Ep.3
“พรุ่งนี้พี่เอารถกระบะออกไป ไม่มีที่นั่งว่าง เพราะสาครมันจะติดรถไปด้วย อีกอย่างข้าวของก็เต็มรถ ให้คนอื่นไปส่งเถอะ” ชายหนุ่มรีบตัดรำคาญเสียงห้วน
“แต่ว่าก้นนุชนิดเดียวเองนะคะ ให้นุชเบียดกับพี่ครข้างหน้าก็ได้ นะๆ” หล่อนยังคงออดอ้อนไม่เลิก
“ไม่ได้! แค่นี้นะ” ทินกรตวาดเสียงดังมากขึ้น มือเรียวรีบกดวางสายไป และรีบปิดมือถือทันที เพราะกลัวว่าอรนุชจะตื๊อไม่เลิก จึงไม่ทันได้ยินเสียงปลายสายร้องโวยวายลั่นบ้าน
ทินกรรู้ว่าอรนุชมีใจให้กับเขามานานแล้ว แต่เขาก็ให้เธอได้แค่คำว่า ‘น้องสาว’ แต่ที่ยังไม่ตัดรอนเสียทีเดียวก็เพราะเกรงใจลุงกำนันซึ่งเป็นพ่อของหญิงสาว อย่างน้อยความสัมพันธ์ของสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมานมนาน และลุงกำนันแกก็เป็นคนดีมีน้ำใจ อีกอย่างลุงแกก็มีลูกสาวเพียงคนเดียวที่รักและหวงมาก แต่ก็ไม่เคยว่าอะไรสักครั้งถ้าลูกสาวจะแวะเวียนมาที่บ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่ส้มแสงตะวันบ่อยๆ
ท่ามกลางผู้โดยสารมากมายที่เดินสวนกันไปมาด้านนอกประตูทางเข้าของห้องพักผู้โดยสาร ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นผู้หญิงรูปร่างผิวพรรณดีสวมแว่นตาดำอำพรางดวงตาสวยซึ้ง กำลังหันซ้ายแลขวาเพื่อสอดส่องสายตามองหาใครบางคนที่นัดเอาไว้ว่าจะมารับเธอในช่วงเวลาดังกล่าว
“แม่คะ ทำไมยังไม่เห็นป้าภามารับพลอยสักทีล่ะคะ” ใบหน้าเนียนใสที่โผล่พ้นแว่นอันเบ้อเริ่มออกมา ยืนคุยโทรศัพท์ถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอเริ่มหงุดหงิดเต็มทีแล้ว เมื่อต้องรอคนมารับตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของร่างอวบๆ ที่สวมเสื้อสีม่วงลายดอกพลับพลึง กางเกงขายาวสามส่วนสีดำ ผมยาวรวบมัดไว้กลางหลัง ตามที่คนนัดได้บอกเอาไว้
“บางทีรถอาจจะติดก็ได้นะลูก” นางพรพรรณพยายามบอกเหตุผลให้ลูกสาวใจเย็นๆ
ทีแรกก่อนมาคนเป็นแม่ตั้งใจจะเดินทางมาพร้อมกับบุตรสาวด้วย แต่พอคิดไปคิดมา บ้านก็ห่วงรถก็ห่วง เธอจึงบอกให้ลูกสาวกลับไปบ้านหลบหน้านักข่าวที่บ้านนอกคนเดียวเพียงลำพัง หากข่าวฉาวโฉ่ของพลอยไพลินซาลงเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ
“แต่นี่มันต่างจังหวัดไม่ใช่กรุงเทพฯ นะคะแม่ อะไรมันจะติดนานขนาดนั้น” พลอยไพลินเริ่มบ่น โชคดีที่อากาศทางเหนือไม่ร้อนมากเหมือนภาคกลาง ไม่อย่างนั้นเธอต้องหงุดหงิดมากกว่านี้แน่
“รออีกหน่อยแล้วกันนะพลอย อีกประเดี๋ยวป้าภาก็คงจะมารับลูกเอง” นางพรพรรณกล่าวเพื่อกล่อมให้ลูกสาวใจเย็นลงอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายไป
หลังจากวางสายจากมารดาร่างระหงก็เดินตรงไปยังที่นั่งว่างที่ติดอยู่กับผู้โดยสารท่านอื่นที่เหมือนจะมานั่งรอญาติมารับเช่นกันกับเธอ สายตาคู่สวยก็คอยกวาดมองไปโดยรอบตามทางเดินที่คิดว่าป้านิภาของเธอน่าจะเดินมารับ
นางเอกสาวในตอนนี้คงไม่มีใครจำเธอได้ เพราะสวมแว่นตาสีดำอันใหญ่อำพรางใบหน้าอยู่ตลอดเวลา มองใกล้ๆ อาจจะดูคุ้นๆ แต่คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะเป็นนางเอกสาวชื่อดังที่ชื่อว่า ‘พลอยไพลิน’ เป็นแน่
หญิงสาวนั่งหน้ามุ่ย สายตายังมองไปทางโน้นทีทางนี้ทีไม่หยุดหย่อน พร้อมกับปล่อยเสียงพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาเป็นระยะๆ ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายหงุดหงิดรำคาญใจที่ต้องมารอคอยคนอื่นนานมากขนาดนี้ เพราะปกติก็มีแต่คนอื่นเท่านั้นแหละที่เป็นฝ่ายรอเธอ
เวลาผ่านไปอีกสิบห้านาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมารอรับ พลอยไพลินจึงเดินไปซื้อของกินรองท้อง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถขายขนมจีบซาลาเปากำลังจะจอดอยู่ตรงข้างหน้าบนทางเดินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยจากจุดที่พักผู้โดยสารด้านนอก
ขณะที่นางเอกสาวเดินไปถึงรถขายซาลาเปา ก็มีลูกค้ายืนรอซื้อสองสามคน แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายตัวโตๆ แต่งตัวด้วยชุดยีนสีซีดทั้งชุด สวมรองเท้าหนังเก่าๆ สีน้ำตาลเข้ม สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาเรียกชื่อพ่อค้าซื้อซาลาเปาตัดหน้าไปโดยที่ไม่คิดจะต่อคิว
‘แบบนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก และให้ได้อายกันไปข้าง’ นางเอกสาวที่กำลังยืนต่อคิวซื้อขนมคิดอย่างคาดโทษ ชำเลืองมองไปทางผู้ชายที่เสียมารยาทข้างๆ ด้วยสายตามันวับอย่างเอาเรื่อง
“นี่คุณ เป็นพวกไร้วัฒนธรรมหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่ต่อคิวเหมือนคนอื่นเขา เส้นใหญ่นักหรือไง ถึงได้ไม่รู้จักเกรงใจคนที่เขายืนรอซื้อก่อนตัวเอง รู้จักมั้ยคำว่าระเบียบวินัย” ร่างบางหันไปตะคอกใส่ผู้ชายตัวโตๆ ข้างๆ โดยไม่เกรงใจ
เฮอะ...จะให้หล่อนเกรงใจคนนิสัยไม่ดีแบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก หางตาหล่อนก็ไม่อยากจะแลเสียด้วยซ้ำ หน้าตาก็ดูดีใช้ได้อยู่หรอกแต่นิสัยแย่ไร้ระเบียบวินัยแบบนี้ น่าจะโดนสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง
ไอ้เรื่องแซงคิวนี่พลอยไพลินรับไม่ได้จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเธอเคยชินกับการมีระเบียบวินัยในตัวเอง และตรงต่อเวลาเสมอ แต่วันนี้นอกจากป้านิภาจะมาไม่ตรงเวลาให้เธอต้องนั่งแกร่วรอตั้งนานสองนานแล้ว หล่อนยังมาโดนผู้ชายนิสัยแย่ ไร้ระเบียบวินัยมาแซงคิวตัดหน้าเธออีก หญิงสาวจึงรู้สึกโมโหสุดๆ และระเบิดอารมณ์ใส่เขาเป็นชุดๆ
ชายหนุ่มนิรนามที่เธอเองก็ยังไม่เคยรู้จักมองหน้าหล่อนตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะโดนว่าแรงขนาดนี้
“เอ่อ ผมขอโทษครับคุณผู้หญิง ลุงมิ่งครับจัดขนมให้คุณผู้หญิงคนนี้ก่อนก็ได้ครับ สงสัยเธอจะมาก่อน ผมไม่ทันมองจริงๆ”
ทินกรรีบขอโทษสาวสวยแถมหุ่นดีที่ด่าเขาฉอดๆ ด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ชายหนุ่มไม่เห็นจริงๆ ว่าเธอมายืนรอซื้อขนมก่อนเขา เพราะมัวแต่เหม่อมองไปทางประตูทางเข้าห้องพักผู้โดยสาร จึงไม่ทันได้เหลียวมามองคนข้างๆ ว่าหล่อนมายืนรอก่อนเขานานแล้ว
“เฮอะ ไม่ทันมอง ตั้งใจล่ะสิไม่ว่า” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะชายหนุ่มอีกครั้งอย่างหมั่นไส้ ที่เขาช่างตีหน้าตายได้เนียนจริงๆ
“เอ่อ จะรับอะไรดีครับ” พ่อค้าชิงถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนที่หล่อนจะตวาดแว้ดๆ ใส่คนตัวใหญ่ข้างๆ อีกรอบ
ใจจริงพลอยไพลินก็อยากจะต่อว่าพ่อค้าคนนี้ต่อเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงไม่หันมองดูเสียบ้างว่าลูกค้าคนไหนมาก่อนมาหลัง แต่ก็รีบยั้งปากไว้ทันเพราะเกรงใจคนอื่นที่ทยอยมายืนรอซื้อขนมเหมือนกัน จึงรีบตอบห้วนๆ กลับไป
“ซาลาเปาไส้หวานสองเค็มสอง แล้วก็ขนมจีบสองถุง” ไม่รู้หรอกว่าพ่อค้าเขาขายเท่าไหร่ยังไง แต่ก็เดาเอาว่ามันคงไม่ถึงร้อยหรอก ก่อนที่มือเรียวจะหยิบแบงค์สีแดงยื่นให้พ่อค้า
“ไม่ต้องทอน” ร่างเพรียวระหงรีบพูดเสียงห้วน และยัดเงินใส่มือพ่อค้าเพราะขี้เกียจยืนรอนานๆ ยิ่งต้องมายืนอยู่ข้างผู้ชายที่ไม่ค่อยมีมารยาทคนนี้แล้วด้วย เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นเท่าทวีคูณ
“หึ อวดรวยซะด้วย”
เสียงทุ้มลอยมาเข้าหูดาราสาวพอดี ขณะที่หล่อนกำลังจะก้าวขาออกไปก็ต้องหยุดชะงัก เธอไม่ใช่คนหูหนวกและไม่ใช่คนโง่นะ ที่จะไม่ได้ยินว่า ‘เขา’ พูดแดกดันเธออยู่
“นายว่าอะไรนะ!” ร่างบางหันขวับกลับมามองหน้าเขาทันควัน มองร่างสูงใหญ่ตาขวางอย่างเอาเรื่อง นอกจากจะไร้ระเบียบวินัยแล้ว เขายังจะมีนิสัยชอบนินทาคนอื่นลับหลังอีกต่างหาก ผู้ชายนิสัยแย่ๆ แบบนี้เธอรับไม่ได้จริงๆ
‘หูดีจริงจริ้ง แม่คุ้ณ’ ทินกรแอบบริภาษหญิงสาวในใจขำๆ แต่ก็หันหน้าไปมองหน้าเธอนิ่ง เมื่อใบหน้าสวยใสใต้แว่นสีดำนั้นมองมา
“ผมเปล่าว่าอะไรคุณนี่ครับ ใครจะกล้าว่าคนสวยๆ อย่างคุณ” ใช่หล่อนสวยจริงๆ นั่นแหละ โดดเด่นอีกต่างหาก และเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาที่เขามองเธอก็เปลี่ยนไปเป็นพิจารณามองหญิงสาวอย่างถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดเท้า
