2
“ก็ไม่อยากไปกับพี่ต้น แต่อยากไปกับพี่แฟนนี่นา”
“งั้นก็ชวนพี่ต้นไปด้วยกันนะ” เธอเสนอเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบรักเพื่อนสนิทของพี่ชายมานานแล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เคยบอกตรง ๆ ก็ตาม
ส่วนตัวเธอเองก็สนิทกับเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา เพราะเคยได้พบปะพูดคุยกัน กระทั่งได้มาทำงานร่วมกันอีก และเธอก็คิดว่าเขาคนนั้นน่าจะมีใจให้กับทิตยาด้วยเช่นกัน.. ไม่เช่นนั้นแล้วตอนที่ทิตยายังเป็นนักศึกษาอยู่ เขาคงไม่เทียวรับเทียวส่งบ่อย ๆ หรอก ถึงแม้เขาจะอ้างว่าพี่ชายของหญิงสาวไหว้วานให้ทำก็ตาม
ทิตยามองหน้ารุ่นพี่แล้วอยากจะถามอะไรบางอย่าง.. แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะกลัวจะเป็นความจริง
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่แฟนอยากให้พี่ต้นไปด้วย” เธอฝืนยิ้ม สิ่งที่เธอคิดไว้คงเป็นจริงสินะ..ทั้งสองคนนี้ชอบกัน คนหนึ่งเธอรักเหมือนพี่สาว กับอีกคนที่รักไม่เหมือนพี่ชาย เพราะเธอคิดกับเขามากกว่านั้น แต่พวกเขาก็คือคนที่เธอรัก ดังนั้นเธอต้องแสดงความยินดีกับพวกเขาจากใจ
“ใช่ พี่อยากให้พี่ต้นเขาไปด้วย เขาจะได้คอยดูแลพวกเราไง” เธอส่งยิ้มให้ทิตยานัยน์ตาระยับอย่างคนมีนัยยะแอบแฝง
แต่ทิตยากลับตีความหมายของสายตานั้นว่าดีใจที่จะได้ไปกับชายหนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวปลายไปบอกพี่ต้นก่อนนะ” เธอพยายามฝืนยิ้มร่าเริง เธอคิดแล้วว่าถ้าสองคนนี้รักกันจริง ๆ เธอก็จะยินดีด้วย จะไม่เสียใจเด็ดขาด ถึงแม้จะทำได้ยากก็ตาม
ธิมาดามองจนทิตยาเดินห่างออกไป จึงกลับมาสนใจกับงาน ที่ต้องรีบสรุปให้จบภายในสามวัน เพราะใกล้ถึงกำหนดที่บอสใหญ่จะเข้ามาแล้ว ซึ่งเขาจะเข้ามาทุกอาทิตย์ที่สองของเดือน และจะอยู่ประมาณเจ็ดถึงสิบวัน แล้วจึงเดินทางกลับไปทำงานที่ไร่ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นงานที่เขาชอบมากกว่างานในบริษัท
นั่นก็หมายความว่าเมื่อไหร่ที่เขาเข้าบริษัท เธอจะต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะต้องคอยติดตามคุณเขาไปทุกที่ และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นหรอก เขาก็คือพี่ชายของทิตยานั่นเอง แต่เธอก็ไม่ได้สนิทกับเขาเหมือนที่สนิทกับฐวรรษ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพ และไม่ค่อยได้คลุกคลีกันเหมือนกับสองคนนั้น
……………….
บ้านของธิมาดา
เสียงแตรรถยนต์ที่ดังอยู่หน้าบ้าน ทำให้ธิมาดารู้ว่าทิตยามาถึงแล้ว เธอเดินไปที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อสำรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง วันนี้เธอเลือกแต่งตัวด้วยชุดราตรีสั้นแขนกุดคอวี สีชมพูอมม่วง ประดับด้วยมุกเม็ดเล็ก ๆ ที่ปักห่าง ๆ กันรอบตัว แต่งหน้าด้วยโทนสีอ่อนบางตา ปล่อยผมยาวสลวยโดยไม่ได้มีการเกล้าแต่อย่างใด
สำรวจตัวเองเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกจากบ้าน เมื่อเธอเดินใกล้ถึงรถที่จอดรออยู่ คนที่นั่งหน้าคู่มากับคนขับในตอนแรกก็เปิดประตูลงมา
“พี่แฟนสวยมาก ๆ เลยค่ะ พี่แฟนนั่งกับพี่ต้นนะคะ”
“ทำไมล่ะปลาย”
“ปลายไม่อยากนั่งกับ สว. ค่ะ” ท้ายประโยคเธอกระซิบที่ข้างหูของรุ่นพี่ เพราะกลัวชายหนุ่มที่อาสาขับรถให้จะได้ยิน
ธิมาดาย่นหัวคิ้วหากันแล้วมองหน้ารุ่นน้อง “อะไรคือ สว.เหรอปลาย”
“สว.ก็สูงวัยไงคะ ปลายไม่อยากนั่งกับคนแก่” หญิงสาวยิ้มทะเล้นแล้วเปิดประตูรถด้านหลัง เข้าไปนั่งแล้วปิดประตูทันที
ทำให้ธิมาดาต้องเข้าไปนั่งคู่กับคนขับอย่างจำใจ
“สวัสดีค่ะพี่ต้น วันนี้พี่ต้นหล่อมาก ๆ เลยนะคะ” เธอยกมือไหว้เขาแล้วกล่าวชมพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบใจจ้ะ น้องแฟนก็สวยนะ ดูเด็กเชียว” เขาชมกลับ “ไปกันเลยนะ”
“ค่ะ”
ตลอดการเดินทาง ทิตยามองทั้งคู่พูดคุยกันอย่างถูกคอพร้อมกับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ พวกเขาเหมาะสมกันอย่างไม่มีที่ติ สมควรแล้วที่เธอต้องสนับสนุนและช่วยเปิดทางให้
แต่ถ้าเธอมีญาณหยั่งรู้ เธอจะรู้ว่าฝ่ายชายนั้นก็กำลังคิดน้อยใจเธออยู่ เขาคิดว่าที่เธอย้ายไปนั่งข้างหลัง คงเป็นเพราะรังเกียจเขาที่มีฐานะด้อยกว่า ไม่คู่ควรกับเธอที่เป็นถึงน้องสาวเจ้าของบริษัท
เขาคิดถูกแล้วสินะ ที่พยามยามมองเธอแบบน้องสาว ไม่เอาความรู้สึกลึก ๆ ที่เก็บไว้ในใจ มาแสดงให้เธอรู้ว่าเขานั้นแอบรักเธอมาตลอดหลายปี
เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่มัธยมต้น และความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อเธออยู่มัธยมปลาย ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่ชายของเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงฝากฝังให้เพื่อนรักอย่างเขาช่วยดูแลน้องสาว ที่เริ่มโตเป็นสาวและสวยขึ้นมาก จนมีหนุ่ม ๆ ตามจีบกันมากหน้าหลายตา
เขาต้องกลายเป็นสารถีประจำตัวเธอ จนสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และช่วงนั้นเองที่เขาได้รู้ตัวว่า ตัวเองไม่ได้คิดกับเธอแค่น้องสาว จนกระทั่งเขาเรียนจบปริญญาโท พี่ชายของเธอจึงขอร้องให้เขาเข้ามาช่วยงานในบริษัท เขาจึงน้อมรับอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะหวังว่าจะได้อยู่ใกล้เธอและเห็นหน้ากันทุกวันให้หายคิดถึง
“น้องปลายงอนอะไรพี่ต้นเขาเหรอ ถึงหนีไปนั่งข้างหลัง” หลังจากคุยกับชายหนุ่มข้างตัวไปหลายประโยค ธิมาดาจึงแกล้งถามทิตยาด้วยคำถามที่คิดว่าคงไม่มีคำตอบ
“เอ่อ.. ก็เปล่านี่คะ”
“เปล่าแล้วทำไมถึงต้องเนรเทศตัวเองไปนั่งหลังล่ะ”
