บทที่ 3 คุณพ่อหวงลูกสาว
คฤหาสน์ครอบครัวมีอา
รถยุโรปราคาแพงสีดำแล่นผ่านถนนเส้นยาวมุ่งหน้าสู่ตัวคฤหาสน์หรูสไตล์โมเดิร์นสามชั้น ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเนื้อที่สองไร่ สองข้างทางเขียวชอุ่มไปด้วยหญ้าสีเขียว กับต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้รอบกำแพงสูง รถจอดนิ่งสนิทหน้าประตูใหญ่ของบ้าน หญิงสาวก้าวลงมาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่แสนอบอุ่นที่ใช้อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด ระบายยิ้มน่ารัก ก้าวขายาว ๆ เข้าสู่ตัวบ้าน
รองเท้าส้นสูงถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้าน ร่างเย้ายวนในชุดนักศึกษาถูกระเบียบโผล่หน้าเข้าไปในห้องรับแขก แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยีเล็กเมื่อเห็นบิดากำลังก้มหน้าอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์เหมือนเช่นทุกวัน
“คุณพ่อขา มีอากลับมาแล้วค่ะ” เธอเอ่ยทักบิดาเสียงใสก้าวเข้าไปในห้อง
เสียงเรียกจากลูกสาวเรียกความสนใจของอดีตมาเฟียหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมอง มุมปากได้รูประบายยิ้มอ่อนโยนผายมือรับอ้อมกอดจากลูกสาวสุดที่รัก
“เรียนเป็นไงบ้างวันนี้”
ไคโรในวัยสี่สิบเก้าปีเอื้อมมือลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่ เขายังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง เส้นผมดกหนายังคงดำสนิท ร่างกายสูงโปร่งอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม อาจจะฟิตกว่าวัยรุ่นทั่วไปด้วยซ้ำ คงมีเพียงหนวดเข้มเหนือริมฝีปากและตามคาง แต่มันกลับยิ่งส่งเสริมให้เขาดูเหมือนชูการ์แดดดี้สุดเซ็กซี่มากกว่าจะดุดันแบบที่คาด
ลูกสาวสุดที่รักทิ้งกายลงข้างบิดาบนโซฟาตัวเดียวกัน ตั้งใจออดอ้อนเต็มที่เพราะวันนี้เธอมีเป้าหมายสำคัญต้องพูดคุยกับบิดา
“เพิ่งเปิดเทอมเองค่ะ ยังเรียนไม่หนักเท่าไร แถมปีสี่แล้วก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมรับน้องเหมือนปีก่อน ๆ”
“ดีแล้ว เราจะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“แต่ก็แอบเหนื่อยเหมือนกันนะคะ บ้านเราห่างจากมหาลัยจะตาย” เธอแสร้งทำหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร
คุณพ่อสุดหล่อชะงักมือ เลื่อนมือออกจากศีรษะลูกน้อยช้า ๆ ทำตาหลุกหลิกเริ่มรับรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร รีบกระแอมเปลี่ยนเรื่อง
“อื้มม แค่ตื่นเช้าเอง อีกอย่างมีอาก็มีไอซ์ช่วยขับรถให้อยู่แล้ว อ้อ พ่อไปดูแม่เราดีกว่า เห็นว่าเข้าครัวทำขนมให้เรา” อดีตมาเฟียรีบหยัดกายลุก แต่ก็ถูกลูกสาวคว้าแขนเอาไว้ก่อน
“จะหนีมีอาอีกแล้วนะ ตอนแรกคุณพ่อก็บอกว่ารอให้มีอาขึ้นปีสองก่อน พอมีอาอยู่ปีสอง ก็บอกรอปีสาม ตอนนี้มีอาอยู่ปีสี่แล้วนะคะ เมื่อไรคุณพ่อจะยอมให้มีอาย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ บ้างล่ะคะ”
“จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกทำไม อยู่บ้านเราสบายกว่าตั้งเยอะ หรือมีอาอึดอัดรำคาญพ่อ”
“ไม่ใช่สักหน่อย หนูรักคุณพ่อจะตาย” คุณหนูสาวตอบกลับเสียงอ่อย หลังจากถูกคนเป็นพ่อตัดพ้อน้อยใจ
“ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ พ่อรักเราและมาร์ตินมากนะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน อีกอย่างเราก็เป็นผู้หญิง ออกไปอยู่คนเดียวแบบนั้น พ่อคงเป็นห่วงจนกินนอนไม่ได้”
ชายอายุมากตีหน้าเศร้า พร้อมเอ่ยเสียงสั่นเรียกคะแนนสงสารจากลูกสาว ความตั้งใจของมีอาเริ่มถูกสั่นคลอนทีละน้อย รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ที่เห็นบิดาทำหน้าหงอย
“แต่แอลลี่กับน้องเอแคลร์ก็ยังย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ เลยนะคะ”
“ไม่ต้องไปอ้างแอลลี่หรอก รายนั้นไม่ปล่อยให้ใครมารังแกง่าย ๆ แน่ แถมยังมีพี่ชายคอยดูแล ส่วนเอแคลร์ก็เพราะงานของน้อง ทำให้ต้องเดินทางบ่อย กลับบ้านดึก การไปอยู่คอนโดฯ จึงสะดวกกว่า”
“แต่มหาลัยของมีอาก็ไกลจากบ้านนะคะ”
“แค่นิดหน่อยเองลูก ขึ้นทางด่วนแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
“นะคะคุณพ่อ มีอาอยากลองออกไปใช้ชีวิตด้านนอกบ้าง มีอาสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ กลับบ้านให้บ่อย ไม่ปล่อยให้พ่อกับแม่เหงาแน่นอนค่ะ”
“เฮ้อออออออ ~ พ่อไม่ค่อยเห็นด้วยเลย”
ไคโรพ่นลมหายใจยาว มองดวงตากลมสวยของลูกสาวที่คล้ายคลึงกับมารดาไม่ผิดเพี้ยน คงมีแต่สีตาที่เป็นสีเดียวกับเขา แล้วจะให้เขาทำใจปล่อยลูกสาวห่างสายตาได้อย่างไร
“ขอร้องละค่ะคุณพ่อ น้า ~”
“คุยอะไรกันพ่อลูกคู่นี้ เสียงดังออกไปถึงทางเดินเลย”
เสียงหวานใสของมิลินดังขัดบทสนทนาขึ้นมาก่อน เป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตให้คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องรวดเร็ว
“มีอาดูซิ คุณแม่เตรียมอะไรไว้ให้”
หญิงสาวมุ่ยหน้ามองค้อนบิดาอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะหันกลับไปออดอ้อนกับมารดาแทน
“คุณแม่ ~ ดูคุณพ่อสิ บ่ายเบี่ยงเรื่องมีอาของย้ายไปอยู่คอนโดฯ อีกแล้ว”
“เอาน่า ๆ มีอามาลองชิมบราวนีหน่อย แม่เพิ่งได้สูตรมาจากในติ๊กต๊อก”
มิลินในวัยสี่สิบห้าปีระบายยิ้มส่ายหัวน้อย ๆ กับประเด็นโต้เถียงแสนยาวนานของสองพ่อลูก วางถาดขนมหอมกรุ่นไว้เบื้องหน้าคนทั้งคู่
“คุณแม่จะวัยรุ่นเกินไปไหมคะ เล่นติ๊กต๊อกกับเขาด้วยเหรอ”
“มันก็ต้องตามเทรนด์หน่อยสิ แม่ไม่อยากเป็นคนแก่หัวทึบนะ” คนเป็นแม่ส่งยิ้มกว้าง หันมาส่งสายตาให้คนเป็นสามีที่เอาแต่ทำหน้าบึ้ง พร้อมทิ้งกายลงยังเบาะนุ่มอีกด้าน
“คุณแม่ของมีอายังสวยอยู่เลยแก่ที่ไหน เราสองคนถ่ายคลิปลงในติ๊กต๊อกกันบ้างไหมคะ”
“พอเลย ถ่ายคลิปอะไร! อย่าให้รู้นะว่าชวนแม่เราไปทำอะไรแบบนั้น”
“แหม คุณพ่อก็ มีอาก็แค่แซวเล่น”
“ไม่รู้ละ ถ้าจับได้โดนพ่อตีทั้งแม่ทั้งลูกแน่”
ไคโรทำหน้าบึ้งส่งสายตาดุดันไปทางภรรยาสาวด้วยความหึงหวง พอพูดถึงแอปใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมทีไรเขาก็อดหงุดหงิดใจไม่ได้ นั่นก็เพราะภรรยาคนสวยติดมันงอมแงม ว่างเมื่อไรเป็นต้องเปิดดูคลิปพวกนั้นจนไม่สนใจสามี
มีอาเห็นบรรยากาศเริ่มทะมึนตึงก็รีบหยิบบราวนีช็อกโกแลตขึ้นมาชิม ดวงตากลมสวยเป็นประกายอมยิ้มส่งให้มารดา
“อร่อยมากเลยค่ะแม่ กรอบนุ่ม แถมยังหอมกลิ่นช็อกโกแลตสุด ๆ”
“ใช่ไหมล่ะ สูตรนี้ทำง่ายมากด้วย เอาไว้แม่ได้สูตรใหม่จะมาลองทำให้ทานอีกนะ”
“ได้เลยค่ะ”
“สองแม่ลูกคุยกันไปก่อนแล้วกัน พ่อขอขึ้นไปเคลียร์เอกสารในห้องทำงานแป๊บหนึ่ง”
ได้โอกาสไคโรก็รีบชิ่งหนีไป ก่อนที่ลูกสาวและภรรยาจะวนกลับมาเรื่องย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ อีก
ลูกสาวเขาตัวนิดเดียว ยังเด็กและหัวอ่อนเกินกว่าจะทันความเห็นแก่ตัวของบุคคลภายนอก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเฝ้าดูแลเธอเหมือนไข่ในหิน สแกนเช็กประวัติคนรอบข้างลูกสาวอย่างละเอียด ไม่แม้กระทั่งกลุ่มเพื่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาเอาเปรียบ หรือทำร้ายจิตใจลูกสาวตัวน้อยของเขา
หญิงสาวพ่นลมหายใจยาว ได้แต่ส่งสายตาขุ่นเคืองมองตามหลังบิดาที่ก้าวขายาว ๆ รีบเร่งราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันกลับมาส่งสายตาปริบ ๆ ให้มารดา
“คุณแม่คะ ช่วยพูดกับพ่อให้หน่อยสิ พอมีอาพูดเรื่องนี้ทีไร คุณพ่อก็ชิ่งหนีตลอดเลย”
“แม่ก็ช่วยพูดให้อยู่ตลอดนั่นแหละ แต่เราก็รู้ว่าพ่อเขาเป็นห่วงเรามาก”
“มีอาแค่ขอย้ายไปอยู่คอนโดฯ เฉย ๆ เองนะคะ ไม่ได้จะทำเรื่องเสื่อมเสียสักหน่อย” ใบหน้าสวยจัดบูดบึ้ง ดวงตาคู่สวยหม่นแสงลง
“พ่อเขาก็เป็นห่วงตามประสานั่นแหละ”
“มีอารู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงหนูแค่ไหน แต่บางครั้งหนูก็อยากจะลองทำอะไร ๆ ด้วยตัวเองบ้าง คุณแม่ว่ามันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอคะ ที่จะให้พี่ไอซ์คอยขับรถรับส่งมีอาจนเรียนจบ ทั้งที่มีอาก็ขับรถเป็น”
“คุยเรื่องนี้แม่ละไมเกรนจะขึ้น พ่อเราก็หัวดื้อใช่ย่อย”
มิลินเอนกายพิงพนักโซฟาพลางยกมือขึ้นนวดขมับ เข้าใจในสิ่งที่ลูกสาวอยากจะสื่อ เธอไม่ได้อยากจะย้ายออกไปเพื่อเล่นสนุก ออกเที่ยว ทำตัวเหลวไหล เพียงแค่อยากรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ทำตัวปกติเหมือนเด็กสาวทั่วไป ที่ในชีวิต เจอเรื่องยากลำบากบ้าง แล้วก็เรียนรู้เพื่อที่จะผ่านมันไป
“เอาไว้แม่จะคุยเรื่องนี้กับพ่อให้อีกทีแล้วกัน เราขึ้นไปพักเถอะ อีกเดี๋ยวอาหารเย็นก็เตรียมเสร็จแล้ว”
“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณแม่มากนะคะ”
หญิงสาวแบ่งขนมใส่จานแล้ววนมาหอมมารดาฟอดใหญ่เพื่อเอาใจ ก่อนจะขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อพักผ่อน
มื้ออาหารเย็น
แทบจะเป็นธรรมเนียมของครอบครัวเธอไปแล้วที่ต้องมากินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน ไคโรนั่งอยู่หัวโต๊ะ คอยตักอาหารให้ภรรยาสาว พูดคุยกะหนุงกะหนิงไม่ต่างจากคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
มาร์ติน น้องชายหน้าหล่ออายุห่างจากเธอเพียงแค่หนึ่งปี ที่นับวันจะทวีความเจ้าเล่ห์ขึ้นนั่งถัดจากเธอไป ในมือข้างหนึ่งเปิดไล่ดูคลิปสั้น ๆ แก้เบื่อ อีกมือก็ตักข้าวเข้าปาก ท่าทางเอื่อยเฉยมันขัดหูขัดตาคนเป็นพี่เหลือเกิน
“นั่งกินข้าวดี ๆ ไม่ได้เหรอติน”
“แล้วตินกินไม่ดีตรงไหน” น้องชายยอมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ เลิกคิ้วกวนอารมณ์ ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิดกับคำเตือน
“ก็แค่หยุดเล่นมือถือก่อน แล้วกินข้าวให้เสร็จสิ”
“พี่มีอาขี้บ่นขึ้นนะเนี่ย รู้ตัวเปล่า”
“มาร์ติน! พูดกับพี่เขาดี ๆ” เสียงเข้มของไคโรแทรกขึ้นมา พร้อมส่งสายตาดุ ๆ เตือนลูกชาย
“คร้าบบบ ทราบแล้วครับ” เขารับคำเสียงยานคาง ยอมกดปิดหน้าจอแล้วหันกลับมาตั้งใจกินข้าวดี ๆ แต่ไม่วายทำปากขมุบขมิบใส่คนพี่ไปที
เธอส่ายหัว แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรอีกฝ่ายต่อ ความจริงมีอากับมาร์ตินก็เป็นพี่น้องที่รักกันดีนั่นแหละ เพียงแต่ต่างคนต่างโตขึ้น มีบุคลิกความชื่นชอบต่างกัน บางครั้งจึงถกเถียงกันบ้างตามประสา
“จริงด้วยมาร์ติน รถสีดำของเราไปไหน แม่ไม่เห็นมาสองวันแล้ว” มิลินถามลูกชาย
“อเล็กซ์ยืมไปครับ รถเขาเข้าอู่”
“อย่าให้พ่อรู้ว่าเสียพนัน” ไคโรดักคอลูกชายเอาไว้ก่อน หรี่ตามองอย่างจับผิด ทำลูกชายคนเล็กเหงื่อซึม รีบปั้นหน้าเรียบ ยืนยันเสียงสูง
“เสียพนันอะไรพ่อ ไม่มี้!”
“มีใครเคยบอกไหม ว่าแกโกหกไม่เนียนเลย”
“โธ่พ่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ผมแค่เดิมพันกับพวกพี่ ๆ เขาเท่านั้น”
พอเห็นว่าแถต่อไม่ได้ มาร์ตินจึงยอมรับสารภาพโดยดี บทสนทนาบนโต๊ะทำให้มีอาได้แต่มองอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าน้องชายตนเองที่โตตามกันมาจะกล้าเอารถไปเดิมพันจริง ๆ
“สรุปรถแกไปไหน!” ไคโรถามเสียงเข้ม
“อยู่กับแอล” มาร์ตินตอบกลับเสียงอ่อย อธิบายต่อเบา ๆ “พวกเราแค่ท้าขับรถแข่งกันที่สนามลุงวิคเตอร์ มีผม พี่คลีน อเล็กซ์ แล้วก็แอลลี่ สุดท้ายยัยแอลก็ชนะ...เหมือนเดิม”
“เฮ้ออออออ ~”
“แค่อาทิตย์เดียวเองพ่อ ไม่ต้องห่วง ไม่กี่วันเดี๋ยวยัยแอลก็เอามาคืนแล้ว”
“เล่นอะไรกันเนี่ย อย่าทำแบบนี้อีกนะมาร์ติน” มิลินส่ายหัว ยกมือทาบอกด้วยความโล่งใจ ที่อย่างน้อยรถสปอร์ตราคาแพงระยับก็อยู่กับคนสนิท แต่ก็แอบปวดหัวไม่น้อยที่กลุ่มเด็กน้อยเมื่อวันวานเติบโตพร้อมความแสบที่เพิ่มมากขึ้น
“ทราบแล้วครับแม่”
มิลินเปลี่ยนประเด็นไปพูดคุยเรื่องอื่น คลี่คลายบรรยากาศอึมครึมก่อนหน้าให้กลับมาราบรื่น หลังจากทานข้าวเสร็จลูกทั้งสองก็ขอตัวแยกย้ายกลับขึ้นไปบนห้อง โดยมีสายตาลึกล้ำของผู้เป็นพ่อมองตามแผ่นหลังทั้งสองไป
“เฮ้อออออออ ~ พวกเขาโตขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ พี่ยังรู้สึกเหมือนมีอายังมาอ้อนให้อุ้ม ส่วนมาร์ตินก็งอแงอยากได้ของเล่นอยู่เลย ดูวันนี้สิ ลูกสาวขอย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ ลูกชายเอารถไปเป็นของเดิมพัน”
“ลูกเราโตมานานแล้วค่ะพี่”
“หรือเราช่วยกันปั๊มลูกสาวตัวเล็ก ๆ อีกสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนไหม” ดวงตาอดีตมาเฟียวิบวับ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ภรรยาคนสวยต้องหน้าร้อนเล่น
“พูดอะไรเนี่ยพี่ มิลินไม่คุยด้วยแล้ว”
แม้วันเวลาจะผ่านไปหลายสิบปี แต่มิลินก็ยังกระดากอายทุกครั้งที่สามียกเรื่องบนเตียงมาหยอกล้อ หยัดตัวลุกหนีตามลูก ๆ ไป พวงแก้มแดงซ่านกับประโยคเบาหวิวที่ลอยมาตามลม
“หนียังไงก็ไม่รอดหรอกครับที่รัก ~”