3.เกิดเรื่อง
ตั้งแต่วันนั้นมินตราถูกนำตัวมาล้างหนี้ หญิงสาวก็ตั้งใจทำงานอย่างมาก และพยายามหลีกเลี่ยงนีน่าอย่างที่มาเรียมตักเตือน เนื่องจากเธอไม่อยากมีปัญหากับใครทั้งนั้น อยากจะชดใช้หนี้ให้หมดเร็ว
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” เสียงหวานกล่าวพร้อมนำอาหารวางลงบนโต๊ะ
“สนใจมานั่งดื่มกับพี่ไหมน้อง เดี๋ยวพี่ให้ทิป” ชายคนดังกล่าวพูด ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปคว้าแขนเรียว
“ว้าย!! ปล่อยนะคะ” พยายามขัดขืนและสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุม
“อย่าเสียงดังสิสาวน้อย”
“ปล่อยมินเถอะนะคะ มินจะไปทำงานต่อ”
“ชื่อมินเหรอ ชื่อน่ารักจังเลย” ชายคนเดิมยังคงพูดต่อ และไม่มีท่าทีจะปล่อยข้อมือเล็ก
“พวกมึงหูหนวกหรือไง น้องเขาบอกให้ปล่อย” จู่ ๆ เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“พี่ตุลย์” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
ฐิติพัศไม่ได้สนใจคนตัวเล็กที่กำลังเรียกตนเอง ทว่าชายหนุ่มกลับถีบชายคนดังกล่าวเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง จนมันล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนหญิงสาวที่ถูกมันจับข้อมือกำลังจะล้มลงตาม โชคดีที่ชายหนุ่มรับร่างบางไว้ทัน
“เป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ” ส่ายศีรษะเล็กน้อย
“เฮ้ย...มึง!!” ชายคนดังกล่าวลุกขึ้นมา เตรียมจะซัดหมัดใส่ฐิติพัศ
ชายหนุ่มไหวตัวทันรีบดันร่างบางไปอีกมุมหนึ่ง ส่วนตนเองก็รับหมัดจากชายคนเดิมพร้อมถีบไปยังหน้าท้องมันอีกครั้ง กระทั่งบรรดาเพื่อน ๆ ของมันที่อยู่บริเวณนั้นต่างกรูเข้ามาหาฐิติพัศ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้สร้างความแตกตื่นแก่ลูกค้า บางรายก็หนีออกจากร้าน บางรายก็หลบไปวิ่งอีกมุมหนึ่ง ส่วนมินตรายืนดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ อยากจะเข้าช่วยเหลือชายหนุ่มเหลือเกินแต่ไม่มีความสามารถพอ
ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้นหยุดการต่อสู้ของคนทั้งหมด หันไปมองตามต้นเสียงไม่เว้นแม้แต่มินตรา สิ่งที่เห็นคือชายหนุ่มในชุดสูทท่าทางเกรี้ยวกราดพร้อมปืนในมือ และมีลูกน้องสองสามคนเดินตามหลังไม่ห่าง
“พวกมึงหยุดเดี๋ยวนี้!!” ราฟาเอลจ่อปืนไปยังคนกลุ่มนั้น หลังจากเดินมาหยุดยังจุดเกิดเหตุ
“มึงเป็นใคร” ชายที่ต่อยกับฐิติพัศเอ่ยถาม
“หุบปากเน่า ๆ ของมึงซะ ถ้าไม่อยากตาย” อองรีพูดขึ้น เพื่อต้องการเตือนสติคนตรงหน้า
“แล้วมึงเป็นใคร!! ถึงได้เอาปืนมาจ่อหน้ากู” ชายคนเดิมยังคงไม่เลิกละ
มาเฟียหนุ่มคร้านจะฟังเสียงน่ารำคาญ นำกระบอกทุบไปยังศีรษะชายคนนั้นจนเลือดไหลเยิ้ม
“ว้าย!!” มินตราอุทานออกมาอย่างแผ่วเบากับภาพตรงหน้า รีบปิดปากทันที กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปจนราฟาเอลได้ยิน
“จับมันไปโยนทิ้งข้างนอกซะ ถ้าพวกมันฟังไม่รู้เรื่องฆ่าทิ้งเลย”
“ครับบอส” อองรีรับคำสั่งเจ้านาย
มินตรากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดกับสิ่งที่ได้ยิน หญิงสาวทราบได้ทันที ชายผู้น่ากลัวคนนั้นคือ มาเฟียเจ้าของกาสิโนที่นี่และยังเป็นเจ้าหนี้ของลุงเธอ เสียงเข้มของราฟาเอลดังขึ้นปลุกร่างเล็กตื่นจากภวังค์
“ใครที่ก่อเรื่องตามฉันไปพบที่ห้อง” มาเฟียหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นหันหลังกลับทันที ระหว่างนั้นสายตาเหลือบมองคนตัวเล็กที่วิ่งไปหาฐิติพัศ ก่อนจะเดินกลับห้องไปอย่างไม่สนใจ
“พี่ตุลย์เป็นอย่างไรบ้างคะ” มือบางค่อย ๆ ประคองร่างสูงของฐิติพัศ
“พี่ไม่เป็นไรครับ รีบไปพบบอสกันเถอะ”
“เอ่อ พี่ตุลย์คะ ผู้ชายคนนั้นคือบอสของที่นี่เหรอคะ”
“ครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ” เอ่ยปลอบร่างเล็กที่มีท่าทีหวาดกลัว
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรครับ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวบอสจะตำหนิถ้าหากเราไปช้า”
“ค่ะ” พยักหน้าอย่างเข้าใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” เสียงเข้มเอ่ยกับคนหน้าห้อง
“ขออนุญาตครับบอส” เสียงทุ้มของฐิติพัศกล่าว เมื่อเดินมาหยุดกลางห้องต่อหน้ามาเฟีย
“ใครสั่งให้มึงไปมีเรื่องกับลูกค้า” มาเฟียหนุ่มไม่รอช้าถามด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
“พวกมันมาหาเรื่องพนักงานของเราก่อนนะครับบอส” ฐิติพัศชี้แจงแก่คนตรงหน้า
“หาเรื่องพนักงานเหรอ” ทวนซ้ำอีกครั้ง ชำเลืองมองหญิงสาวข้างกายผู้จัดการ
คนโดนมองรู้สึกถึงแรงอำมหิตจากดวงตาคมคู่นั้น รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าหลังจากนี้อาจจะโดนเพ่งเล็ง
“ใช่ครับบอส ผมต้องปกป้องพนักงานของเรา” ฐิติพัศอธิบายให้แก่มาเฟียหนุ่ม
“แต่ถึงอย่างไรก็ห้ามมีเรื่องกับลูกค้า เห็นไหมว่ามันเกิดความเสียหายมากขนาดไหน” ราฟาเอลตะคอกใส่หน้าผู้จัดการร้าน
“ผมทราบครับ ผมยินดีชดใช้ทั้งหมด” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง ถึงอย่างไรเขาก็เลือกจะปกป้องหญิงสาวอยู่ดี
มินตราสังเกตพฤติกรรมของฐิติพัศ เห็นเขายอมจำนนต่อมาเฟียหนุ่มอย่างไม่มีข้อกังขาในใจก็เกิดความสงสาร เพราะตัวเองคือต้นเหตุของเรื่องแท้ ๆ
“บอสคะ อย่าโทษพี่ตุลย์เลยทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะดิฉันเอง ถ้าจะหาคนผิดก็เป็นดิฉันค่ะ” เสียงหวานเอ่ย โดยที่ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตตนเองจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
“ฉันสั่งให้เธอพูดยัง!!” มาเฟียหนุ่มนำปืนมาจ่อใส่ศีรษะคนตัวเล็ก จ้องมองด้วยแววตาดุเดือด
“บอสอย่าทำเธอ” ฐิติพัศเอ่ยห้าม รู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวอย่างจับใจ
มินตราหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว ไม่อยากจะเห็นภาพคนตรงหน้านำปืนมาจ่อ ทว่ายังคงทำใจดีสู้เสือ ขยับริมฝีปากอวบอิ่มพูดกับคนตรงหน้า
“ถ้าการที่ดิฉันยอมรับผิด แล้วจะทำให้บอสโมโหมากขนาดนี้ ดิฉันก็ยินดีชดใช้ด้วยชีวิตค่ะ”
“บอสอย่ายิงเธอ!!” ฐิติพัศตัดสินใจปัดปืนออกจากมาเฟียหนุ่ม กระทั่งร่วงหล่นไปอยู่บนพื้น
“ออกไป!!” เสียงเข้มของมาเฟียตะคอกไล่หญิงสาว
มินตราลืมตาขึ้นก่อนจะรีบสาวเท้าอย่างไว แต่ไม่วายเป็นห่วงฐิติพัศ ชำเลืองมองชายหนุ่มอย่างอาลัยอาวรณ์ ทว่าชายหนุ่มกลับส่งสายตาเป็นนัยว่าไม่ต้องห่วงตนปลอดภัยดี เธอจึงตัดใจออกจากห้องไป
“เมื่อกี้พี่ฌานทำบ้าอะไร เอาปืนจ่อหัวมินทำไม” ฐิติพัศกล่าวขึ้นหลังจากพ้นร่างเล็ก
“ก็ไม่มีอะไร นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครพูดแทรก” มาเฟียหนุ่มชี้แจง
“แต่พี่ฌานกำลังทำให้มินกลัว”
“แกเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น” ราฟาเอลเอ่ยถามญาติผู้น้อง สังเกตแววตาที่ฐิติพัศมองหญิงสาวคนนั้นแตกต่างไปจากลูกน้องทั่วไป
ความสัมพันธ์ระหว่างราฟาเอลและฐิติพัศมีความเกี่ยวข้องกัน คือลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งมารดาของชายหนุ่มเป็นพี่สาวของมารดาฐิติพัศ ข้อนี้ไม่มีใครทราบนอกจากลูกน้องคนสนิทเท่านั้น
“ผมชอบมิน” ยืนยันแก่ญาติผู้พี่อย่างไม่ปิดบัง
“แกจะชอบผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร”
“ทำไมผมจะชอบมินไม่ได้”
“ผู้หญิงที่เป็นแค่พนักงานในกาสิโน ทำงานกลางคืนแบบนั้น แกคิดเหรอว่าคุณน้าจะยอมรับ” ราฟาเอลพูดเตือนสติญาติผู้น้อง
“ผมไม่สนใจที่มินเป็นแค่พนักงาน เพราะผมชอบมินด้วยหัวใจ และผมเชื่อว่าคุณแม่ต้องชอบมินเหมือนกัน”
“เออนั้นก็ตามใจ ฉันอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี” มาเฟียหนุ่มตะคอกใส่หน้าฐิติพัศ
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี งั้นผมขอตัวก่อน” กล่าวจบก็เดินออกจากห้องราฟาเอลไป ทิ้งคนตัวโตที่มีอาการโมโหไว้เพียงผู้เดียว
“โธ่เว้ย!! ฉันต้องรู้ให้ได้เธอทำอย่างไรกับตุลย์ มันถึงได้หลงเธอขนาดนั้น” มือหนากวาดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะทำงานร่วงหล่นไปกองกับพื้นจนหมด ท่ามกลางความตกใจของอองรีที่เดินเข้ามาเห็นพอดี
