11 ยอมเป็นแมวเชื่อง
มธุสรรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องโกหกบิดาไปแบบนั้น แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในเมื่อเธอเองยังไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องของปุณณภพ เมื่อมาถึงคอนโดของปานรุ้ง มธุสรก็รีบโทรหาเพื่อนสนิททันที
“แหม่!..เดี๋ยวนี้ตั้งแต่มีลูกชายท่านประธานมาจีบ เพื่อนชั้นก็แต่งตัวสวยเป็นพิเศษทุกวันเลยนะ” ปานรุ้งเอ่ยแซวเพื่อนเมื่อเดินลงมารับมธุสรขึ้นไปที่ห้องของเธอ
“อย่าแซวสิ..รุ้ง!!! แค่นี้ชั้นก็เครียดจะแย่อยู่แล้วนะ!!!” มธุสรตอบเสียงหงุดหงิด
“เครียดเรื่องอะไรกัน คุณภพเค้าทั้งหล่อ ทั้งเฟอร์เฟคออกจะปานนั้น” ปานรุ้งถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“เฮ่อ!!..ไม่ไหร่เธอจะหยุดแซวชั้นสักทีเนี่ย!” มธุสรถอนหายใจพร้อมกับต่อว่าเพื่อน
“ไม่แซวแล้วก็ได้ แหม่!!!... แค่นี้ทำเป็นงอนไปได้” ปานรุ้งหันมาจ้องเพื่อน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“น้ำหวาน!!... ฉันว่าเธอควรจะบอกคุณภพเค้าให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที” ปานรุ้งเอ่ยขึ้นขณะมธุสรกำลังอยู่ในห้องแต่งตัว
“บอกอะไร” มธุสรตอบเสียงแผ่ว ขณะที่กำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก
“ก็เรื่องพี่มิกซ์ไง” ปานรุ้งตอบ
“เธอจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“ฉันบอกเขาไปแล้ว แต่เขาไม่เชื่อ” มธุสรตอบเสียงอ่อนแรง
“แล้วเธอจะทำยังไง” ปานรุ้งถาม
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” มธุสรตอบ
“อื้ม!!!..จะว่าไป คุณภพเค้าก็ดูจริงใจดีนะ” ปานรุ้งเอ่ย
“จริงใจกับผีน่ะสิ เค้าต้องการเอาชนะฉันต่างหากล่ะ” มธุสรตอบ ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อ ๆ ของซีอีโอหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์อย่างปุณณภพ
ปานรุ้งหันมาจ้องหน้าเพื่อนสาว มธุสรจึงพูดต่อ
“แล้วฉันก็ไม่ไว้ใจเขา เพราะเขาทำรุ่มร่ามใส่ฉัน ตั้งแต่วันแรกเลยที่เจอกันด้วยซ้ำ”
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป” ปานรุ้งถาม
“ฉันตั้งใจแล้ว ว่าคืนนี้จะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง” มธุสรตอบ ก่อนจะบอกความตั้งใจของเธอต่อ
“เธอแน่ใจเหรอ...” ปานรุ้งถามเหมือนไม่เชื่อ
“แน่ใจสิ” มธุสรตอบเสียงหนักแน่น ปานรุ้งพยักหน้า เธอรู้ว่ามธุสรเป็นคนดื้อรั้น เมื่อเธอตัดสินใจอะไรแล้ว ก็ไม่มีใครเปลี่ยนใจเธอได้
“นี่...น้ำหวาน เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าใช่มั้ย” ปานรุ้งถาม
“อื้ม!” มธุสรไม่ค่อยเต็มเสียง
“เค้าดูไม่น่าไว้ใจเลย”
“ไม่น่าไว้ใจงั้นเหรอ เธอคิดไปเองหรือเปล่า” ปานรุ้งถาม
“ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะ..รุ้ง!!!” มธุสรตอบเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเงียบไป
“เชอะ!!..ไอ้คนบ้าอำนาจ” มธุสรพึมพำ ปานรุ้งที่เดินมาข้างหลังแล้วแอบได้ยินจึงแกล้งแซวเพื่อน
“บ้า!” มธุสรตอบเสียงสูง
“ฉันเนี่ยนะ จะไปชอบคนเผด็จการแบบนั้น ไม่มีทาง!”
“ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ แล้วทำไมเธอต้องทำเสียงสูงด้วยล่ะ หรือว่าเธอ...มีความลับกับฉั้น?”
“ไม่มี๊!” มธุสรตอบเสียงแข็ง
“ฉันแค่...แค่หงุดหงิด”
“หงุดหงิดที่เขาไม่เชื่อว่าเธอมีแฟน หรือหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมเลิกตามจีบเธอสักที” ปานรุ้งถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ!” มธุสรตอบเสียงดัง
“แล้วก็...หงุดหงิดที่เขาชอบทำตัวเป็นเจ้าชีวิตฉันด้วย!”
“แล้วเธอไม่คิดบ้างเหรอ ว่าที่หงุดหงิดเนี่ย อาจเป็นเพราะเธอแอบชอบเค้าอยู่ก็ได้” มธุสรขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าสวยเริ่มแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง
“ฉันไม่ได้ชอบเขา!” มธุสรตอบเสียงแข็ง เธอพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านออกมา
“คนเผด็จการอย่างนั้นชั้นคงรักไม่ลงหรอก!”
“เผด็จการ!!!!” ปานรุ้งเลิกคิ้วถาม
“เค้าเผด็จการยังไงรึ”
มธุสรสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมคำพูด
“ก็เค้า...ไม่ยอมฟังอะไรเลย เขาคิดว่าตัวเองถูกเสมอ เขาชอบสั่งให้ฉันทำนู่นทำนี่ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่อยากทำ แค่นี้..เผด็จการพอมั้ย”
“แล้วทำไมเธอถึงยอมทำล่ะ” ปานรุ้งถาม มธุสรเงียบไป เธอไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอรู้ว่าเธอไม่ควรยอมให้ปุณณภพมาบงการเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ทุกครั้ง
“ก็เค้าจะไปบอกพ่อฉันนี่ ว่าฉันขับรถชนเขา แล้วมันจะทำให้ฉันไม่ได้ขับรถอีกไปไหนมาไหนคนเดียวอีกเลยนะ เธอจะให้ฉันทำยังไง...”
น้ำเสียงของมธุสรเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองปานรุ้ง แววตาของเธอสั่นระริก
“อ๋อ...ที่แท้ก็กลัวอดขับรถนี่เอง” ปานรุ้งพยักหน้า
“เข้าใจแล้วๆ”
“นี่เธอจะช่วยฉันหรือจะซ้ำเติมฉันกันแน่เนี่ย!” มธุสรโวย
“ช่วยสิ ช่วยเต็มที่เลย” ปานรุ้งตอบ
“แต่ฉันว่านะ...เธอควรจะลองคุยกับเขาดีๆ”
“คุยอะไร” มธุสรขมวดคิ้ว
“ก็คุยเรื่องที่เขามาตามจีบเธอน่ะสิ” ปานรุ้งตอบ
“บอกเขาไปตรงๆ ว่าเธอมีแฟนแล้ว แล้วก็...บอกเขาไปเลยว่าถ้าเขายังไม่เลิกยุ่ง เธอจะฟ้องพ่อ!”
“ฟ้องพ่อ?” มธุสรตาโต
“ใช่” ปานรุ้งตอบ
“พ่อเธอต้องจัดการเขาได้แน่ๆ”
“แต่...” มธุสรลังเล
“ไม่มีแต่” ปานรุ้งพูดแทรก
“ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอจะโดนเขาบงการไปตลอดชีวิตนะ!”
“เธอรู้ไหมว่าพ่อหวงฉันมากแค่ไหน” มธุสรเอ่ยเสียงสั่น
“ถ้าพ่อรู้ว่าฉันขับรถชนคน พ่อคงไม่ให้ฉันขับรถอีกเลยแน่ ๆ ”
“แล้วทำไมเธอไม่บอกพ่อไปตรงๆ ล่ะ” ปานรุ้งถาม
“ฉันกลัว” มธุสรตอบ
“ฉันกลัวว่าพ่อจะไม่เข้าใจ”
“แต่การที่เธอโกหกพ่อแบบนี้ มันก็ไม่ถูกต้องนะ” ปานรุ้งเอ่ย
“ฉันรู้” มธุสรตอบ
“แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
มธุสรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความรู้สึกผิดและความกังวลถาโถมเข้ามาในใจเธออย่างหนักหน่วง เธอรู้ว่าเธอไม่ควรโกหกพ่อ แต่เธอก็ไม่อยากสูญเสียอิสระในการขับรถ
“แล้วเธอจะยอมให้เขาบงการเธอแบบนี้ไปตลอดเลยเหรอ” ปานรุ้งถาม
“ฉันไม่รู้” มธุสรตอบเพื่อนเธอรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในความสับสนและความขัดแย้ง
“ฉันว่าเธอกำลังตกหลุมรักคุณภพเค้าอยู่นะ” ปานรุ้งเอ่ยแซว
“ไม่!!!!” มธุสรตอบเสียงดัง “ไม่มีวัน!!!”
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป จะปล่อยให้เค้าจีบอย่างเนี่ยเหรอ” ปานรุ้งถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังคิดอะไรไม่ออกตอนนี้ ยิ่งฉันต้องรับผิดชอบโปรเจคใหญ่ ฉันแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้เลย” มธุสรตอบ
“ถ้าฉันเป็นเธอที่ต้องปฏิเสธคุณภพไปแบบนั้น ฉันโคตรเสียดายเลยอะ ถ้ายังไง...ขอฉันจีบเค้าได้ป่ะ” ปานรุ้งเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มทะเล้น มธุสรชะงักไปเล็กน้อย เธอมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“เธออยากปวดหัวกับนายนั่นก็เชิญเลย” เธอตอบเสียงแข็ง
“ถึงจะปวดหัวก็ยอม ผู้ชายหล่อๆ แบบนี้หายากนะจะตายไป” ปานรุ้งยักไหล่
“แล้วเธอจะไปจีบคุณภพเค้าได้ยังไง ในเมื่อเค้ากำลังจีบฉันอยู่” มธุสรตอบกลับทันทีเธอรีบกันท่าเพื่อนสุด ๆ จนปานรุ้งที่แอบแซวเพื่อนอดขำไม่ได้
“เอ๊า!!!...ก็เธอไม่ได้ชอบเค้าไม่ใช่รึ...เอ๊!!หรอว่า!!!..” ปานรุ้งถามพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อน
“ฉัน!!! ฉัน...ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ นายนั่นกะล่อนออก แถมไม่น่าไว้ใจสุด ๆ เชื่อมั้ยเค้ารุ่มร่ามกับฉันวันแรกที่เจอกันเลยด้วยซ้ำ” มธุสรรีบบอกเพื่อนทันที
“เธอรู้สึกอะไรกับคุณภพเค้าแล้วใช่มั้ย..น้ำหวาน” มธุสรหน้าแดงก่ำ เธอไม่รู้จะตอบอะไร เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกหึงปุณณภพ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“เปล๊า!!!” มธุสรเสียงสูง
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับเขา เพราะเค้ากะล่อน ชอบฉวยโอกาสไง”
“โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ปานรุ้งยกมือขึ้นยอมแพ้
“ฉันไม่ยุ่งกับเขาแล้วก็ได้” มธุสรถอนหายใจ เธอรู้สึกโล่งใจที่เพื่อนของเธอยอมเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
“ขอบใจนะ” มธุสรเอ่ยเสียงเบา
“ไม่เป็นไร” ปานรุ้งตอบ
“ยังไงวันนี้...ฉันว่าเธอควรจะเคลียร์เรื่องนี้กับคุณภพเค้าให้ชัดเจนนะ”
“เอ่อน่ารู้แล้ว!!” มธุสรตอบ
ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง มธุสรคิดถึงปุณณภพ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนั้นกับเขา เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน ระหว่างที่คุยกันอยู่ โทรศัพท์ของมธุสรก็ดังขึ้น เป็นสายของปุณณภพที่บอกว่าเขามารอเธออยู่ที่ด้านล่างคอนโดเรียบร้อยแล้ว
