Ep.2
นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทะเลาะกับเขา มันนับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำที่เขากับเธอด่าทอกันด้วยวาจารุนแรงแบบนั้น แต่เหตุการณ์วันนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอกับเขามีปากเสียงกัน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่ได้พบกับเขาอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
และในวันนี้เป็นวันที่พลอยไพลินกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างที่เขาเคยเป็น กำลังแย่ยิ่งกว่าที่เขาเคยแย่ กำลังจะจนอย่างที่เขาเคยจน แทบจะไม่กล้าเอาหน้าไปสู้ใครด้วยซ้ำ ถ้าหากเขาเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เขาอาจจะหัวเราะเยาะเธอก็เป็นได้
แต่ว่ามันก็ผ่านมานานสิบกว่าปีแล้ว สิบสองปีได้แล้วมั้ง เพราะครอบครัวของเธอย้ายออกจากบ้านตั้งแต่เธอยังเด็ก เด็กผู้ชายสายตาเย็นชาแข็งกร้าวคนนั้นก็อาจจะแต่งงานมีเมียมีลูกไปแล้วก็ได้และอาจจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปแล้ว
หากต้องบังเอิญเจอกันอีกครั้งเธอเองก็อาจจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่แววตาแข็งกระด้างเต็มไปด้วยไฟโทสะและโกรธแค้นคู่นั้น เธอยังจำมันได้ดี แต่รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเธอเองก็ไม่อาจรู้ได้
ที่ไร่ส้มแสงตะวัน
“พ่อเลี้ยงทินคะ พรุ่งนี้ป้าขอหยุดงานหนึ่งวันนะคะ บังเอิญว่าพรุ่งนี้น้องสาวกับหลานสาวของป้าจะมาหาค่ะ” นางนิภาซึ่งเป็นลูกจ้างในไร่แสงตะวันมานานเอ่ยขออนุญาตลางานกับเจ้านายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของนางด้วยความเกรงใจ
“น้องสาวกับหลานสาวของป้าจะมาหางั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ไม่มั่นใจว่าที่เขาได้ยินป้าภาพูดถึงน้องสาวกับหลานสาวของนางมันเรื่องจริงหรือเปล่า
‘แม่ดารานางเอกชื่อดังกับแม่ของหล่อนนะเหรอจะกล้ากลับมาบ้านนอก ไม่อยากจะเชื่อ’ แต่คนที่กำลังคิดสงสัยก็ชักอยากจะเห็นหน้านางเอกสาวฉาวโฉ่ชื่อดังตัวเป็นๆ นั่นแล้วสิ ไม่รู้ว่าตัวจริงกับในโทรทัศน์จะสวยเหมือนกันหรือเปล่า และหล่อนจะยังจำเขาได้อยู่ไหม ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายปีนี่ แต่สำหรับเขา...ยังจำเธอได้ไม่เคยลืม
“ใช่จ้ะ ป้าว่าจะไปรอรับสองคนนั่นที่สถานีขนส่ง ถ้าจะปล่อยให้มาที่นี่เอง กลัวว่าจะจำทางเข้าหมู่บ้านไม่ได้ เพราะสองคนนั้นออกจากบ้านไปก็หลายปีแล้ว”
“แล้วทำไมหลานสาวของป้าไม่ขับรถมาเองล่ะครับ”
“คือว่าทางขึ้นเขามันอันตราย แม่ของเขาเลยห้ามไม่ให้ลูกสาวของเขาขับมาเอง จึงพากันนั่งรถทัวร์ปรับอากาศมาแทนเพื่อความปลอดภัย” นางนิภาตอบตามที่น้องสาวของเธอโทรบอกเมื่อวานนี้
“อ้อ” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเขาก็เห็นด้วยตามที่ผู้อาวุโสบอก เพราะตอนนี้ก็อยู่ในช่วงหน้าฝนพอดี ถึงจะเป็นช่วงปลายฤดูแต่ฝนก็ยังตกอยู่บ่อยๆ ยิ่งทำให้การสัญจรไปมาบนเนินเขาที่ลาดชันยากลำบากหลายเท่า หากคนขับรถไม่ระมัดระวังและมีความประมาทก็พลาดขับรถตกเนินเขาหรือตกเหวลึกได้
“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมไปรับให้ดีมั้ยครับ ผมมีรถ เดี๋ยวผมไปรับน้องสาวกับหลานสาวของป้าให้เอง และพรุ่งนี้ผมให้ป้าหยุดงานได้หนึ่งวัน ตกลงนะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มขันอาสา เพราะอยากจะเห็นหน้านางเอกสาวตกกระป๋องไวๆ อยากจะรู้ว่าถ้าหล่อนเจอหน้าเขาครั้งแรก ยัยหลักกิโลเมตรนั่นจะยังจำเขาได้หรือเปล่า และยังจะพูดจาดูถูกกันอีกมั้ย
“จะดีเหรอคะ ป้าเกรงใจคุณทินจัง” ผู้สูงวัยกว่ามองหน้าคมคร้ามนั่นด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่ชายหนุ่มใจดีกับครอบครัวของนางมาโดยตลอด แต่ก็ยังอดเกรงใจไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ธุระหน้าที่ของเขาที่จะต้องไปรับสองแม่ลูกนั่นแทนนาง
“ป้าจะมาเกรงอกเกรงใจผมทำไมครับ ผมนับถือป้าเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ป้าเป็นเหมือนแม่คนที่สองของผมเลยก็ว่าได้ ไอ้ครลูกชายป้าก็เป็นเพื่อนรักของผม วางใจได้ครับ พรุ่งนี้ผมไปรับป้าพรรณกับน้องพลอยเอง”
เมื่อทินกรพูดแบบนี้นางนิภาก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มได้ ได้แต่ยิ้มรับขอบคุณ และพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่าตกลง
แต่พอคล้อยหลังร่างค่อนข้างท้วมที่เดินลับหายเข้าไปในไร่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น สายตาที่แสนจะอ่อนโยนเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนไป
‘พลอยไพลิน นางเอกชื่อดังตกกระป๋อง พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอเอง’ ร่างสูงพูดกับตัวเองในใจด้วยแววตาแข็งกร้าวดุจสายตาของพญาอินทรีย์ในวันนั้น วันที่ผ่านมาแล้วกว่าสิบสองปี
แต่ชายหนุ่มไม่มีวันลืมความรู้สึกโกรธแค้นในวันนั้นได้ และยังคิดอยากจะเอาคืนแม่ดาราคนสวยตัวแสบคนนั้นบ้าง แต่เขาก็คงไม่แค้นถึงขนาดจะต้องบังคับขืนใจให้หล่อนมาเป็นเมียทาสเหมือนในละครหรอก ก็แค่อยากจะสั่งสอนยัยหลักกิโลเมตรนิสัยเสียนั่นให้รู้จักสำนึกเสียบ้างก็เท่านั้นเอง
บ้านอิงตะวัน
“ฮึ...เปลี่ยนชื่อแล้ว นึกว่าฉันจะจำเธอไม่ได้งั้นเหรอ” ร่างสูงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง ที่ยังคงลงภาพกอดรัดฟัดเหวี่ยงของนางเอกสาวสวยกับไฮโซหนุ่มรูปหล่อ ดูแล้วช่างน่าสมเพชนัก
“เธอนี่มันนอกจากจะปากเน่าแล้ว เนื้อตัวของเธอก็คงจะเน่าเฟะจนไม่เหลืออะไรดีแล้วสินะ”
ทินกรพึมพำคนเดียวขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าแบบคร่าวๆ ชายหนุ่มไม่เชื่อหรอกว่าข่าวนั้นมันจะไม่มีมูล ภาพชัดเจนขนาดนั้น และเจ้าหล่อนก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์กับหนุ่มไฮโซคนนั้นว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เพียงแค่บอกปัดว่าภาพนั้นไม่ใช่ภาพของเธอกับแฟนหนุ่ม แล้วใครเขาจะโง่เชื่อตามนั้นล่ะ
“ก็แค่ของเล่นไฮโซ” ร่างหนาพึมพำออกมาอีกครั้งก่อนจะเก็บพับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้ที่เดิมและเดินเข้าไปในห้องนอน
แต่ยังไม่ทันที่จะเอนตัวลงนอนบนเตียง เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าจากมือถือเครื่องเล็กก็ดังขึ้น แค่รู้ว่าใครโทรมา ใบหน้าคมเข้มนั้นก็ทำสีหน้าเบื่อหน่าย แล้วกดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่มีหรือที่คนโทรมาจะหยุดโทรหาเขาง่ายๆ
ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!
มือเรียวยาวที่หยาบกร้านกดวางหลายครั้ง แต่ก็ต้องกดรับด้วยความหงุดหงิดใจก่อนที่จะกรอกเสียงไปตามสายด้วยความรำคาญ
“มีอะไรนุช นี่มันดึกแล้วนะครับ พี่จะนอน” ชายหนุ่มพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติให้มากที่สุด แต่คนฟังกังรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจที่เธอโทรไปรบกวน
อรนุชนั่นเองที่โทรมา ไม่รู้ว่าหล่อนมีความจำเป็น หรือมีเรื่องอะไรสำคัญนักหนา ถึงได้โทรมาหาเขาในช่วงเวลาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ หรือคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวกำนันหรือไง ถึงได้ไม่มีความเกรงอกเกรงใจชาวบ้านเขาเลย
“ก็นุชคิดถึงพี่ทิน”
“กรุณาคิดถึงพี่ในเวลาที่เหมาะสมหน่อยได้มั้ยคร้าบ วันนี้พี่เหนื่อยมาก อยากจะนอน” ชายหนุ่มจงใจลากเสียงยาว เพื่อให้อรนุชเข้าใจแจ่มแจ้งว่าหล่อนโทรมารบกวนเวลานอนของเขา
“นุชขอโทษค่ะ แต่ว่าพรุ่งนี้นุชมีธุระจะออกไปในเมืองแต่เช้า ได้ข่าวว่าพี่ทินจะออกไปในเมืองเหมือนกัน เลยจะขอติดรถไปด้วยคนค่ะ” ปลายสายตอบเสียงอ่อยๆ
ที่จริงอรนุชรู้จากคนงานในไร่แสงตะวันแล้วว่า ทินกรจะออกไปรับพลอยไพลิน หรือยัยเพลินใจจอมหยิ่งนั่น และที่รู้ว่ายัยนางเอก พลอยไพลิน คือคนๆ เดียวกับยัย เพลินใจ ศัตรูคู่อาฆาตของเธอเมื่อครั้งยังเด็ก ก็เพราะเธอไปถามไถ่ข่าวคราวจากสาครอีกทีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง
สมัยก่อนพลอยไพลินเหนือกว่าเธอทุกอย่างทั้งรูปร่าง ฐานะ และผลการเรียน ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็จะทะเลาะกันตลอด ถึงขนาดยกพวกตีกัน จนหัวร้างข้างแตกกันไปข้าง ครั้งหนึ่งที่อรนุชจำได้แม่นที่สุด ยัยเพลินใจตัวแสบเอาลูกหินปาหน้าผากเธอจนกลายมาเป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้
