บทที่9 บีบคั้น
แม้ว่าลันน์ลภัสจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวพลาพลพิทักษ์ในอีกไม่ช้าไม่นานถ้าหากว่ารัชพลขัดขืนความต้องการของเสี่ยพจน์แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ร้ายแรงกว่าที่เธอคิดเผื่อไว้เสียอีก
คุณหนูแห่งไร่อิงตะวันได้แต่ทอดถอนใจ วันก่อนนี้เองที่รณพีร์ถูกจับด้วยข้อหาแทงคนตาย มันเป็นการป้ายสีที่ทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วอย่างดิบดีจนดิ้นไม่หลุดแม้แต่รณพีร์เองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปหรือไม่ นึกขึ้นมาแล้วก็น่าเจ็บใจตัวเองอยู่ไม่น้อย เธอไม่คิดว่าเสี่ยพจน์จะหันไปเล่นงานรณพีร์เป็นคนแรก เธอคิดว่าคนที่จะถูกนำมาบีบรัชพลคนแรกคือรัชนีญาที่เป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของบ้านเสียมากกว่าจึงได้ระแวดระวังทางฝั่งรัชนีญาก่อนใครในบ้านพลาพลพิทักษ์ แต่เธอก็ก้าวพลาดรณพีร์ถึงได้ถูกใส่ร้ายจนเป็นเช่นนี้ แย่ไปกว่านั้นก็คือเพราะคดีนี้ ทางมหาวิทยาลัยก็เลยกำลังหารือกันว่าจะไล่ออกหรือไม่ อนาคตที่วาดฝันจะเป็นทนายความของรณพีร์กำลังหยุดชะงักเพราะการกระทำของคนชั่ว
เจ็บใจจริง ๆ
‘คุณหนูครับ’
ปล่อยให้ลันน์ลภัสคิดถึงเรื่องราวได้ไม่นานวาริทหรือวีผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภากรก็ก้าวเข้ามาภายในห้องเก็บเอกสารของสำนักงานอันเป็นที่ประจำที่คุณหนูของไร่มักจะขลุกอยู่เพื่อศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องศึกษาตามความต้องการของพ่อเลี้ยงภากรที่แม้บางครั้งจะเหมือนคนแข็งแรงแต่กำลังป่วยหนักใกล้จะวางมือจากไร่อิงตะวันและส่งมอบให้หลานสาวเต็มทีแล้ว
‘ได้เรื่องยังไงบ้างคะคุณวี‘ ลันน์ลภัสสอบถามทันทีด้วยลุ้นระทึก หญิงสาวลุกจากกองเอกสารมาหาชายหนุ่มที่อายุอานามก็เพิ่งจะสามสิบเท่านั้น แต่ก็ได้เป็นถึงคนที่พ่อเลี้ยงภากรไว้ใจ และเขาคนนี้ก็นับว่าเป็นหูและตาของพ่อเลี้ยงภากรเลยทีเดียว
‘ผมหาหลักฐานที่จะช่วยคุณเพชรได้แล้วครับ แต่ภาคินรายงานว่ามีคนแอบตามคุณพลอยอยู่ พิทธพงษ์ชอบผู้หญิงสาว ๆ สวย ๆ ถ้าร้ายหน่อยคนพวกนั้นคงมาด้วยจุดประสงค์ที่จะจับคุณพลอยไปให้พิทธพงษ์‘
‘บอกภาคินให้คอยดูแลพลอยกับคุณลุงคุณป้า แล้วก็ส่งคนช่วยพี่เพลิงโดยไม่ให้เขารู้ตัวนะคะ’ หญิงสาวพูดในเชิงไหว้วานมากกว่าที่จะเป็นคำสั่งก่อนจะถอนใจโล่งเรื่องของรณพีร์ โล่งอกไปทีที่วาริทหาทางช่วยรณพีร์ได้แล้วไม่อย่างนั้นเพื่อนของเธอก็คงจะจบสิ้นแล้วจริง ๆ
หายใจหายคอโล่งอกได้ไม่เท่าไหร่วาริทก็ถอนใจหนัก ๆ และเอ่ยแทรกขึ้นท่ามกลางความโล่งใจของคุณหนูของไร่ ‘มีอีกเรื่องครับคุณหนู’
‘อะ อะไรเหรอคะ‘
‘รีสอร์ทพรพรรษาโดนกลั่นแกล้ง ก่อนหน้านี้ก็ติดขัดอยู่ก่อนแล้วด้วย ตอนนี้ก็เลย...’ วาริทเว้นคำพูดไว้เพียงแค่นั้นลันน์ลภัสก็เข้าใจ คำว่าปิดกิจการ และล้มละลายคงใกล้เข้ามาแล้วสำหรับครอบครัวพลาพลพิทักษ์
กิจการก็ใกล้จะล้มละลาย ลูกชายคนโตมีปัญหากับผู้มีอิทธิพล ลูกชายคนกลางถูกจับยัดข้อกล่าวหาว่าเจตนาแทงคนตาย ลูกสาวคนเล็กมีวี่แววจะถูกลักพาตัว...สถานการณ์ตอนนี้มันบีบคั้นพอที่จะต่อรองได้แล้วกระมัง
‘ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วซินะ’
‘คุณหนูครับ’ ทั้งที่ลันน์ลภัสตัดสินใจแล้วและกำลังจะเดินกลับไปเอาโทรศัพท์มือถือเพื่อไปจัดการในสิ่งที่เธอรอคอยมาหลายวันแต่วาริทกลับเรียกเอาไว้พร้อมกับเอ่ยในสิ่งที่จำเป็นจะต้องพูดก่อนที่หญิงสาวจะออกไป ‘อาการของพ่อเลี้ยงท่าน...เหมือนจะแย่ลงนะครับ’
ลันน์ลภัสนิ่งงันไปครู่ใหญ่ คำพูดของวาริทไม่ได้มีอะไรให้ตกตะลึงถึงแม้ว่าเขาจะพูดเรื่องอาการป่วยของพ่อเลี้ยงภากร หญิงสาวรับรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นตากำลังป่วยหนักและกำลังทรมาน คุณตาของเธอ...อยู่ได้อีกเพียงไม่นาน
‘บะ แบบนี้ลูกจันทร์ต้องเร่งมือแล้วสิคะ คุณตาจะได้เห็นลูกจันทร์ในชุดเจ้าสาวก่อนที่...‘ เธอพูดออกมาเพียงแค่นั้นเสียงก็หายไป น้ำตาไหลเอ่อคลอเบ้าตาเมื่อนึกไปถึงวันหนึ่งที่อาจจะไม่มีท่าน เธอไม่อาจจะยื้อได้ เธอทำได้เพียงรีบจัดการกับแผนการที่เธอคิดเอาไว้เพื่อที่ท่านจะได้วางใจและเข้ารับการรักษา แม้มันจะมาถึงจุดที่รักษาไม่ได้แล้วแต่อยู่กับหมอก็ย่อมจะทรมานน้อยกว่าฝืนอยู่แบบนี้
‘เดี๋ยวครับ’ วาริทรั้งหลานสาวของเจ้านายไว้อีกครั้งเมื่อหญิงสาวมีท่าทีมุ่งมั่น มันเป็นสิ่งที่เขาต้องพูดก่อนที่เธอจะทำอะไรลงไป ‘ก่อนที่ผมจะมาบอกคุณหนูผมได้เรียนให้พ่อเลี้ยงทราบแล้ว ท่านเลยฝากคำถามมาให้คุณหนูครับ’
‘อะไรเหรอคะ’
‘ที่ท่านไม่ห้ามก็ใช่ว่าท่านเห็นด้วย เพียงแต่มองว่าคนเราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ทางที่เลือกมันไม่ใช่ทางที่ดีและแน่นอนผลมันก็ออกได้หลายทางทั้งดีและร้าย แต่ไม่ว่ามันจะออกมาทางไหนคุณหนูมั่นใจแล้วหรือเปล่าที่เลือกจะทำแบบนี้ ถ้ายัง...เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทัน การช่วยเหลือก็จะยังอยู่ไม่ได้ถูกล้มเลิก แต่ถ้าคุณหนูมั่นใจแล้วว่าไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผลสะท้อนมันจะรุนแรงหรือไม่ก็จะยอมรับและถอดบทเรียนจากมัน ท่านก็บอกว่าให้ลุยได้เลย’
ลันน์ลภัสนิ่งไปเพียงเสี้ยววินาทีก็ระบายยิ้มส่งให้กับวาริท ‘ลูกจันทร์ตัดสินใจแล้วค่ะคุณวีเพื่อความรักสักครั้งของลูกจันทร์ และเพื่อคุณตาจะสบายใจที่ได้เห็นลูกจันทร์ในชุดเจ้าสาว ลูกจันทร์จะไม่ถอยหลัง...เขาคงไม่ใจร้ายหรอกมั้ง’
‘ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณหนูหวังนะครับ’ วาริททำได้เพียงอวยพรเมื่อหลานสาวของผู้มีพระคุณไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจประจวบเหมาะกับที่ภาคินรายงานเข้ามาพอดีว่าช่วยรัชนีญาเอาไว้ได้จากคนที่พิทธพงษ์ส่งมาลันน์ลภัสจึงเปลี่ยนเส้นทางไปหาเพื่อนสาวก่อนจะไปหาคนที่เธอต้องการเจรจาต่อรองด้วยแทน
ภายในบ้านพลาพลพิทักษ์เต็มไปด้วยความเงียบเหงา รีสอร์ทที่อยู่เยื้อง ๆ เองก็เงียบราวกับถูกทิ้งร้าง พนักงานต่างพากันจับกลุ่มหน้าตาเศร้าสร้อย ทั้งเป็นห่วงเจ้านายทั้งหลายและทั้งเป็นห่วงตัวเองที่อาจจะต้องว่างงานหากรีสอร์ทแห่งนี้ถูกปิดตัวลง
ลันน์ลภัสมองเห็นทุกอย่างและรับรู้ได้ถึงความทุกข์ของทุกคน ในตอนนี้พลาพลพิทักษ์ก็เหมือนเรือลำนึงที่ลอยลำอยู่กลางมหาสมุทรด้วยสภาพที่ทรุดโทรม เสาเรือโงนเงนจวนเจียนจะหัก พนักงานทุกคนคือคนที่อยู่บนเรือ ถ้าวันนี้เรืออับปางลงพวกเขาก็จะตกลงไปในมหาสมุทรและถูกกระแสน้ำพัดไป จิตใจของทุกคนระส่ำระส่า ใจนึงก็อยากจะสละเรือเพื่อหาหนทางรอดของตัวเอง แต่อีกใจก็เป็นห่วงเรือลำนี้ที่พาพวกเขาและพวกเธอลอยลำมาแสนไกล
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่ลูกจันทร์ ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ฮึก’ เสียงคร่ำครวญของรัชนีญาที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเรียกให้ลันน์ลภัสละสายตาจากพนักงานที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่กลับมาลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักอีกครั้ง เธอเพิ่งไปหารัชนีญาที่สถานที่เกิดเหตุซึ่งเพื่อนรักเกือบจะถูกฉุด รัชนีญายังคงขวัญเสียเธอจึงอาสาพาอีกฝ่ายกลับบ้านแต่เมื่อมาถึงเหตุการณ์ที่รีสอร์ทพรพรรษาดูจะแย่ยิ่งกว่าภาพที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
‘ใจเย็น ๆ นะพลอย เราเข้าไปในบ้านกันก่อนดีกว่านะ’ ลันน์ลภัสเอ่ยปลอบก่อนที่จะชักชวนเพื่อนสาวที่ยังหวาดผวาเข้าไปภายในบ้าน รถของรัชพลจอดอยู่หน้าบ้านบ่งบอกว่าลูกชายคนโตของบ้านยังคงอยู่ด้านในไม่ได้ออกไปไหน
ลันน์ลภัสจับจูงมือรัชนีญาเข้าไปภายในบ้านก่อนที่ลูกสาวคนเดียวของบ้านพลาพลพิทักษ์จะบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับพ่อแม่และพี่ชายคนโตที่เพิ่งจะทำแผลเสร็จได้ฟัง รัชพลกำหมัดแน่นและทุบระบายอารมณ์ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปราวกับไม่ต้องการจะแสดงความโมโหให้กับคนที่บ้านได้เห็นแต่กระนั่นเขาก็ไม่ได้ออกมาสงบสติอารมณ์เพียงลำพังอย่างที่ตั้งใจเพราะใครคนนึงที่เขาไม่อยากเห็นหน้าเดินตามมาติด ๆ
‘ตามมาทำไม จะมาเยาะเย้ยถากถางเหรอ‘
‘เปล่าสักหน่อย ลูกจันทร์แค่มีข้อเสนอมาเจรจาต่อรองก็เท่านั้น’ หญิงสาวบอกจุดประสงค์โดยไม่คิดอ้อมค้อมพร้อมกับใบหน้าที่ดูเป็นต่อ
‘อะไรของเธอ’
‘ลูกจันทร์จะขอให้คุณตาช่วย ทั้งเรื่องรีสอร์ท เรื่องเพชร แล้วก็เรื่องเสี่ยพจน์แลกกับการที่พี่ต้องเป็นแฟนกับลูกจันทร์ ไปเที่ยว ไปทำนั่นทำนี่เหมือนที่แฟนเขาทำกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ พี่จะรับข้อเสนอมั้ย’
‘เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนกันถึงได้รู้จักฉวยโอกาสบีบคั้นคนอื่นแบบนี้...ก็ได้ ถ้าเธอทำให้ได้อย่างที่พูดฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการหนึ่งอาทิตย์’ รัชพลพูดเท่านั้นก็เดินต่อ คราวนี้ลันน์ลภัสไม่ได้เดินตามไปเพราะเธอได้คำตอบที่ต้องการแล้ว รัชพลตอบโดยที่ไม่รู้หรอกว่ามันก็เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายเพียงหนึ่งสัปดาห์อย่างที่รัชพลคิดไว้หรอก
ทันทีที่รัชพลตอบตกลงปัญหาทั้งหมดก็ได้รับความช่วยเหลือจากพ่อเลี้ยงภากร เงินนับร้อยล้านถูกนำมาเป็นทุนให้ครอบครัวพลาพลพิทักษ์ได้ตั้งตัวกับรีสอร์ทพรพรรษาอีกครั้ง ลูกชายคนกลางของบ้านพ้นจากมลทินกลับสู่อ้อมกอดของพ่อและแม่ เสี่ยพจน์และลูกชายก็ถูกตำรวจบุกค้นพบทั้งของกลางที่เป็นยาเสพติดและผู้หญิง ฝ่ายลูกชายถูกจับกุมไว้ได้ในขณะที่เสี่ยพจน์นั้นต้องหนีคดีหัวซุกหัวซุนไม่สามารถมาทำอันตรายใครได้อีกในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
ตัวลันน์ลภัสเองยังนึกทึ่งไม่คาดคิดว่าพ่อเลี้ยงภากรจะสามารถจัดการได้ขนาดนี้ เธอเคยคิดเพียงว่าท่านอาจจะปรามให้เสี่ยพจน์รู้ว่าไม่ควรจะยุ่งกับครอบครัวของรัชพลแต่เธอไม่คิดว่าความเป็นจริงแล้วท่านจะแฉความเลวทรามของเสี่ยพจน์และมอบหลักฐานมัดตัวให้แก่ตำรวจระดับสูงจนนำไปสู่การกวาดล้าง
เสี่ยพจน์ค้าทั้งผู้หญิง และค้าทั้งยาเสพติด เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ต่อให้หนีไปได้สักวันก็ต้องถูกจับมาดำเนินคดีอยู่ที่
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น
ภายในห้องสวีทสุดหรูของโรงแรมโอบฟ้าทุก ๆ อย่างราวกับหยุดนิ่งลงตรงหน้ารัชพล ใบหน้าหวานที่น้ำตาคลอเต็มหน่วยตาที่อยู่ตรงหน้าไม่ทำให้หัวใจของรัชพลเกือบจะหยุดเต้นได้เท่ากับที่เนื้อตัวเจ้าหล่อนมีเพียงผ้าห่มที่ปกปิดร่างกาย...ตัวเขาเองก็เช่นกัน
ซ้ำร้ายประตูห้องพักที่ควรจะปิดสนิทกลับถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของผู้เป็นพ่อและแม่ที่มาพร้อมกับน้องชายหญิง...ทุกอย่างล้วนทำให้รัชพลนิ่งงัน
‘นี่แกทำอะไรลงไปหะเพลิง’
‘พ่อครับ คือ...’
‘ไม่ต้องพูดแล้ว แต่งตัวแล้วตามฉันไปหาพ่อเลี้ยงภากรเดี๋ยวนี้ ฉันจะสู่ขอหนูลูกจันทร์ให้แกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว’
‘พ่อครับ ผมกับลูกจันทร์เรา...‘
‘ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถ้าแกไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ‘ คำว่าเราตกลงกันแล้วถูกกลืนลงคอเมื่อผู้เป็นพ่อไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้วเหลือเพียงคนที่ยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง
รัชพลพยายามรื้อความทรงจำเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เขาดื่มหนักเพราะรับรู้ธาตุแท้ของอณิมาโดยมีลันน์ลภัสที่อยู่ข้าง ๆ ตามตกลงสัญญาหนึ่งสัปดาห์ ลันน์ลภัสนั่งดื่มเป็นเพื่อนโดยไม่เยาะเย้ยเขาเลยสักคำซ้ำยังพาเขากลับมาส่งที่ห้อง
‘คืนนี้ลูกจันทร์จะอยู่เป็นเพื่อนพี่เพลิงเอง ยังไม่หมดเวลาของลูกจันทร์...อย่าห่วงเลยค่ะ พรุ่งนี้ทุกอย่างตลอดหนึ่งอาทิตย์มันจะเป็นแค่ฝัน ลูกจันทร์บอกแล้วไงว่าให้ปล่อยไปตามน้ำ’ คำพูดที่ดังอยู่ข้าง ๆ หูเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นมาในหัวทำให้รัชพลต้องกำหมัดแน่น...
‘เธอหลอกลวงสินะ เธอหลอกว่าทุกอย่างมันจะจบแค่หนึ่งอาทิตย์แต่จัดฉากเรียกพ่อแม่ฉันมาในตอนเช้า ท่าทีไม่มีพิษมีภัยตลอดหนึ่งอาทิตย์มานี้มันคือสิ่งหลอกลวงอย่างนั้นสินะ ลันน์ลภัสเธอนี่มัน...’ เขาพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยิบเสื้อผ้ามาใส่และออกจากห้องไป เขาอยากจะด่า อยากจะต่อว่าให้สาสมกับผู้หญิงจอมมารยาคนนี้ทำกับเขา แต่รัชพลก็ไม่สามารถคิดคำใด ๆ ได้ ออกมาได้จนต้องหนีออกจากห้องไปก่อนที่จะควบคุมโทสะของตัวเองไม่อยู่
ลันน์ลภัสหลับตานิ่งทันทีที่ประตูห้องปิดลงผลตัดสินว่ามันจะดีหรือร้ายมันอยู่ที่ต่อจากนี้นั่นละ
