บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

แม้จะหงุดหงิดใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ แต่ก็ต้องยอมเพราะคนที่รู้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวนี้มีไม่กี่คน ดังนั้นคนที่โทร. เข้ามาในเวลานี้ก็เดาได้เลย แล้วก็เป็นไปตามที่คิด เมื่อหน้าจอโทรศัพท์แสดงหน้าตากวนๆ ของใครบางคน

“ว่าไงไอ้ทิต” เขาส่งเสียงปนหงุดหงิดนิดๆ ออกไป เพราะอยากให้คนต้นสายรับรู้ความไม่พอใจของเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าอยากจะโทรศัพท์มาเวลาไหนก็ทำได้ เพราะตกลงกันแล้วว่าให้แค่ส่งข้อความมา เขาว่างตอนไหนจะโทร. กลับไปเอง ไม่ต้องโทร. มาตาม มาทวง หรือมาอะไรทั้งนั้น นั่นจะทำให้เขาหงุดหงิด

ณ ออฟฟิศ ‘สำนักพิมพ์ พรจากฟ้า’ สำนักพิมพ์ที่ผลิตและจัดจำหน่ายนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย หนุ่มหล่อเทรนด์เกาหลีนายหนึ่งนั่งยิ้มให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา เพราะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ระบุชื่อคนส่งว่า ‘นายต้นไม้’

มือหนึ่งคลิกเมาส์เพื่อเปลี่ยนหน้าจอไปเป็นงานที่ได้รับมอบหมาย คือการจัดอาร์ตเวิร์กของหน้านิตยสาร ส่วนอีกมือก็กระชับโทรศัพท์ที่หนีบไว้ตรงซอกคอให้ถนัดมากขึ้น เพราะงานตัวเองก็เร่ง แต่งานเพื่อนก็ต้องทำ แต่ที่สนุกสุดๆ ก็คือได้ยั่วอารมณ์คนทางนั้น

“ไม่ว่าไง เสร็จหรือยัง”

‘วาทิต’ ยิ้มก่อนส่งคำตอบและตั้งคำถามที่ยียวนกวนบาทาไปให้อีกคนที่รอฟังเสียงเขาอยู่ แม้จะรับรู้ได้จากน้ำเสียงว่าพฤกษ์เริ่มจะมีอารมณ์กรุ่นๆ เพราะเขาขัดข้อตกลง แต่ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาขัดความสุขหลังเลนส์ของเพื่อนซี้ ก็เพราะเป็นเพื่อนน่ะสิ เขาจึงต้องโทรศัพท์มาตาม

เพราะเขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนสองคนของ ‘เที่ยวทั่วไทยแบบบ้านๆ’ มีหน้าที่คอยตรวจสอบต้นฉบับ จัดอาร์ตเวิร์ป ตรวจคำผิด จนถึงอัปโหลดนิตยสารขึ้นสู่หน้าเว็บไซต์ให้ทันสำหรับรอบการวางจำหน่ายในแต่ละเดือน ถ้าเขาทำตัวชิวๆ ท่องเที่ยวตามอารมณ์อย่างที่พฤกษ์เป็น เห็นทีงานจะไม่เสร็จตามกำหนดแน่ ดังนั้นแค่น้ำเสียงเย็นชานิดหน่อย จิ๊บๆ สำหรับเขาอยู่แล้ว

“เออ...รู้แล้วน่า ก็กำลังเร่งอยู่เนี่ยแหละ ถามจริงไอ้ทิต ที่เอ็งโทร. มาทวงเนี่ย เอ็งเช็กไฟล์ที่ข้าส่งไปหรือยัง”

พฤกษ์หมายถึงไฟล์ต้นฉบับครึ่งแรกที่ส่งให้วาทิตเมื่อสัปดาห์ก่อน และวาทิตเองก็ยังไม่ได้ตอบกลับมาว่ามีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขบ้าง แต่ดันโทร. มาทวงต้นฉบับครึ่งหลังที่เขากำลังเก็บภาพอยู่ อย่างนี้จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไง

“เรื่องนั้นเอ็งไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ บอกมาดีกว่า ที่เหลือจะได้วันไหน ข้าจะได้จัดคิวงานถูก หรือได้เท่าไหร่เอ็งก็ส่งมาก่อน กันเหนียวว่ะ ให้ข้ารอเอ็งมีหวังไฟไหม้ก้นเหมือนคราวที่แล้วแน่ เข้าใจใช่ไหมว่าต้องหอบเอาไปทำที่คอนโดน่ะ”

วาทิตย้ำอีกเหตุผลซึ่งพฤกษ์ต้องไม่ลืมว่านี่คือความลับสุดยอด เพราะพฤกษ์กับเจ้าของ ‘สำนักพิมพ์ พรจากฟ้า’ จบกันไม่สวย แม้ว่าพฤกษ์จะออกไปทำงานอิสระ แต่เขายังต้องทำงานที่นี่ต่อ เพราะภาระผ่อนคอนโดมิเนียมก้อนโตทำให้เขาไม่กล้าที่จะโผบินได้อย่างที่พฤกษ์ทำ อีกอย่างงานอาร์ตเวิร์กที่ได้รับมอบหมายก็ตรงกับสายวิชาที่เรียนมา เรียกได้ว่า เมื่อเขาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับทางผู้บริหาร งานดีเงินดีแบบนี้จะทิ้งไปก็ใช่ที่ นอกเสียจากว่าวันหนึ่งเขาจะตบะแตกจนกาวต่อไม่ติด หรือไม่ก็มีที่หมายอื่นที่ดีกว่านี้

ดังนั้น เพื่อตัดปัญหาที่อาจมาเยือนในสักวัน เขาจึงต้องทำทุกขั้นตอนของอีบุ๊ก ‘นายต้นไม้’ นอกพื้นที่สำนักพิมพ์เท่านั้น แล้วที่ไหนล่ะจะเหมาะได้เท่าออฟฟิศรูหนูที่คอนโดของเขา

“เออน่า...เสร็จทันแน่นอน เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก แล้วรีบๆ ดูด้วยล่ะที่ส่งไปน่ะ จะแก้ตรงไหนก็บอกมา ที่เหลือพรุ่งนี้จะส่งให้ โอเคๆ เข้าใจแล้ว” พฤกษ์ตอบกลับสิ่งที่วาทิตต้องการ พ่นลมออกจากปากพร้อมทำท่าจะกดวางสาย แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“เดี๋ยวๆ อีกเรื่องไอ้ทิต แล้วเรื่องโฮมสเตย์ที่เชียงใหม่เอ็งว่าไง อะไรวะเต็ม นี่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวนะโว้ย เต็มได้ไง ข้าไม่เอารีสอร์ต ไม่รู้ละ เอ็งต้องจัดการ เพราะนี่มันโพรเจกต์เอ็ง เอาใกล้ๆ กันด้วยนะ ข้าขี้เกียจขี่รถ เสียเวลาเก็บภาพหมด ได้เรื่องยังไงแล้วโทร. มาบอกด้วย แล้วอย่าลืมส่งโลเกชันร้านชามาด้วยล่ะ เออ...แค่เนี้ยแหละ”

พฤกษ์กดตัดสายพร้อมส่ายศีรษะแบบไม่สบอารมณ์ เพราะอีกสองวันเขาก็ต้องขึ้นไปเก็บข้อมูลร้านชาที่เชียงใหม่ตามที่วาทิตเสนอแนะมา แต่วาทิตกลับจองโฮมสเตย์ใกล้ๆ กับแหล่งข้อมูลไม่ได้ แล้วดันมาเสนอให้เขาเข้าพักที่รีสอร์ตแทน ทั้งๆ ที่วาทิตรู้ดีว่ารีสอร์ตกับเขาน่ะคนละทางกัน

แม้รีสอร์ตบางที่จะมีลักษณะไม่ต่างไปจากโฮมสเตย์สักเท่าไร แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่บรรยากาศที่ใกล้เคียงหรือว่าแตกต่าง สิ่งที่ต่างและสำคัญสำหรับเขาก็คือรีสอร์ตไม่มี ‘มิติทางวัฒนธรรม’ ที่เจ้าของบ้านจะมีต่อผู้มาเยือน ทว่าโฮมสเตย์มีในสิ่งนั้นอย่างครบถ้วน

เขาต้องสร้างจุดยืนให้อีบุ๊กและตัวเอง ว่าสิ่งไหนกันที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายทอดออกไปให้คนอ่านรับรู้ คงไม่ดีแน่หากเขาได้ข้อมูลจากการสันนิษฐาน จากคำบอกเล่า หรือจากการจำลองบรรยากาศขึ้นมา เพราะแค่เขาเดินทางแบบ ‘ไบค์เกอร์’ คือใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เป็นยานพาหนะ แต่สรรหาข้อมูลมาเติมเต็มนิตยสารในรูปแบบของ ‘แบคแพคเกอร์’ คือการแบกกระเป๋าเป้เดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะหรือไม่ก็โบกรถไป นั่นเขาก็ถือว่ามากพอแล้ว

เพราะเขาออกตัวไว้ก่อนในหน้าแนะนำนิตยสารว่า จำเป็นต้องเดินทางแบบไบค์เกอร์ก็เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน แต่เขาจะถ่ายทอดข้อมูลทั้งสองช่องทาง ไม่ว่านักอ่านจะแบกเป้เดินทางหรือจะขับขี่รถจักรยานยนต์แบบเขาก็ใช้มูลได้เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เขาจะถ่ายทอดลงอีบุ๊กต้องเป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้ด้วยตัวเองเท่านั้น

และอารมณ์กรุ่นของพฤกษ์ก็เจือจางลง รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้า เมื่อเหล่านกกินปลาถลาขึ้นบินเพราะได้ยินเสียงโขลกน้ำพริก กลิ่นอาหารประเภทแกงร้อนมีรสเผ็ดจัดจ้านโชยมา พฤกษ์สูดความหอมนั้นแล้วยิ้มกว้างเมื่อรับรู้ถึงเสียงร้องในช่องท้องของตนเอง นี่แหละสาเหตุที่เขาชื่นชอบโฮมสเตย์เป็นพิเศษ เพราะอาหารแบบบ้านๆ รสมือของคนพื้นถิ่น น้อยนักที่คนเมืองจะได้กิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel