2. ปิดบัง
“ใบหม่อนจ๋า..หลินขอใช้บริการถ่ายซีร็อคหนึ่งร้อยแผ่นค่ะ”
ลัดดา เดินผลักประตูห้องแผนกธุรการเข้ามาพูดจาออดอ้อนใบหม่อน พร้อมกับวางเอกสารปึกใหญ่บนโต๊ะให้ด้วย
“ซีร็อคเป็นชื่อเครื่องถ่ายเอกสารนะคะน้องหลิน..ต้องเรียกว่าถ่ายสำเนาเอกสารถึงจะถูกค่ะ เช่นเดียวกับที่หลายคนชอบเรียกผงซักฟอกว่าแฟ้บ แต่ที่จริงแล้วแฟ้บคือชื่อยี่ห้อของผงซักฟอกนะคะ”
จิตนาถ กำลังจะเดินออกจากห้องพอได้ยินเข้าก็เลยหยุดอธิบายให้ลัดดาฟัง ลัดดา รีบฉีกยิ้มเข้าใส่นึกในใจว่าเจอฤทธิ์ของอาจาร์ป้าระดับอาจารย์ใหญ่สอนภาษาไทยให้เสียแล้ว
“อุ๊ย..ขอโทษค่ะพี่นาถขา..ที่ใช้ภาษาไทยผิด หลินมาขอใช้บริการถ่ายสำเนาเอกสารค่ะ”
ลัดดา รีบพูดเสียงดัง เธอรู้กิตติศัพท์ของจิตนาถ กับบรรดาลูกน้องอย่างรดากับอิงอร ที่ชอบจับผิดสาว ๆ แผนกอื่นทั้งการแต่งตัวและการใช้ภาษาไทย จนหลายคนแอบเรียกสามสาวใหญ่นั้นว่าอาจารย์ป้าแห่งแผนกวัตถุโบราณ มีเพียงปัทมาเท่านั้นที่ยังพออนุโลมเรียกแค่พี่ไม่ถึงขั้นป้า เพราะปัทมาไม่ค่อยพูดตำหนิพวกสาว ๆ ให้ได้ยิน แต่ปัทมาก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มขึ้นคานจึงต้องรวมเข้าไปในแผนกวัตถุโบราณอย่างน่าสงสารอยู่ดี
ลัดดา นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเธอต้องมาทำงานอยู่ในแผนกนี้จะเป็นอย่างไรหนอ คงได้ถูกอบรมสั่งสอนทุกวัน คิดแล้วก็นึกสงสารเด็กใหม่อย่างใบหม่อน ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าหดหู่ แถมยังถูกหล่อหลอมให้อยู่ในกรอบจนจะเป็นสาวสยามย้อนยุคไปแล้ว
ดูเถิดสาว ๆ คนอื่นในบริษัทต่างก็แต่งตัวกันหวือหวาทันสมัย แต่ใบหม่อนกลับต้องแต่งแบบฟอร์มชุดสูทมาทำงานทุกวันช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร ทั้งที่บริษัทก็ไม่ได้ตั้งกฎว่าให้ใส่ยูนิฟอร์มเสียหน่อย สงสัยว่าใบหม่อนคงจะถูกอาจารย์ป้าบังคับให้แต่งตัวสไตล์เดียวกับพวกป้า ๆ ในแผนก ลัดดานึกในใจด้วยความเห็นใจพนักงานน้องใหม่อย่างใบหม่อน
“คราวหน้าก็ใช้ให้มันถูก ๆ หน่อยนะน้องหลิน เราเป็นคนไทยช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องด้วย ยิ่งถ้าช่วยกันรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยในเรื่องการแต่งตัวไว้ด้วยก็ดีนะจ๊ะ”
จิตนาถ พูดพร้อมกับใช้สายตาเหล่ไปที่กระโปรงสั้นจู๋ของ ลัดดา ก่อนจะขอตัวขึ้นไปประชุมต่อ ปล่อยให้ลัดดายืนเซ่อเพราะเอ๋อไปกับคำพูดของจิตนาถ ที่เธอแอบค่อนแคะว่ามนุษย์ป้า
“สงสัยพี่นาถกะจะให้หลินใส่ชุดไทยมาทำงานละมั้งเนี่ย” พอจิตนาถ ออกไปแล้ว ลัดดาก็พูดติดตลกขึ้นมาทันที
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ๊ะน้องหลิน ความจริงน้องหลินมีเงินซื้อกระเป๋าหลุยส์ได้ก็ไม่น่าจะขี้เหนียวซื้อผ้ามาต่อให้กระโปรงมันยาวกว่านี้นะคะ”
รดา พูดหยอกเย้าแกมเหน็บแนมลัดดา
“แหม..ไม่ใช่ว่าหลินจะขี้เหนียวอะไรหรอกค่ะป้าดา อุ๊ย..พี่ดาขา..แต่นี่มันเป็นแฟชั่นค่ะ ตอนนี้เขานิยมกระโปรงสั้นโชว์ขาแบบนี้กันค่ะ แต่พูดไปพี่ดาก็คงจะไม่เข้าใจเพราะว่าเลยวัยรุ่นไปแล้ว ต้องพูดกับใบหม่อนดีกว่า จริงไหมจ๊ะใบหม่อน”
ลัดดา หันมาพยักพเยิดหยอกล้อใบหม่อนแทนในตอนท้าย
“อย่าไปชักชวนใบหม่อนเลยจ๊ะ..แผนกธุรการของเราไม่มีนโยบายให้พนักงานนุ่งสั้นจ๊ะ” .
อิงอร เป็นคนพูดขึ้นแทนใบหม่อน จนลัดดา อดคิดไม่ได้ว่ากำลังถูกรุมโดยมนุษย์ป้าอาวุโสทั้งสอง ยังดีที่ปัทมาไม่ร่วมวงด้วย
“เสียใจด้วยนะใบหม่อนที่ไม่ได้แต่งตัวสวยเหมือนแผนกอื่น”
ลัดดา ยื่นหน้าไปกระเซ้าเย้าแหย่ใบหม่อน
“แต่งแบบใบหม่อนถือว่าสวยแบบเหมาะสมแล้วจ๊ะ”
รดา รีบพูดขึ้นแทนใบหม่อน ทำให้ใบหม่อนยิ้มแหยให้ลัดดา
“เอ้อ..คุณหลินจะถ่ายเอกสาร หรือจะให้ปริ้นจากเครื่องคะ”
ใบหม่อน รีบนำทุกคนออกจากบรรยากาศที่น่าอึดอัด
“ถ่ายเป็นเอกสารค่ะเพราะใช้เยอะ เดี๋ยวหลินขอมาเอาสักบ่ายสองได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ ช่วยเซ็นในใบสั่งถ่ายเอกสารด้วยค่ะ”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากนะใบหม่อน” ลัดดา รับมากรอกข้อความอย่างเงียบ ๆ
“พรุ่งนี้วันหยุด เย็นนี้ไปทานข้าวที่บ้านพี่ไหมจ๊ะใบหม่อน”
ปัทมา กล่าวชวนใบหม่อนขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“พอดีวันนี้ ใบหม่อนมีนัดแล้วค่ะพี่ปัด” ใบหม่อนไม่ยอมบอกว่ามีนัดกับวรเมธ
“อย่าบอกนะคะว่านัดกับหนุ่ม ที่พี่พูดนี่ไม่ใช่อะไรหรอกจ๊ะ แต่เป็นห่วงเรานะใบหม่อน เห็นว่าเป็นเด็กสาวมาจากต่างจังหวัดเพิ่งมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯไม่อยากให้ถูกหลอกง่าย ๆ ยิ่งสมัยนี้พวกมิจฉาชีพก็เยอะ อีกอย่างอายุเราก็ยังน้อยอย่าเพิ่งรีบมีแฟนเลยนะ ผู้ชายสมัยนี้น่ะต้องดูดี ๆ ถ้าหาดีไม่ได้ ก็อยู่เป็นโสดอย่างพวกพี่นี่แหละ สบายใจที่สุด”
อิงอร เป็นคนพูดเตือนใบหม่อนขึ้นมา
“พี่เห็นด้วยจ๊ะ..ใบหม่อนเพิ่งจะยี่สิบสามปีเท่านั้นเองไม่ควรรีบร้อนมีแฟนในตอนนี้หรอก”
รดา กล่าวสนับสนุนคำพูดของอิงอร ทำเอาลัดดาแอบอมยิ้มหันไปสบตากับใบหม่อนที่ส่งยิ้มแห้งแล้งให้มาพอดี ท่าทางใบหม่อน คงจะขึ้นคานเหมือนพวกสาวใหญ่ในแผนกนี้เสียแล้ว
ลัดดา ได้แต่นึกสงสารใบหม่อนอยู่ในใจ เธอเดินออกไปจากแผนกธุรการอย่างหดหู่ใจ ในขณะที่ใบหม่อนแอบซ่อนความสุขไว้ในสีหน้าไม่ให้พวกป้า ๆ ในแผนกจับได้ว่ากำลังมีความรัก
ใบหม่อน นึกไปถึงวรเมธ ที่จะมารับหลังเลิกงานเย็นนี้ โดยที่ใบหม่อน ไม่กล้าให้เขาเข้ามารอในตึกที่ทำงาน เธอยังไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่มีผู้ชายมาติดพัน เทียวรับเทียวส่งเกือบสองเดือนแล้ว ใบหม่อนตั้งใจที่จะปิดบังเรื่องนี้กับทุกคนเอาไว้ จนกว่าจะแน่ใจยอมรับวรเวธ เป็นคนรักได้อย่างมั่นใจเสียก่อน
ใบหม่อน กำลังรอลิฟท์หลังเลิกงาน พนักงานหลายคนก็เริ่มทยอยกันมาอออยู่หน้าลิฟท์ชั้นที่ยี่สิบสี่ของอาคารทันสมัยแห่งนี้ พอประตูลิฟท์เปิดออก ทุกคนก็รีบวิ่งกรูเข้าไปแออัดอยู่ข้างในจนเต็ม ทำให้ใบหม่อนจำต้องรอเที่ยวต่อไป เธอยกนาฬิกาดูด้วยใจที่ลุ้นระทึกเกรงว่าคนที่เธอนัดหมายให้มารับจะคอยนาน
“ใบหม่อน!...เย็นนี้มีนัดกับหนุ่มที่ไหนจ๊ะ”
ลัดดา เดินเข้ามากล่าวสัพยอกเป็นการทักทายใบหม่อนระหว่างที่ยืนรอลิฟท์
“ปละ..เปล่านะคะคุณหลิน” ใบหม่อนรีบปฏิเสธแต่หน้าแดง
“เปล่าอะไรกันจ๊ะ ตอนที่หลินไปขอถ่ายเอกสารที่ห้องธุรการหลินได้ยินใบหม่อนพูดว่าเย็นนี้มีนัด หรือว่าพูดเพราะไม่อยากจะไปสังสรรค์กับพวกมนุษย์ป้า ๆ ที่แผนกจ๊ะ”
ลัดดา ยังพูดหยอกล้อถึงคนที่แผนกธุรการ
“เปล่าค่ะ ใบหม่อนมีนัดจริง ๆ ค่ะคุณหลิน”
“นั่นแน้ หน้าแดงแบบนี้สงสัยจะมีนัดกับหนุ่มที่ไหนแน่เลยใช่ไหมจ๊ะ” ลัดดาส่งแววตาล้อเลียน
“ไม่ใช่นะคะ ใบหม่อนไม่ได้นัดหนุ่มที่ไหน”
ใบหม่อน บอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะหนักแน่นเท่าไหร่
“แหม..ใบหม่อนจ๋า..มีนัดกับหนุ่มก็บอกมาเถอะจ๊ะ รับรองว่าหลินไม่ปากโป้งไปฟ้องพวกอาจารย์ป้าที่แผนกวัตถุโบราณหรอกจ๊ะ”
ลัดดา บอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ใบหม่อนสีหน้ากังวลใจ
เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องที่เธอกำลังมีผู้ชายมาจีบ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของจิตนาถ แล้วก็รดากับอิงอร เธอไม่อยากถูกผู้ใหญ่ตำหนิ และอยากจะให้แน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ วรเมธเสียก่อน เนื่องจากเพิ่งจะรู้จักวรเมธได้เพียงไม่นานนี้
“แต่ใบหม่อนไม่ได้นัดหนุ่มจริง ๆ นะคะ”
ใบหม่อนทำเสียงขึงขังให้ลัดดาเชื่อมั่น ลัดดาหัวเราะร่วน
“ท่าทางใบหม่อนจะกลัวพวกป้า ๆ ในแผนกนะเนี่ย หรือว่าบรรดามนุษย์ป้าพวกนั้นไม่ยอมให้ใบหม่อนมีแฟนจ๊ะ”
“ไม่ใช่นะคะคุณหลิน พวกพี่ ๆ ที่แผนกไม่ได้ห้ามอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ” ใบหม่อนรีบอธิบาย
“ไม่ได้ห้าม แต่ก็คอยพูดกรอกหูใช่ไหมล่ะ ไม่ให้ใบหม่อนแต่งตัวสวย ๆ แบบหลิน ให้ทำตัวเรียบร้อยเป็นกุลสตรีไทย ถึงหลินจะไม่ได้อยู่แผนกเดียวกับใบหม่อนก็พอจะรู้หรอกน่า ถ้าใบหม่อนไม่อยากจะขึ้นคานเป็นสาวแก่ แบบพวกป้า ๆ นั่นล่ะก็อย่าได้ไปหลงเชื่อเชียวนะ เราเป็นสาวยุคใหม่ต้องมั่นใจในตัวเอง มีอะไรดี ๆ ในตัวก็ต้องงัดออกมาโชว์จ๊ะ ขาใบหม่อนก็เรียวสวยดีออก ถ้ารู้จักนุ่งประโปรงสั้น ๆ แบบหลินบ้างคงจะสวยเซ็กซี่ทีเดียวเชียวล่ะ หนุ่ม ๆ จะต้องปิ๊งชวนไปออกเดทแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดูสิ นี่แนะนำเคล็ดลับดี ๆ
ให้จะได้มีผู้ชายมาสนใจเยอะ ๆ เหมือนหลินไงจ๊ะ” ลัดดาบอก
“ต๊าย..กำลังสอนเคล็บลับอะไรกันอยู่หรือคะ ได้ยินว่ามีผู้ชายมาสนใจเยอะ ๆ สอนให้แพลนบ้างได้ไหมเนี่ย”
เสียงของพัชรี แทรกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่สองสาวก็ไม่ทันได้สังเกต แต่เสียงนั้นก็ทำให้ลัดดาต้องหันไปเหยียดยิ้มส่งให้
“อย่างคุณแพลนคงไม่ต้องสอนแล้วมั้ง..แต่งตัวเริ่ดขนาดนี้”
ลัดดา หันไปใช้สายตามองพัชรีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาอิจฉาแกมหมั่นไส้
พัชรี เปลี่ยนชุดตั้งแต่เลิกงาน คาดว่าคืนนี้คงจะไปเที่ยวเริงราตรีเหมือนที่ลัดดาก็ชอบไปทุกเย็นวันศุกร์
ชุดใหม่ที่พัชรีเปลี่ยนมาใส่นั้นโป๊กว่าเดิมอีก เพราะโชว์ทั้งหน้าอกทั้งทรวดทรงที่เน้นรูปร่างจากเสื้อผ้าที่รัดรูป แม้จะเป็นกางเกงขายาวผ้ามันสีดำ แต่ก็รัดติ้วจนเห็นเนินใต้สะดือ แถมยังแต่งหน้าเข้มกว่าเมื่อตอนกลางวันอีกด้วย
“แต่ก็ยังแพ้คุณหลินนะคะเนี่ย” พัชรี หันไปกระเซ้าแบบซ่อนความอิจฉา
ลัดดา เปลี่ยนไปใส่เสื้อสายเดี่ยวที่คอลึกโชว์ความอึ๋มหน้าอกเช่นกัน ชายเสื้อนั้นสั้นจนเห็นสะดือ ส่วนกระโปรงท่อนล่างที่สั้นราวสองคืบนั้นยังคงเป็นตัวเดิมที่ใส่ทำงานมาทั้งวัน โดยสวมรองเท้าที่ผูกสายรัดยาวมาถึงเกือบครึ่งน่อง คล้ายนางแบบที่เดินโชว์บนแคทวอล์ค
“รองเท้าคุณหลินเก๋ดีนะคะ ไม่ทราบว่าซื้อจากไหนคะเนี่ย”
พัชรี แกล้งถามเสียงหวาน แต่ลัดดาหน้าบานด้วยความภูมิใจที่จะได้นำเสนอ
“คู่นี้ซื้อมาจากปารีสค่ะ ตอนที่หลินไปเที่ยวฝรั่งเศสช่วงพักร้อนปีที่แล้วไงคะ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใส่หรอกค่ะเพราะมีหลายคู่จนไม่รู้จะใส่คู่ไหน ส่วนใหญ่ก็ซื้อมาจากปารีส ลอนดอนทั้งนั้นค่ะ ราคาไม่เท่าไหร่ค่ะ แค่คู่ละห้าหกหมื่นเท่านั้นเอง”
“เหมือนแพลนเลยค่ะ ตอนที่ไปเยี่ยมพี่สาวที่อังกฤษก็ไปช้อปรองเท้ากลับเมืองไทยเป็นสิบคู่ จนตู้ที่บ้านแทบจะไม่มีใส่แล้ว อย่างกระเป๋าใบนี้ก็สั่งเป็นพิเศษ ราคาก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่แสนห้าเท่านั้นเอง ถู๊กถูก”
พัชรี ไม่ให้น้อยหน้าเช่นกัน หวังไม่ให้อีกฝ่ายข่มรัศมีความรวยของตัวเองไปได้
ใบหม่อน ต้องยืนฟังคนทั้งคู่สนทนาอวดรวยกันไปมาเรื่องกระเป๋า รองเท้า ซึ่งใบหม่อนไม่มีอะไรที่จะอวดเรื่องพวกนี้กับใครเขาได้เลย เพราะลำพังเงินเดือนใบหม่อนที่จะจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำไฟ ค่ามือถือ ค่ารถ ค่าอาหาร ก็แทบจะกระเบียดกระเสียรอยู่แล้ว ไหนจะต้องเจียดส่งไปช่วยแบ่งเบาภาระให้บิดามารดาที่ชนบทอีกด้วย อย่าได้หวังเลยว่าจะมีเงินไว้ซื้อกระเป๋ารองเท้าราคาหลักหมื่นขึ้นไปจนถึงแสนแบบลัดดากับพัชรีได้ แค่กระเป๋าสะพายใบละพันกว่าบาทที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็ต้องทนกินข้าวไข่เจียวเป็นอาหารเย็นอยู่นับเดือนกว่าจะตัดใจกัดฟันซื้อใช้สำหรับมาทำงาน ซึ่งเป็นใบที่แพงที่สุดที่มีอยู่ นอกนั้นก็ใช้ใบละสองสามร้อยเท่านั้นเอง
เมื่อลิฟท์มาแล้ว สองสาวจึงหยุดการสนทนาข่มรัศมีกันได้เสียที จนลิฟท์มาจอดชั้นล่างทุกคนทยอยออกจนหมด
“ใบหม่อนจะไปทางไหนจ๊ะ เผื่อไปทางเดียวกับหลินจะได้ติดรถไปด้วยกัน”
ลัดดา หันมาถามใบหม่อนหลังจากที่พัชรีแยกออกไปแล้ว ลัดดาเห็นว่าใบหม่อนไม่ใช่คู่แข่งของเธอจึงพูดคุยด้วยอย่างไม่ต้องเสแสร้ง และที่ลัดดาต้องผูกสัมพันธ์กับใบหม่อนเอาไว้ก็เพราะต้องไปใช้บริการไหว้วานใบหม่อนเรื่องงานในแผนกธุรการบ่อย ๆ นั่นเอง จึงอยากจะแสดงน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหลิน เดี๋ยวใบหม่อนขึ้นรถเมล์ไปค่ะ”
ใบหม่อนรีบกล่าวปฏิเสธเพราะเธอนัดวรเมธเอาไว้แล้วที่ป้ายรถเมล์ไกลออกไปจากตึกของบริษัทประมาณสองป้ายรถเมล์
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะใบหม่อน วันนี้หลินมีนัดตั้งสามทุ่มเดี๋ยวหลินไปส่งใบหม่อนก็ได้”
ใบหม่อน ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนร่วมงานต่างแผนก จึงจำต้องเดินไปขึ้นรถของลัดดาตามคำเชิญชวน
