บทที่8 เจ้าแผนการ
‘คุณตาคะ’
เสียงหวานคุ้นหูที่ไม่ว่าได้ยินเมื่อไหร่ก็ทำให้ใบหน้าสุขุมของพ่อเลี้ยงภากรเสียกิริยาถูกส่งไปให้ทำเอานายใหญ่แห่งไร่อิงตะวันต้องเงยหน้าจากเอกสารที่ผู้ช่วยนำมาให้เซ็นต์ขึ้นมาส่งคำถามที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
‘ไปป่วนอะไรมาฮึเจ้าตัวดี’
‘เปล่านะคะ ลูกจันทร์ไม่ได้ไปป่วนสักหน่อย’ เจ้าตัวดีของพ่อเลี้ยงภากรรีบชี้แจงข้อกล่าวหาก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านหลังและหอมแก้มคุณตาที่เลี้ยงเธอมาแบบหลานชายเสียมากกว่าหลานสาว มันเป็นการประจบออดอ้อนที่เธอทำบ่อย ๆ เวลาที่มีเรื่องจะถามหรือมีอะไรที่ต้องการให้คนเป็นตาช่วย
และแน่นอนทีเดียวว่าคุณตาของหญิงสาวก็รู้ทันไปเสียทุกอย่าง ท่านหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะถามออกมา เป็นคำถามเดิม ๆ ที่ใช้ถามประจำเมื่อเธอทำแบบนี้ ‘มาประจบแบบนี้มีอะไรอีกละ’
‘ตาใครเนี่ย รู้ทันตลอดเลย‘ เจ้าตัวดีของคุณตาเอ่ยปากชมพอหอมปากหอมคอก่อนจะเข้าเรื่องที่ทำให้เธอต้องรีบมาหาอีกฝ่ายทั้งที่โมโหคนบางคนจนอยากจะไปยิงปืนระบายอารมณ์ที่สนามยิงปืนท้ายไร่ให้มันหายคับข้อง ‘นายพิทธพงษ์ลูกชายเสี่ยพจน์เขามีอะไรไม่ใสสะอาดรึเปล่าคะ‘
‘ทำไมถึงถามอย่างนั้นละ หรือว่าเขามาจีบเรา’
‘เปล่าค่ะ ลูกจันทร์แค่สงสัย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินข่าวเขาที่ไหนเลย’ ลันน์ลภัสตอบพลางนึกไปถึงใบหน้าของผู้ชายที่อยู่กับอณิมาวันนี้ เธอจำไม่ผิดหรอก ผู้ชายคนนั้นคือพิทธพงษ์ลูกชายเพียงคนเดียวของเสี่ยพจน์เจ้าของไร่ส้มที่ค่อนข้างจะกว้างขวาง ผู้ชายคนนั้นเธอไม่เคยได้ยินข่าวลือข่าวเล่าอะไรไม่ดีมาเข้าหูเลยแม้แต่น้อย และข่าวดีก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน...คนปกติที่ไหนจะไม่มีทั้งข่าวลือดี ๆ และข่าวลือไม่ดีหลุดรอดมาให้คนอื่นได้ยินกันล่ะ
พ่อเลี้ยงแห่งไร่อิงตะวันเคาะนิ้วชี้ลงบนโต๊ะพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงหน้าโต๊ะทำงานของท่านเป็นสัญญาณว่าให้หญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ดีกว่าจะยืนให้เมื่อยก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับคำถามของลันน์ลภัสแต่ก็ทำให้หญิงสาวตกตะลึง ‘นี่เจ้าตัวดี...อย่าคิดว่าตาไม่รู้นะว่าไปรู้ไปเห็นอะไรมา’
‘นี่คุณตาเอากล้องวงจรปิดมาติดกับตัวลูกจันทร์หรือไงเนี่ย ทำไมถึงรู้’คนเป็นหลานถามกลับทันทีด้วยความตกตะลึงขณะที่เดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ ที่ผ่านมาเธอรู้เพียงแค่ว่าพ่อเลี้ยงภากรถือเป็นผู้กว้างขวาง ท่านรู้จักคนมากหน้าหลายตา และมีอิทธิพลจนไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับท่าน และข้างกายท่านมีคนที่ให้คอยช่วยหาข้อมูลหลากหลายอย่างมาให้ท่าน ไม่มีเรื่องไหนที่พ่อเลี้ยงภากรอยากรู้แล้วไม่รู้ แต่เธอไม่คิดว่าวันนี้เธอไปเห็นอะไรมาจะเป็นอีกเรื่องที่อีกฝ่ายรู้
‘ก็เขามาที่โรงแรมเรา ทำไมตาจะไม่รู้’ ผู้กว้างขวางที่มีหูมีตาอยู่ทั่วทุกทิศบอกขำก่อนที่จะวางปากกาเพื่อคุยกับหลานสาวอย่างจริงจัง ‘พิทธพงษ์น่ะไม่ได้มีอะไรหรอก แต่พ่อเขาต่างหากละที่ไม่ขาวสะอาด’
‘เสี่ยพจน์ทำเรื่องผิดกฎหมายเหรอคะ‘ ลันน์ลภัสค่อนข้างตกใจก็ว่าได้เมื่อรู้ว่าเสี่ยพจน์ที่กำลังพูดถึงทำเรื่องไม่ถูกกฎหมายอยู่ ก็เสี่ยพจน์คนนั้นเวลามีงานของจังหวัดทีไรก็บริจาคทีละไม่หยอก ตามโรงเรียน โรงพยาบาลก็มีชื่อเป็นผู้บริจาคเสมอ ๆ นี่เธอดูคนแค่จากการทำบุญไม่ได้เหรอเนี่ย ‘ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคนที่เห็นว่าใจบุญสุนทานแบบนั้นจะทำเรื่องผิดกฎหมาย‘
‘คนเรามันดูกันแค่ฉากหน้าไม่ได้หรอกนะลูกจันทร์ จำเอาไว้ว่ามองคนเราจะมองแค่สิ่งที่ตาเห็นไม่ได้’ พ่อเลี้ยงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนสอนหลานสาวเพียงคนเดียวที่อีกไม่นานอาจจะต้องเข้ามาดูแลทุกสิ่งทุกอย่างแทนเขาก่อนที่จะตัดบทเปลี่ยนเรื่องวกกลับมาในเรื่องที่พูดคุยกันต่อ ‘เอาละ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องของเขาหรอก มาพูดเรื่องเกี่ยวกับคนที่เราอยากรู้ดีกว่า’
‘การที่เขามีความสัมพันธ์กับแฟนของพี่เพลิง...’
‘มีจุดประสงค์แน่นอนอยู่แล้ว’ ไม่ทันที่ลันน์ลภัสจะได้ถามประโยคคำถามจบคุณตาผู้กว้างขวางก็ตอบกลับเสียก่อน พ่อเลี้ยงภากรเป็นคนที่เด็ดขาดและมองอะไรไม่ผิดพลาด ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ชายชราคาดเดาได้ไม่ยากว่าอะไรเป็นอะไร แน่นอนว่าเจ้าตัวดีของเขารู้ดีว่าเขาสามารถตอบเธอได้ถึงได้รีบมาหาเขาเช่นนี้...เจ้าตัวดีของเขาดูจะรักและห่วงไอ้ผู้หมวดคนนั้นไม่หยอกเลยทีเดียว
ลันน์ลภัสนิ่งเงียบไปกับคำตอบของผู้เป็นตาพักนึงได้ ตอนที่เจอพิทธพงษ์ ผู้ชายที่อยู่กับอณิมา เธอก็สงสัยแล้วว่าจะมีอะไรทำนองนี้หรือไม่ เพราะผู้ชายคนนั้นน้อยครั้งจริง ๆ ที่จะปรากฏตัว แต่ถึงจะสงสัยอยู่แล้วพอได้มาได้รับการยืนยันจากคุณตาแบบนี้ก็อดจะตกใจไม่ได้เหมือนกัน
แต่สองพ่อลูกคู่นั้นมีจุดประสงค์อะไรละถึงได้เข้าหานายตำรวจที่เพิ่งจะย้ายมาประจำที่นี่ได้ไม่นานอย่างรัชพล
ไม่ปล่อยให้ความสงสัยอยู่กับตัวเองนานจนเสียเวลาคิดอย่างอื่น ลันน์ลภัสรีบถามผู้เป็นตาในทันทีที่คิดได้ ‘เขาต้องการอะไรคะ’
‘ตาไม่ใช่เทวดาจะได้รู้ทุกเรื่อง‘ พ่อเลี้ยงวัยชราทำลีลาไม่ยอมตอบทั้งที่สามารถที่จะคาดเดาได้เพื่อไม่ให้การพูดคุยมันดูเคร่งเครียดจนเกินไป หน้าตาจิ้มลิ้มที่เหมือนกับลูกสาวของเขาราวกับแกะตรงหน้าไม่เหมาะกับการทำหน้าทำตาเคร่งเครียดหรอกนะ ‘ขนาดหลานสาวจะมาหา ตายังไม่รู้เลย ถ้ารู้จะหนีซะก่อน‘
‘แหม่คุณตาขาแต่คุณตาคาดการณ์เก่งนะคะ ลูกจันทร์ว่าคุณตาคาดการณ์ได้แน่ ก็คุณตาของลูกจันทร์เก่งออก’
‘ปะเหลาะเก่งซะเหลือเกิน‘
‘ลูกจันทร์พูดความจริงนะ คุณตาคาดการณ์เก่ง พูดให้ฟังหน่อยนะคะ นะ’ หญิงสาวพูดอย่างออดอ้อนทันทีที่ผู้เป็นตาดูจะไม่ยอมพูดให้ฟังง่าย ๆ เรื่องที่ถนัดที่สุดของลันน์ลภัสก็คือการออดอ้อนคุณตาคุณยาย หญิงสาวไม่เพียงพูดแต่ยังส่งสายตาออดอ้อนไปให้ทำเอาคนแก่ชุ่มชื่นหัวใจขึ้นจนพร้อมที่จะพูดต่อ
‘เอาล่ะ ๆ ตาจะพูดให้ฟังก็ได้’ พ่อเลี้ยงภากรบอกยอมแพ้หลานสาวช่างอ้อนของตัวเองก่อนที่จะวกกลับมาเล่าถึงสิ่งที่หญิงสาวอยากรู้ ‘เสี่ยพจน์อยากจะได้ตำรวจสักคนมาเป็นพวก แทนคนเก่าที่เขาเคยซื้อตัวไว้ที่โดนย้ายไปที่อื่น’
‘เขาอยากได้พี่เพลิงไปเป็นพวกเหรอคะ’
‘ใช่ เขาก็เลยให้ลูกชายไปเกาะแกะแฟนของรัชพลเพื่อเกลี้ยกล่อมให้รัชพลทำงานให้เสี่ยพจน์ ถ้าเป็นผู้หญิงที่หิวเงินก็ติดเบ็ดได้ง่าย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่เป็นคนดีและรักแฟนก็จะแตกต่างออกไป’ คนผ่านร้อนผ่านหนาวรับรู้เรื่องราวมาเยอะบอกเล่าสิ่งที่คิดให้หลานสาวเพียงคนเดียวฟังก่อนพูดต่อ ‘แต่แม่สาวคนนั้นก็ดูจะมีจุดประสงค์ถึงได้เข้าหาพี่ชายหนูพลอยอยู่แล้ว ก็คงจะกินเบ็ดของเสี่ยพจน์กับพิทธพงษ์นั่นละ’
คำว่าแม่สาวคนนั้นก็ดูจะมีจุดประสงค์ถึงได้เข้าหารัชพลทำให้ลันน์ลภัสนึกสะกิดใจ แต่ก็ตัดเรื่องนั้นทิ้งไปเมื่อมีเรื่องที่น่าหยิบยกมาพูดมากกว่าเรื่องของอณิมาที่คนเป็นตาบอกว่าเหมือนจะมีจุดประสงค์ในการเข้าหารัชพลอยู่ ‘พี่เพลิงไม่มีทางทำงานให้เสี่ยพจน์แน่’
‘ตาก็คิดแบบนั้น เพราะเจ้านั่นดูจะขวางโลกไม่เบา ขนาดตาที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่คนบอกว่าตากว้างขวาง เจ้าหนุ่มนั่นก็กากบาทบนหัวตาแล้วว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในเชิงมาเฟีย’ พ่อเลี้ยงภากรบอกหลานสาวด้วยเสียงที่คล้ายจะขบขันในประโยคสุดท้าย และลึก ๆ แล้วสำหรับเขา รัชพลคนนั้นถึงจะดูนิ่ง ๆ และดูซื่อบื้อไปบ้างในบางเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นตำรวจน้ำดีและเถรตรงคนนึง ไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล เอาความถูกต้องเป็นใหญ่ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจมืด ซ้ำยังยอมหักไม่ยอมงอ หึ ดูอย่างเรื่องของเขาซิ ตั้งแต่ย้ายมาแค่มีคนพูดกันว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใคร ๆ ก็เกรงกลัวเจ้าหนุ่มนั่นก็เว้นระยะห่างและสงวนท่าทีกับเขาเสียแล้ว ทั้งที่รีสอร์ทของอีกฝ่ายก็อยู่ข้าง ๆ ไร่ของเขานี่แท้ ๆ พ่อแม่ก็ยังให้ความสนิทสนมกับเขาและครอบครัวแต่เจ้าหนุ่มนั่นก็ยังไม่ให้ความสนิทสนมด้วย...และยังไม่ให้ความสนิทสนมกับผู้กว้างขวางคนไหนเป็นพิเศษ
คนแบบนี้ถ้าได้มาดูแลยัยหนูลัลน์ลภัสเขาก็เห็นว่าดี
‘แล้วถ้า...’ ขณะที่พ่อเลี้ยงภากรขบคิดไปถึงเจ้าหนุ่มที่หลานสาวของเขาห่วงจนต้องมาสอบถามลันน์ลภัสที่พยายามคิดเองบ้างก็ถามความคิดเห็นของคนเป็นตาเมื่อต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันมานาน ‘ถ้าเขาไม่ยอมเสี่ยพจน์จะทำร้ายพี่เพลิงมั้ยคะ’
‘ก็ถ้าไม่ยอมก็คงจะโดนบีบคั้น ยิ่งเผยจุดประสงค์ไปแล้วแต่รัชพลไม่รับ ก็คงจะยิ่งหนัก’
‘เขาจะโดนปองร้าย รวมถึงครอบครัวของเขาด้วยอย่างนั้นเหรอคะ’
คำถามของลันน์ลภัสเต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงใย พ่อเลี้ยงภากรไม่ได้แปลกใจและรับรู้ดีว่าต่อจากนี้ไปหญิงสาวจะพูดสิ่งไหนออกมา และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเจ้าตัวดีของเขาเงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับพูดอย่างจริงจัง ‘ถ้าเกิดว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ เรา...ช่วยพวกเขาไหวมั้ยคะ’
‘เราอยากให้ตาช่วยพวกเขาเหรอ’ พ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพลถามทั้งที่ความจริงรู้คำตอบอยู่แล้วก่อนที่ลันน์ลภัสจะตอบกลับไปอย่างไม่ส่อพิรุธใด ๆ
‘ค่ะ เพชรกับพลอยเป็นเพื่อนลูกจันทร์นี่คะ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน คุณตาสอนลูกจันทร์เองนี่คะ’
ชายชราระบายยิ้มอ่อนโยนมองหลานสาวก่อนจะเย้าแหย่ถึงอีกเรื่องที่เจ้าตัวดีเก็บเอาไว้โดยไม่แสดงพิรุธ ‘และเจ้าหนุ่มนั่นก็เป็นคนที่หลานสาวของตาชอบพออยู่...ใช่มั้ยล่ะ’
‘คุณตาน่ะ’
พูดให้หลานสาวได้เขินจนลืมความเคร่งเครียดไม่นานพ่อเลี้ยงภากรก็กลับมาพูดจริงจังอีกครั้งด้วยประเด็นที่สำคัญ ‘ลูกจันทร์ ตาช่วยพวกเขาแน่ถ้าเจ้าหนุ่มรัชพลนั่นใจซื่อมือสะอาด ตาจะช่วยให้ถึงที่สุด...แต่ตาอยากให้เรารับปากตาว่าการช่วยครั้งนี้หลานสาวของตาจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า’
‘งั้น...’ หลานสาวเพียงคนเดียวลากเสียงยาวและเว้นคำพูดไปด้วยใบหน้าทะเล้นก่อนจะพูดต่ออย่างเขิน ๆ แต่ก็ติดจะทะเล้น ‘ให้เขาตอบแทนเป็นหลานเขยดีมั้ยคะ’
‘ก๋ากั่นซะจริง...แต่จริง ๆ แล้วถ้าชอบ ให้ตายกสินสอดไปขอให้เลยไม่ดีกว่าเหรอ‘
‘คุณตาน่ะ ลูกจันทร์ไม่ใช่คุณตานะ ที่พอชอบคุณยายปุ๊บก็ให้คุณทวดยกขันหมากไปขอเลยน่ะ ลูกจันทร์เป็นผู้หญิงนะ จะไปเป็นเจ้าสาวของเขาน่ะ จะให้ยกขันหมากไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขาเสียหน้าแย่’ ประโยคสุดท้ายเจ้าตัวดีของพ่อเลี้ยงภากรพูดแล้วก็เปลี่ยนเป็นขบขันระคนเขินอาย
ลันน์ลภัสพูดอย่างไม่เกรงกลัวแต่ก็ไม่วายโดนชายชราดุเอาจนได้ ‘เรานี่นะ พอตาไม่ห้ามก็เอาใหญ่เชียว ไอ้นิสัยแบบนี้ไปได้มาจากไหนฮะ‘
‘ก็คงจากคุณตานั่นละนา ก็เป็นหลานสาวพ่อเลี้ยงภากรนี่’
‘ถ้าจะให้สมกับเป็นหลานสาวพ่อเลี้ยงภากร ก็ต้องรู้จักเวลาต่อรอง ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่สุด’
‘เวลาที่ทุกอย่างมันบีบคั้นมาก ๆ ใช่มั้ยคะ?’ คำตอบของหลานสาวไม่ได้ทำให้พ่อเลี้ยงภากรมีสีหน้าหนักใจตรงกันข้าม เขากลับมองหลานสาวด้วยความภาคภูมิใจ เพราะอีกฝ่ายเป็นหลานเพียงคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอนว่าต้องตกเป็นของหลานสาว
ตั้งแต่เล็กจนโตลันน์ลภัสจึงไม่ได้ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมราวกับไข่ในหินอย่างที่ใครหลายคนอาจจะคิด เขาสอนทั้งงานและวิธีการคิดรวมถึงวิธีจัดการเล่ห์เหลี่ยมของคนให้หลานสาวแต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวดีของเขาก็ไม่ค่อยจะแสดงออกสักเท่าไหร่ว่าเข้าใจและนำไปใช้ได้โดยที่ตาคนนี้จะไม่ต้องห่วง
แต่ในตอนนี้ลันน์ลภัสได้พิสูจน์แล้วว่าพยัคฆ์สาวตัวนี้ตาคนนี้ได้ติดเขี้ยวเล็บให้เรียบร้อยจนพร้อมนำไปใช้แล้วเพียงแค่ไม่แสดงออกก็เท่านั้น
‘วะ เจ้าตัวดีให้มันได้อย่างนี้สิ สมแล้วที่เป็นหลานตา’
