12 เดทแรก
“ฉันไปก่อนนะรุ้ง” มธุสรเอ่ยขึ้น
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” ปานรุ้งบอกเพื่อน เพราะอยากเห็นตัวจริงของปุณณภพ
มธุสรเดินออกจากห้องของเพื่อนก็ตรงไปยังรถของปุณณภพที่จอดรออยู่
รถตู้คันหรูสีขาวสะอาดตาเป็นรถของผู้บริหารระดับสูง จอดรออยู่หน้าคอนโดโดดเด่นเป็นสง่า
ประตูรถเปิดออกโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
ปุณณภพนั่งอยู่บนเบาะหนังตัวยาวอย่างสบายใจ เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูข้อมูลบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมธุสรที่ยืนรอขึ้นรถอยู่กับเพื่อนของเธอ
“คุณภพคะ..นี่เพื่อนฉันเอง ปานรุ้ง” มธุสรแนะนำเพื่อนของเธอ ปานรุ้งที่ยืนส่งเพื่อนอยู่ถึงกับตะลึง เมื่อเห็นความหล่อของคนตรงหน้า
“สวัสดีครับ คุณปานรุ้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ปุุณณภพกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“สวัสดีค่ะคุณภพ” ปานรุ้งรีบยกมือไหว้อย่างอัตโนมัติเมื่อปุณณภพกล่าวทักทายเธอจบลง
“เชิญครับคุณน้ำหวาน” เขาเอ่ยทักทายมธุสรพร้อมกับมอบรอยยิ้มให้เธอเช่นกัน
ปานรุ้งไม่เคยเห็นปุณณภพมาก่อน จะเห็นแค่ในรูปที่เพื่อนสนิทบอกเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นตัวจริง เธอถึงกับต้องร้องว้าวในใจ เพราะตัวจริงเขาหล่อกว่าในรูปซะอีก
ปุณณภพยิ้มให้ปานรุ้งอย่างเป็นมิตร ทำให้เธอเขินอายเล็กน้อย ปานรุ้งรู้สึกว่าเพื่อนของเธอโชคดีที่ได้รู้จักกับปุณณภพ
“ฝากเพื่อนของรุ้งด้วยนะคะคุณภพ” ปานรุ้งรีบบอกเพราะเป็นห่วงเพื่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะดูแลคุณน้ำหวานเพื่อนของคุณเป็นอย่างดี” ปุณณภพตอบ
ดวงตาคู่สวยของปานรุ้งเบิกกว้างเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพเพื่อนสนิทของเธอเดินขึ้นรถของปุณณภพอย่างว่าง่าย เธอสังเกตเห็นแววตาของมธุสรที่เปลี่ยนไป มันไม่ใช่แววตาของความโกรธเคืองหรือรังเกียจ แต่เป็นแววตาที่อ่อนโยนและสับสน
ปานรุ้งยิ้มอย่างเขิน ๆ ให้ปุณณภพอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในคอนโด
เธอรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอคงหลงรักปุณณภพเข้าแล้วแต่ปากแข็ง มธุสรพยายามปกปิดความรู้สึกของตัวเอง แต่ปานรุ้งรู้จักเพื่อนของเธอดี เธอรู้ว่ามธุสรกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง
แต่ถึงอย่างไรปานรุ้งก็ยังรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของมธุสรกับปุณณภพซับซ้อนและอันตราย
มธุสรมีพี่มิกซ์เป็นแฟนอยู่แล้ว และปุณณภพก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ฉันหวังว่าเธอคงเลือกคนที่ดีและจริงใจกับเธอนะ..น้ำหวาน” ปานรุ้งพึมพำกับตัวเอง เธอภาวนาขอให้เพื่อนรักเจอคนที่จริงใจและรักเพื่อนของเธอจริงๆ เพราะการที่ปุณณภพเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของมธุสรกับแฟน ปานรุ้งก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
เมื่อปานรุ้งหายไปจากสายตา ปุณณภพก็หันมาสนใจมธุสร เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนา
เบาะหนังสีครีมเนื้อนุ่มชวนให้ผ่อนคลาย พรมปูพื้นหนานุ่มสีเทาเข้มให้ความรู้สึกอบอุ่น ผนังรถบุด้วยวัสดุอย่างดี ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อประตูปิดสนิท
หญิงสาวจำเป็นต้องไปนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอย่างอารมณ์ดี เพราะในรถมีแค่สองเบาะเท่านั้น กระจกดำสนิทที่กั้นระหว่างห้องคนขับและห้องโดยสารด้านหลัง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
ขจรเกียรติคนขับรถผู้ชำนาญเส้นทาง จึงมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารด้านหลัง และผู้โดยสารก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองเห็นพวกเขาจากภายนอก
ภายในห้องโดยสารมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เขาหยิบไวน์ในตู้เย็นตรงมินิบาร์ขนาดเล็กในรถขึ้นมาหนึ่งขวด ก่อนจะรินใส่แก้วแล้วเสิร์ฟให้เธอ
“ดื่มอะไรเย็น ๆ สักหน่อยมั้ยครับ จะได้ชื่นใจ”
“ฉันขอไม่ดื่มดีกว่าค่ะ” หญิงสาวไม่ไว้ใจจึงไม่รับแก้วไวน์จากเขา เขายกมันขึ้นดื่มเพื่ออยากพิสูจน์ว่าแก้วนี้เขาไม่ได้ใส่อะไรลงไปแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้คุณดูสวยเป็นพิเศษเลย” เขาเอ่ยชมเธอ มธุสรยังคงนั่งนิ่ง ก่อนจะเอื้อมไปดึงสายนิรภัยมาแล้วค่อย ๆ เลื่อนมันผ่านร่องอกอวบอิ่มที่ดันเด่นภายใต้มินิเดรสสีครีม สายตาของปุณณภพจับจ้องอยู่ที่เนินอกคู่นั้นอย่างไม่อาจละสายตาได้
ปุณณภพกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่ภาพเนินอกอวบอิ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เขาแทบคลั่ง
สายตาคมทอดมองร่างอวบอัดขาวผ่องที่นั่งอยู่ข้างกาย มธุสรในชุดมินิเดรสสีครีมขับเน้นผิวขาวผ่องของเธอให้เปล่งประกาย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นอวบอิ่มชวนให้น่าลุ่มหลง ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดราวกับผลเชอร์รี่สุกงอม ชวนให้เขาแทบจะโถมกายเข้าไปครอบครองเสียให้ได้
“คาดได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบ เมื่อเห็นเธอพยายามคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยตัวเอง จนมือหนาเอื้อมต้องรีบไปดึงสายนิรภัยมาคาดให้เธออย่างแผ่วเบา เพียงแค่ได้สัมผัสใกล้ชิดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาแทบคลั่ง
มธุสรเม้มปากแน่น เธอรู้สึกถึงสายตาที่กำลังจ้องมองเธอราวกับจะกลืนกิน เธอพยายามควบคุมสติไม่ให้หลุดลอยไปกับสัมผัสของเขา
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเบาหวิว เมื่อซีอีโอหนุ่มคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเสร็จ
“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบกลับ ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางไม่วางตา
รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโดของปานรุ้ง มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารหรูที่เขาจองไว้ บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วเบา
มธุสรนั่งนิ่ง เธอกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง เธอรู้ว่าเธอไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา แต่สัมผัสของเขาเมื่อสักครู่มันช่างเย้ายวนเกินกว่าจะต้านทาน
ปุณณภพเหลือบมองเธอเป็นระยะ เขาสังเกตเห็นความสับสนในแววตาของเธอ รอยยิ้มจึงเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม
“ คิดไปคิดมาผมอยากให้คุณใส่ชุดนี้มาทำงานเลยด้วยซ้ำ ผมว่ามันเซ็กซี่มากกว่าชุดทำงานที่คุณใส่มาทำงานทุกวันเป็นไหน ๆ” เขาเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่า มธุสรสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
“คงไม่เหมาะมั้งคะ” เธอตอบเสียงสั่น
“ผมเห็นด้วยครับ..ว่ามันไม่เหมาะ” เขาตอบกลับทันที มธุสรหันหน้ามามองใบหน้าคมด้วยแววตาแห่งคำถาม
“เพราะคุณจะใส่ชุดนี้ได้แค่ตอนอยู่กับผมสองต่อสองเท่านั้น”
“แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ...” มธุสรเอ่ยถามเสียงแผ่ว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยที่มันมาพร้อม ๆ กับความหวั่นไหว
“เพราะคุณสวยที่สุดเวลาอยู่กับผม และผมก็มีสิทธิ์ดูคุณใส่ชุดนี้ได้เพียงคนเดียว” ปุณณภพตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธออย่างไม่วางตา
มธุสรเม้มปากแน่น เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกสะกดด้วยสายตาของเขา เธอพยายามควบคุมสติไม่ให้หลุดลอยไปกับคำพูดหวานหูที่จอมเผด็จการของเขา
“คุณนี่มัน!!!...” เธอเอ่ยเสียงเบาอยากจะต่อว่าเขาแต่ก็ไม่กล้าเอาเสียดื้อ ๆ และก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อปุณณภพเอื้อมมือมาลูบไล้แก้มเนียนของเธออย่างแผ่วเบา
“ผมอะไร” เขาถามเสียงกระซิบ
“คุณมันเจ้าเล่ห์” กว่ามธุสรจะเคล้นเสียงตอบเขาได้ ร่างกายเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเสียแล้ว เมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมไม่ปฏิเสธว่าผมต้องการคุณ” ปุณณภพตอบกลับ
“คุณรู้มั้ย ว่าทุกวันนี้คุณทำให้ผมทรมานมากแค่ไหน” ปุณณภพเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่า
“ทรมาน?” มธุสรเอ่ยถามเสียงแผ่ว ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาไล้เลียริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ
“ทรมานที่ต้องอดทนไม่ทำแบบนี้กับคุณไง” เขาตอบกลับ ก่อนที่จะก้มลงจูบเธออย่างแผ่วเบา มธุสรหลับตาลง เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ
จูบของเขาช่างอ่อนโยนและหวานซึ้ง มธุสรเริ่มรู้สึกถึงความปรารถนาที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของเธอ พอได้สติกลับคืนเธอก็รู้ว่าตนเองไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา
“ฉันจะบอกให้คุณฟังอีกครั้งนะคะว่าฉันมีแฟนแล้ว ถ้าคุณไม่อยากเสียใจ ก็กรุณาเชื่อฉันเถอะค่ะ” มธุสรเอ่ยกระซิบ ขณะที่เขาผละริมฝีปากออก
“ผมไม่แคร์” ปุณณภพตอบกลับ
“และผมจะทำให้คุณเห็นว่า ผมมีดีกว่าผู้ชายคนนั้น”
เขาจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เขาจูบเธอหนักขึ้นและลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม มธุสรเริ่มรู้สึกอ่อนแรง เธอปล่อยให้ปุณณภพจูบเธอ ปล่อยให้เขาพาเธอจมดิ่งลงไปในวังวนแห่งความปรารถนา
“แล้วคุณไม่มีแฟนเหรอ” เธอถามเสียงแผ่วเบา
“ไม่มีครับ...ผมโสด” เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
“ขอจูบอีกครั้งได้มั้ย”
“พอแล้ว” มือเรียวบางของเธอรีบยกขึ้นมากั้นริมฝีปากหยักของเขาทันที ปุณณภพจึงต้องเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นเราไปไหนกันดีครับ” ปุณณภพถาม
“ก็คุณบอกว่าจะพาฉันไปทานมื้อค่ำ ก็ต้องร้านอาหารสิคะ” มธุสรตอบ
ปุณณภพยิ้ม ก่อนจะสั่งให้คนขับรถของตัวเอง ขับไปที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง
ระหว่างทาง มธุสรพยายามคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกกับปุณณภพแบบนั้น เธอกลายเป็นผู้หญิงหลายใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
