขวัญไม่อยากจะพูด เพราะเธอรู้ว่าจันทร์เจ้าเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
“ฉันก็กลัว ถึงได้กำชับให้ยายต่ายดูแลตัวเองดีๆ”
“ขนาดแกดูแลตัวเองจนเข้าขั้นระแวงยังเกือบพลาด แล้วน้องแกจะรอดมือมันไหมล่ะเนี่ย” พูดจบก็ถอนหายใจดังเฮือก จอมขวัญยกมือขึ้นกุมขมับทันที พลอยทำให้สีหน้าของจันทร์เจ้าซีดไปด้วยอีกคน
