บทที่10 รัชพล
ปัจจุบัน
ง๊าววว
เสียงร้องอ้อน ๆ พร้อมกับการเข้ามาคลอเคลียของเจ้าต้นเพลิงเรียกให้ลันน์ลภัสต้องดึงสติกลับมาในปัจจุบัน หญิงสาวลูบเจ้าแมวน้อยก่อนจะเลื่อนไปลูบศีรษะของลูกสาวที่ยังคงหลับอย่างไร้เดียงสา
“แม่ขอโทษนะลลินน์ ตอนนั้นแม่เชื่อมั่นในตัวเองเกินไปหนูเลยต้องมารับกรรมไปด้วย ตอนนี้มันถึงเวลาที่แม่ต้องจบเรื่องนี้แล้ว ไม่มีเขา แม่ก็จะดูแลหนูให้ดี แม่รักหนูนะ” หญิงสาวบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงเบาพลางลูบปรอยผมอย่างอ่อนโยน
เธอผิดที่ใช้อุบายเพื่อผูกมัดเขา ในขณะที่เขาก็ผิดที่ไม่เคยจะหันกลับมาฟัง ผลทั้งหมดตกที่หนูน้อยลลินน์ เพื่อความสุขของลูกในภายภาคหน้า เธอจึงควรจะหยุดมัน หยุดทั้งความรัก หยุดทั้งความแค้น หยุดทุกอย่างที่มันจะทำร้ายแก้วตาดวงใจของเธอไปมากกว่านี้
แม่เลี้ยงแห่งไร่อิงตะวันมองใบหน้าหนูน้อยที่เหมือนพ่อไม่มีผิดอีกครั้งก่อนจะตัดใจลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
ข้างนอกฝนยังคงตกหนักไม่ต่างจากฝนในใจของลันน์ลภัส ฝนในใจเธอมันยังคงตก และเธอก็ยังคงเปียกปอนอยู่เรื่อย ๆ ภายนอกเธอไม่ร้องไห้ แต่ในใจเธอกลับชุ่มไปด้วยฝนน้ำตา ไม่หรอก เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นมานานแล้ว แต่ที่ใจยังคงเปียกปอนด้วยฝนน้ำตาก็เพราะในทุกวันเธอต้องมองหนูน้อยลลินน์เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อต่างหากละ
ในวันที่จบเรื่องที่เธอก่อไว้นี่ได้จริง ๆ วันนั้นหนูน้อยลลินน์ก็คงได้เจอกับพ่อ วันนั้นฝนในใจเธอก็คงจะหยุดตก...ก็หวังว่าเขาจะกลับมาและเจอลูกสาวที่เขาไม่รู้สักครั้ง
แม้ว่าวันนั้นเธอจะต้องแลกด้วยการจบการแต่งงานที่เธอได้มาด้วยความยากลำบาก
อีกฟากฝั่งหนึ่ง
ดึกแล้วแต่ใครหลายคนยังคงทำงานอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในโกดังร้างที่ค่อนข้างมืดและห่างไกลผู้คนไม่ได้เงียบเชียบดั่งเช่นพื้นที่รอบนอก เสียงปืนสาดใส่กันไปมายังคงดังสนั่น
มันเป็นการต่อสู้ที่กินเวลามานับชั่วโมงแต่ทุกอย่างก็ยังไม่คลี่คลาย นัยน์ตาคู่คมกวาดมองหาใครคนนึงที่เขาตามล่าตัวมาเนิ่นนานระคนพยายามตั้งสติ วันนี้ ที่นี่ และในอีกไม่ช้าเขาจะต้องได้ตัวใครคนนั้นเพื่อจบเรื่องวุ่น ๆ ตลอดหลายปีมานี้สักที
สายตาที่สอดส่ายไปมาหยุดนิ่งเมื่อได้เห็นคนที่ตามหาอยู่ หน้าตาที่เปลี่ยนไปแต่ให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนเหมือนเดิมที่อยู่ในครรลองสายตาส่งผลให้รัชพลกัดฟันกรอด
เป็นมันแน่นอน เสี่ยพจน์ที่เขาตามล่าตัวมาหลายปี ใจที่อยากจะจับให้ได้เต้นระทึก ถ้าครั้งนี้เขายังจับตัวเสี่ยพจน์ไม่ได้ครั้งต่อไปมันคงจะระวังตัวมากขึ้น ทุกอย่างจะยากคิดและเผลอ ๆ มันอาจจะแว้งมากัดเขาเข้าให้
ชายหนุ่มรีบตามไปทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะหลบหนีออกไปจากโกดัง ผู้หมวดพิชญะมองตามก่อนจะรีบพานายตำรวจอีกสามนายตามไป พับผ่าสิ วันนี้ผู้กองรัชพลช่างใจร้อนบุ่มบ่ามผิดไปจากปกติเสียจริง
ลึก ๆ แล้วรัชพลรู้ตัวดีว่าตัวเขาในวันนี้ใจร้อนและไม่คิดหน้าคิดหลังกว่าวันไหน ๆ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เขาตามล่าเสี่ยพจน์มาเกือบหกปี
เสี่ยพจน์และลูกน้องคนสนิทรีบสาวเท้าวิ่งขณะที่ลูกน้องอีกส่วนยิงคุ้มกัน ใบหน้าที่แตกต่างไปจากใบหน้าดั่งเดิมปูดโปนด้วยความแค้นเคืองและเกรี้ยวกราด หลายปีมานี้เขาทั้งเปลี่ยนหน้าและเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเพื่อหลบหนีคดี หวังว่าจะสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้งก่อนจะไปแก้แค้นชนิดที่ว่าจัดการพ่อเลี้ยงภากรได้อยู่หมัด แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าที่การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าของเขาถูกขัดขวางด้วยกำลังตำรวจโดยมีคนที่เขาเคยคิดจะจัดการมันให้เหลือแต่ชื่อเป็นตัวตั้งตัวตี หลายปีมานี้มันจองล้างจองพลาญเขามาตลอดและเกือบจะเข้าถึงตัวเขาได้มานับครั้งไม่ถ้วน
จนหลายเดือนก่อนเขาเปลี่ยนแผนใหม่จนพวกมันมาขัดขวางไม่ได้ การค้าที่ถูกขัดขวางมีสภาพคล่องขึ้น ทุกอย่างราบรื่นจนเขาตายใจกล้ามาพบลูกค้ารายใหญ่ด้วยตัวเอง
นึกไม่ถึงว่านี่มันจะเป็นแผนเพื่อล่อเขาออกมา ไอ้เด็กสารเลวนั่นมันคิดจะจับเขาและจัดการให้สิ้นซากทั้งขบวนการ เจ็บใจนัก เขาน่าจะให้คนเก็บมันซะตั้งแต่วันแรกที่มันปฏิเสธจะทำงานให้เขา
“เสี่ยครับ ไอ้รัชพลมันตามมาแล้ว”
“ยิงสกัดมันไว้สิไอ้โง่ จะให้มันมาจับกูหรืองะ...”
ปัง!
ไม่ทันที่ลูกน้องคนสนิทจะได้ยินสกัดกระสุนปืนจากฝั่งคนที่ตามมาก็พุ่งมาเฉียดปลายเท้าขวาของเสี่ยพจน์อย่างจงใจจนเสี่ยใหญ่นึกเสียวสันหลังวาบ
“คิดจะหนีอีกเหรอ ผมไม่ยอมให้เสี่ยหนีไปได้อีกหรอก” รัชพลที่ยังคงตั้งท่าพร้อมจะลั่นไกเพิ่มถ้าอีกฝ่ายขยับเอ่ยพร้อมกับจ้องมองคนที่เกือบจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องย่อยยับอย่างเย็นชา
“มึงนี่มันจองล้างจองพลาญกูจริง ๆ ไอ้รัชพล กูน่าจะเก็บมึงตั้งแต่ก่อนไอ้แก่ภากรมันจะเข้ามายุ่ง” เสี่ยพจน์สบถอย่างหัวเสีย ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์โดนต้อนจนมุมแบบนี้จากไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่เขาเคยคิดว่าจัดการได้ง่าย ๆ
รัชพลยักไหล่พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก “ก็ต้องโทษตัวเองนั่นแหละเสี่ย ต้องโทษตัวเองที่เก็บผมไม่ได้ ผมเลยมาทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรตามจองล้างจองพลาญเสี่ยแบบนี้”
เสี่ยพจน์กำหมัดแน่น หน้าตาทมึงถึงจนลูกน้องนึกกลัว ปืนที่เคยอยู่ในมือคนสนิทถูกกระชากมายิงใส่รัชพลทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มกระโดดหลบก่อนจะยิงสวนอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครคาดคิดว่าเสี่ยพจน์จะบ้าบิ่นสาดกระสุนใส่ก่อนอย่างไม่กลัวตาย เสี่ยพจน์กำลังบ้าคลั่งเพระคำพูดของรัชพลที่คล้ายจะเยาะเย้ยว่าไม่มีปัญญาจัดการจนปล่อยให้กลับมาตามจองล้างจองพลาญ
มันเป็นเรื่องที่ลูกน้องต่างรู้กันมาโดยตลอดว่าเสี่ยพจน์เจ็บใจแค่ไหนกับการปล่อยให้รัชพลมีชีวิตรอด การที่รัชพลหยิบยกเรื่องนี้มาพูดมันทำให้เสี่ยพจน์รับไม่ได้และมีสภาพอย่างที่เห็น
“หยุดบ้าได้แล้วเสี่ย เข้าไปอยู่กับพิทธพงษ์ในคุกซะเถอะ ลูกชายรอนานแล้ว” ทั้งที่เห็นว่าเสี่ยพจน์กำลังโกรธจัดแต่รัชพลก็ยังคงสาดคำพูดยั่วยุใส่ มันอาจจะเสี่ยงไปบ้างแต่ยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเปิดช่องว่างให้เขาเล่นงานได้มากขึ้น จะจับเสี่ยพจน์ให้อยู่หมัดก็คงจะต้องใช้กำลังกันหน่อย
และแล้วรัชพลก็ได้โอกาส เขาเล็งต้นขาขวาของเสี่ยพจน์ที่กำลังมองซ้ายมองขวาหาเขาที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนจะลุกขึ้นจากที่กำบังลั่นไกปืนทันทีอย่างไม่ลังเล
ปัง!
คมกระสุนอันตรายพุ่งไปฝังที่ต้นขาขวาของเสี่ยพจน์ในจุดที่รัชพลเล็งไว้พอดิบพอดี ร่างท้วมของเสี่ยใหญ่วัยกลางคนทรุดลงทันทีแต่ก็ยังมิวายยิงสวนมา รัชพลพุ่งตัวหลบอีกครั้งก่อนที่คราวนี้เขาจะเล็งไปที่ข้อมือของเสี่ยพจน์ และสาดกระสุนอีกหลายนัดเล็งไปที่ต้นขาของกลุ่มลูกน้องจนทำให้ฝ่ายตรงข้ามพานักโทษหนีคดีหนีไม่ได้อีก
“มันจบแล้วเสี่ย” ทันทีที่สถานการณ์คลี่คลายกำลังตำรวจก็เข้ามาล้อมเสี่ยพจน์และลูกน้องไว้ ลูกน้องคนสนิทถูกจับใส่กุญแจมือเป็นที่เรียบร้อยจะมีก็แค่เสี่ยพจน์ที่ยังไม่ต้องพันธนาการ
ไม่ใช่เพราะให้เกียรติหรือมีอะไรให้ต้องเกรงกลัว แต่เพราะก่อนจะมาล้อมจับในวันนี้รัชพลได้ขอผู้บังคับบัญชาไว้แล้วว่าขอเป็นคนจัดการและจับเสี่ยพจน์ใส่กุญแจมือด้วยตัวเอง
ชายหนุ่มก้าวเข้ามายืนตรงหน้าพลางมองใบหน้าแดงก่ำโดยความแค้นเคืองและเจ็บปวดของเสี่ยพจน์อย่างนึกสมเพช ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเดินเข้ามาในเส้นทางมืดโดยไม่ละอายใจต่อบาปเขาก็คงไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆ ด้วย และถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายคิดจะทำร้ายครอบครัวของเขาจนมีคนต้องสังเวยชีวิตไปเขาก็คงจะไม่ตามจองล้างจองพลาญมาถึงทุกวันนี้
“พจน์ พิพัฒนณรงค์ คุณถูกจับแล้ว” มือหนายื่นไปจับแขนขวาของเสี่ยพจน์ใส่กุญแจมือพร้อม ๆ กับที่เอ่ยกับคนร้ายที่หลบหนีคดีมานาน
“ถ้ากูรอดไปได้กูสาบานจะไปจัดการนังหลานสาวจอมแส่ของไอ้แก่ภากรกับครอบครัวมึงให้ไม่เหลือสักคน” เสี่ยพจน์ที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์แผดเสียงรอดไรฟันด้วยความเจ็บปวดและขุ่นเคือง เขาสาบานกับตัวเองจริง ๆ ถ้าเขาหนีไอ้สารเลวนี่ได้เขาจะไม่รีรอที่จะแก้แค้นเหมือนที่ผ่านมา หกปีมานี้เขาคิดว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับพ่อเลี้ยงภากรได้จึงไม่เคยไปยุ่งแต่ข่าวล่าสุดที่ได้รู้คือไอ้แก่นั่นตายไปห้าปีแล้ว ไม่มีไอ้แก่ภากรหลานสาวไอ้แก่นั่นกับครอบครัวของไอ้รัชพลก็นับเป็นอะไรได้ ขอแค่เขารอดไปได้ เขาจะฆ่าพวกมันด้วยตัวเอง
“กูจะฆ่าให้หมด ไม่ให้เหลือสักคน”
“มึงจะไม่ได้ทำแบบนั้นแน่นอน เพระถ้ามึงคิดหนีคราวนี้กระสุนนัดถัดไปมันจะโป้งลงตรงนี้” ไม่เพียงแค่พูดแต่ปลายกระบอกปืนยังเลื่อนมาจ่อที่หัวราวกับบอกว่าเขาพร้อมจะลั่นไกถ้าอีกฝ่ายคิดจะหาทางหนี
“ถึงกูไม่รอด แต่ลูกกูก็จะจัดการแทนกู ไอ้แก่ภากรก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคุมกะลาหัวพวกมึงได้อีก”
หัวใจกระตุกวูบในตอนที่ปากอัปมงคลนั่นพูดว่าพ่อเลี้ยงภากรไม่อยู่แล้ว เหลวไหล พ่อเลี้ยงภากรคนนั้นน่ะหรือไม่อยู่แล้ว
ทั้งที่สมองมึนงงไปหมดแต่รัชพลก็ยังเรียกสติกลับมาได้ก่อนจะถอนใจระอาและบอกกับเสี่ยพจน์ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “หุบปากหมา ๆ นั่นซะเสี่ยพจน์ ทุกอย่างมันจบแล้ว ลูกมึงก็ไม่มีทางหลุดจากลูกกรงมาทำร้ายใครหรอก มึงเองก็เหมือนกัน”
เสี่ยพจน์ยังคงดิ้นไม่ยอมจำนนแต่ก็ไม่อาตสู้แรงของรัชพลได้ ชายหนุ่มจัดการใส่จับให้อีกฝ่ายลุกขึ้นหลังจากที่พันธนาการอีกฝ่ายด้วยกุญแจมืออย่างแน่นหนา ‘ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้วสินะ’
ปัง!
ทว่าไม่ทันจะได้พาตัวคนร้ายทั้งหมดไปที่รถกระสุนไร้ทิศทางก็สาดมาใส่กลุ่มตำรวจ จนต้องหลบกันจ้าละหวั่น เสี่ยพจน์ถูกรัชพลดึงตัวมาหลบก่อนจะกวาดสายตามองหาทิศทางที่ยิงมา ทว่าคนที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์กลับอาศัยจังหวะนั้นพุ่งตัวเข้าใส่รัชพลจนชายหนุ่มล้มลงไปกับพื้นก่อนที่จะกัดฟันวิ่งหนี
ในใจคิดเพียงจะต้องหนีไปให้ได้เพื่อที่จะกลับไปแก้แค้นทุกคนที่มันทำให้เขาต้องมามีสภาพแบบนี้
