3
“น้องปลายเขาคงไม่อยากจะนั่งกับพี่หรอกน้องแฟน เค้าน่ะลูกคุณหนู ส่วนพี่มันแค่ลูกจ้าง” ชายหนุ่มพูดนุ่ม ๆ ตามสไตล์ แต่ก็มีติดความรู้สึกน้อยใจออกไปนิด ๆ
ทิตยารีบเขยิบตัวขึ้นมา แล้วแทรกหน้าเครียด ๆ เข้ามาตรงกลางระหว่างเบาะ
“ปลายไม่เคยคิดว่าพี่ต้นเป็นลูกจ้างเลยนะคะ”
“แล้วน้องปลายทำแบบนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรังเกียจพี่” เขาถาม
“ก็ปลายอยากให้..เอ่อ..” เธออึกอัก
“เพราะอะไรเหรอปลาย บอกมาเถอะ” ธิมาดาอยากให้ทิตยาได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จึงถามกระตุ้น
“ปลายแค่อยากให้พี่ต้นกับพี่แฟนได้คุยกันสะดวก ๆ ไงคะ”
“เพราะอะไร”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ”
สองคำถามดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“ก็ปลายเห็นพี่ต้นกับพี่แฟนคุยกันถูกคอ ก็เลยอยากเปิดโอกาสให้คุยกันได้สะดวกเท่านั้น” เธอมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา “โกรธปลายหรือคะพี่แฟน พี่ต้น” เห็นทั้งสองเงียบไปไม่ยอมตอบก็รู้สึกร้อนใจ
“พี่ต้นไม่เคยโกรธน้องปลายเลยสักครั้ง” จะโกรธเธอลงได้อย่างไร ในเมื่อเขารักเธอจนจะล้นอกแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่ต้น ปลายรักพี่ชายคนนี้มากที่สุดในโลกเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา
พี่ชายที่ปลายไม่อยากให้เป็นเลยค่ะพี่ต้น ปลายอยากให้พี่ต้นเป็นมากกว่านั้น.. ได้ไหมคะ เธอร้องถามเขาอยู่ในใจ
“ถ้าดีกันแล้ว ตอนกลับก็มานั่งตรงนี้เป็นเพื่อนคุยพี่ต้นเขานะ พี่จะไปนั่งข้างหลัง จะตีตั๋วนอนยาว ๆ” ไม่ผิดแน่นอน สองคนนี้มีใจให้กัน แต่ก็อมภูมิกันอยู่นั่นแหละ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะสมหวังสักที เธอคงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเสียแล้ว เพื่อให้คนที่เธอรักทั้งสองคนได้สมหวัง “ลงกันได้แล้วจ้ะ มัวแต่จ้องตากันอยู่นั่นแหละ ดีนะที่ไม่ใช่ปลากัด”
ทั้งสองที่กำลังส่งสายตาซึ้งเพราะความลืมตัว รีบเรียกสติแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเก้อเขิน
……………….
ภายในงานที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนระดับไฮโซ ธิมาดาสะกิดแขนชายหนุ่มแล้วดึงให้เขาก้มหน้าลงมาเพราะความสูงที่ต่างกัน
“เรามาผิดงานหรือเปล่าคะพี่ต้น” เธอพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
“คงจะใช่นะ แบบเราต้องไปเดินเยาวราช งานวัดไร่ขิงโน่นเนอะ หึ ๆ ๆ”
“สองคนนี้ซุปซิบอะไรกัน นินทาอะไรปลายหรือเปล่า” ทิตยาที่ยืนขนาบอยู่อีกข้างของชายหนุ่มเอียงคอถามอย่างน่ารัก
“พี่แค่คิดว่าเราสองคนมาผิดงาน” ธิมาดาใช้นิ้วชี้ที่ตัวเองกับชายหนุ่ม
“พี่ต้นกับพี่แฟนน่ะดูดีกว่าหนุ่มสาวไฮโซหลาย ๆ คนอีกนะคะ เชิดค่ะเชิด เราต้องมั่นใจค่ะ”
“สงสัยจะจริงนะปลาย ดูสิ เซเลบสาว ๆ มองมาที่พี่ต้นตาเป็นมันเลย”
คำพูดหยอกล้อของธิมาดา ทำให้ทิตยารีบคล้องแขนชายหนุ่มไว้ทันทีอย่างลืมตัว
“ก็ปลายหวงพี่ชายนี่คะ ไม่อยากได้พี่สะใภ้ตอนนี้ เพราะฉะนั้นพี่ต้นต้องให้ปลายควงในงานคืนนี้ เข้าใจมั้ยคะ” เธอรีบแก้ตัวเมื่อถูกเขามองจ้อง ทำปากเชิด หน้างออย่างกับจวักใส่เขาเพื่อแก้เขิน
“จ้ะ พี่ยินดีเป็นคู่ควงของน้องปลายเสมอ” เขาใช้มือข้างที่ว่างมาบีบปลายจมูกเล็ก ๆ อย่างเอ็นดู
กว่างานในคืนนี้จะจบลง สองหนุ่มสาวที่ต่างก็หลอกหัวใจตัวเองอยู่ ก็แสนจะสุขใจกับการควงกันแบบหลอก ๆ จนแทบจะลืมนึกถึงหญิงสาวที่มาด้วยอีกคน แต่เธอคนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรเลย กลับรู้สึกดีใจที่เห็นทั้งสองมีความสุข เธอปล่อยให้พวกเขาควงคู่จู๋จี๋กัน ส่วนตัวเองก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเงียบ ๆ
...................
ฐวรรษจอดรถที่บริเวณหน้าบ้านของธิมาดา เพื่อส่งเธอที่ตอนนี้นอนหลับอยู่ที่เบาะด้านหลัง เขามองไปที่หญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคนข้างหลังนัก จะผิดกันก็แค่เธอนอนเอนไปกับเบาะ ที่เขาเป็นคนปรับให้
“น้องปลายครับ” เขาแตะต้นแขนเธอเบา ๆ “ถึงบ้านพี่แฟนแล้วครับ”
ทิตยาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อถูกปลุก แล้วมองไปที่ด้านหลัง “พี่แฟนเล่นตีตั๋วนอนเลยเหรอคะเนี่ยะ” เธอลงจากรถเพื่อเปิดประตูด้านหลัง ปลุกหญิงสาวให้ตื่น “พี่แฟนตื่นค่ะ ถึงบ้านแล้ว”
“ถึงแล้วเหรอ” ธิมาดาบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะก้าวลงจากรถ “ขอบคุณนะคะพี่ต้นที่มาส่ง พรุ่งนี้เจอกันนะปลาย”
“หนูแฟนทำไมกลับดึกขนาดนี้ล่ะ”
ขณะที่กำลังเปิดประตูรั้วบานเล็ก ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกด้าน เธอหันไปทางต้นเสียง มองหน้าคนถามอย่างไม่พอใจ
“แกมีสิทธิ์อะไรมาใช้น้ำเสียงแบบนี้กับฉัน” หญิงสาวไม่พอใจสามีใหม่ของมารดาอย่างมาก จึงถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งและกระด้างกว่ากลับไป
“ทำไมพูดกับพ่อแบบนั้นล่ะหนูแฟน”
พ่อ พ่อมึงสิ! เธอเกือบจะพลั้งปากด่ามันออกไป แต่ก็รีบยับยั้งชั่งใจเอาไว้ หน้าตาเริ่มบิดเบี้ยวเพราะอารมณ์กรุ่นโกรธ
“พ่อฉันตายไปตั้งแต่ฉันแปดขวบ สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า” ตั้งแต่ที่แม่เธอป่วย เธอก็พยายามที่จะหลบหน้าผู้ชายคนนี้ตลอด เพราะไม่เคยไว้ใจมันเลยสักนิด
