บท
ตั้งค่า

Ep.1

“แม่ขาพลอยไม่เหลืออะไรแล้ว พลอย...ไม่เหลืออนาคตการเป็นนางเอกอีกต่อไปแล้ว” ร่างบอบบางสะอึกสะอื้นเบาๆ ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดาอยู่นานหลายนาที

พรพรรณได้แต่เอามือลูบศีรษะทุยสวยของบุตรสาวไปมาอย่างปลอบโยน นางรู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ ที่ถูกเพื่อนดาราด้วยกันกลั่นแกล้งทำลายชื่อเสียงของพลอยไพลินจนป่นปี้ไม่มีเหลือ

สาเหตุเพราะมีภาพหลุดของนางเอกสาวดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างพลอยไพลินกับหนุ่มไฮโซชื่อดังกำลังเริงรักกัน ทั้งที่ความจริงมันเป็นเพียงภาพตัดต่อ สองแม่ลูกต่างก็รู้ดี แต่จะมีใครบ้างที่เข้าใจ ที่คิดว่าข่าวนั้นมันไม่เป็นความจริง

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นสื่อการบันเทิงต่างๆ เทคะแนนและโหวตให้เธอเป็นนางเอกสาวที่สวยเซ็กซี่มากที่สุดและเป็นนางเอกขวัญใจวัยรุ่นในเกือบทุกปีที่ผ่านมา แต่ทว่าตอนนี้ชื่อเสียงของนางเอกสาวคนดังดั่งกับเศษของบ้องไฟที่หักมุมดิ่งลงเหว

หลายเดือนแล้วที่พลอยไพลินอดทนรอ หวังว่าข่าวไม่ดีต่างๆ จะจางหายไป และคงจะมีงานเข้ามาบ้าง แต่นับวัน ข่าวเสียๆ หายๆ ของเธอก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และถูกวิพากษ์วิจารณ์หนาหูจนบางครั้งหญิงสาวสาวแทบจะไม่กล้าออกไปสู้หน้าใคร งานถ่ายละคร งานถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร หรือแม้แต่งานพรีเซ็นเตอร์สินค้าต่างๆ แทบไม่มีติดต่อเข้ามาเลย และที่ติดต่อมาก่อนหน้านั้นต่างก็พากันยกเลิกทั้งหมด ทำให้สองแม่ลูกอยู่กันอย่างลำบากด้วยความขัดสน

รถที่เพิ่งถอยออกมา พร้อมกับบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งทำสัญญาซื้อและเพิ่งผ่อนได้ไม่นานก็คงจะถูกยึดไปเร็วๆ นี้ เพราะไม่มีเงินจะไปผ่อน เงินเก็บที่มีอยู่ก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกวัน จะหันหน้าไปพึ่งใครยามนี้ก็แสนลำบาก

“แต่พลอยยังมีแม่อยู่นะลูก เรากลับบ้านนอกกันก่อนดีมั้ยลูก ฝืนอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความสุข กลับบ้านเราเถอะนะ คุณยายกับป้าภาของเรายังรอเราสองคนอยู่ที่นั่น เชื่อแม่นะลูก” นางพรพรรณปลอบลูกสาวเสียงเครือ

“แต่ว่าบ้านกับรถของเรากำลังจะถูกยึดนะคะแม่” สายตาที่ทอดมองมาของหญิงสาวมีแววเสียดายอย่างสุดซึ้ง เธออุตส่าห์เก็บเงินตั้งนานกว่าจะเก็บหอมรอมริบเอามาดาวน์บ้านกับรถได้ และยังเพิ่งผ่อนได้ไม่ถึงปี กลับมีอันจะต้องถูกเขายึดไป เธอก็ยากที่จะทำใจ

“แต่เรายังมีเวลาเหลืออีกตั้งเดือนกว่านะลูก ที่จะหาเงินมาผ่อนเขา บางทีถ้าเรากลับไปบ้าน ยายกับป้าภาของลูกอาจจะช่วยได้นะ” แววตาของนางพรพรรณส่องประกายอย่างมีความหวังขึ้นมาเมื่อนึกถึงแม่และพี่สาวที่แสนใจดีของตนที่บ้านนอก

ร่างบอบบางถอนหายใจยาวออกมา แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดของมารดาเธอนัก เพราะยังอายที่จะกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก เพราะแม้แต่จะโผล่หน้าออกไปทานข้าวนอกบ้านก็ยังไม่กล้า ไปไหนมาไหนก็ต้องสวมแว่นตาสีดำอันใหญ่อำพรางใบหน้าไว้ตลอดเวลา

“จะดีเหรอคะแม่” เสียงหวานใสที่เบาลงถามมารดาอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจนัก

ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนและยังคงมีสง่าราศีพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มอบอุ่นมองเรียวหน้ารูปไข่ด้วยความรักและห่วงใยความรู้สึกของลูกสาวอย่างเหลือล้น เพราะรู้ว่าพลอยไพลินต้องต่อสู้กับความรู้สึกต่างๆ ในทางลบตอนนี้มากแค่ไหน

พลอยไพลินมองหน้าบุพการีอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสวมกอดและอิงใบหน้าอ่อนเยาว์ลงซบกับอกนุ่มของร่างท่วมเล็กน้อยที่อบอุ่นเสมอนั่นอีกครั้ง เธอตัดสินใจแล้วที่จะทำตามที่แม่ของเธอแนะนำ บางทีการกลับไปบ้านเกิดคราวนี้มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่เธอคิดไว้ก็ได้

เมื่อคิดว่าจะต้องกลับบ้านต่างจังหวัด ภาพของเด็กชายตัวมอมแมมคนหนึ่ง ก็ปรากฏแวบขึ้นมาในมโนภาพอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันนานกี่ปีมาแล้วที่ภาพนั้นยังคงแจ่มชัดในสมองน้อยๆ ของเธอ ตั้งแต่ที่หล่อนยังเป็นเด็กหญิงพลอยไพลินที่แสนเอาแต่ใจ และหยิ่งผยองจองหองเป็นที่สุด เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่นัก ก็เพราะตอนนั้นเธอยังเด็กนี่นา แต่หญิงสาวก็ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีทีเดียว

วันนั้นที่บ้านหลังหนึ่งกำลังเพิ่งก่อสร้างได้ไม่กี่วันยังไม่เสร็จ ขณะที่ช่างก่อสร้างแต่ละคนกำลังตั้งใจทำงานในหน้าที่ของตนเอง เด็กวัยรุ่นชายตัวผอมๆ แต่งตัวก็แสนจะมอมแมมคนหนึ่งกำลังก่ออิฐบล็อกตรงฝาบ้าน ท่าทางของเขายังไม่คล่องนัก ซึ่งมันช่างขัดหูขัดตาเด็กสาวคนหนึ่งมากเหลือเกิน เพราะทั้งคู่ไม่ถูกชะตากันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“นี่ นายเสาโทรเลข ก่ออิฐให้มันเนียนๆ หน่อยสิ เห็นมั้ย...ช่องไฟตรงนี้ที่นายก่อไม่น่าดูสักนิด ยังมีรูโหว่อยู่เลย ฝีมือแบบนี้พ่อนายปล่อยให้มาทำงานแทนได้ยังไงเนี่ย ชุ่ยที่สุด!” เด็กหญิงเชิดหน้าพ่นวาจาดูถูกฝีมือคนตรงหน้าอย่างหมิ่นๆ สีหน้าท่าทางของเด็กหญิงตัวเล็กดูจะพอใจยิ่งนักที่ยั่วโมโหคู่อริของตนได้สำเร็จ

แววตาไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าคมคร้ามสีแทนนั้น เขามองเด็กหญิงที่อายุอ่อนกว่าเขาหลายปีอย่างข่มโทสะสุดๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเธอก็ตามราวีเขาได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่โรงเรียน ที่วัด ตลาดนัด หรือที่ไหนก็ตามที่บังเอิญต้องเจอกัน ยัยตัวแสบนี่ต้องหาเรื่องเขาก่อนทุกครั้ง นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่าหรอกนะ เขาถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายด้วยกันคงไม่ปล่อยให้มายืนด่าทอต่อว่าเขาปาวๆ แบบนี้หรอก ร่างผอมสูงกัดฟันกรอดก่อนจะตอบโต้กลับไปด้วยวาจาแสบๆ คันๆ ไม่แพ้กัน

“ยัยหลักกิโลเมตร คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นตรงไหนฮะ ถึงได้มาพูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ หัดลองส่งกระจกมองดูตัวเองเสียบ้างสิ เตี้ยก็เตี้ย ฟันก็เหยิน ขาอย่างกับตะเกียบ เก้งก้างอย่างกับตั๊กแตนตำข้าว ปากก็เน่าอย่างกับปลาร้า นิสัยก็แย่ทั้งที่มีพ่อแม่สั่งสอน มิน่าถึงไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อน”

เด็กหญิงตัวเล็กเต้นเร่าๆ เจ็บใจที่สุดก็ตรงประโยคท้ายๆ นี่แหละ แม้ว่ามันจะจริงอย่างที่เขาว่าที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่ค่อยมีใครคบกับเธอ แต่ว่ามันหนักหัวใครไม่ทราบ เขาบังอาจนักที่มาตอกย้ำปมด้อยของเธอแบบนี้ นิ้วเรียวจึงชี้ไปที่หน้าคมคร้ามออกมอมแมมนั้นอย่างโกรธแค้นสุดขีด

“นาย! นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันแบบนี้ ทั้งที่นายมันก็แค่ลูกกรรมกรจนๆ นายมันก็แค่ไอ้ลูกกำพร้าไม่มีแม่ นายมันก็แค่เด็กวัดที่ต่ำต้อยที่ขอข้าววัดมากินไปวันๆ” เด็กสาวพูดเสียงดังโดยไม่คิดสนใจคนรอบข้างว่าจะมองเธอด้วยสายตาตำหนิเช่นไร หวังเพียงแค่จะเถียงให้ชนะเขาเท่านั้น แต่คำพูดของเธอกลับทำให้ใบหน้าที่บัดนี้เครียดขรึม ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างน่ากลัว เขาแทบจะกระโจนไปบีบคอเล็กของเธอให้ขาดใจตายคามือ เด็กอะไรปากร้ายไม่มีอะไรเปรียบ

สายตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่มองเด็กสาวที่มีฐานะดีกว่าเขาในยามนี้ ทำให้เด็กหญิงที่กำลังตั้งท่าจะอ้าปากต่อว่าอีกระลอกต้องหยุดชะงักลงกลางคัน แววตาที่เจ็บปวดเต็มไปด้วยเพลิงนรกขนาดย่อมที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคมวาวคู่นั้น มองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแทบจะแผดเผาร่างเล็กของเธอให้มอดไหม้เป็นจุณ มันดูน่ากลัวจนร่างผอมบางต้องถ่อยร่นไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันหลังรีบเดินหนีไปไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel