บทที่6 ไม่ยอม
“อะไรนะ!”
เสียงอุทานของหญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายล้านนาท่วงท่าดูเรียบร้อยราวกับสาวล้านนาสมัยเก่าดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความร้อนรนใจที่ทำให้นั่งไม่ติดทำเอารณพีร์ต้องถอนใจพรืด
กะแล้วเชียวว่าอีกฝ่ายจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ถ้าได้รับรู้ว่าลัลน์ลภัสตัดสินใจจะหย่า
รณพีร์มองใบหน้าที่คล้ายกันราวกับแกะของรัชนีญาน้องสาวฝาแฝดที่ตอนนี้ทั้งร้อนรนและตกใจก่อนจะถอนใจและย้ำอีกครั้งถึงวาระสำคัญของการมาบอกเล่าให้ฟัง “ลูกจันทร์มันจะหย่า ไม่ได้พูดเล่น ๆ ด้วย”
“ไม่ได้ จะให้ยัยลูกจันทร์หย่าไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ทำอะไรสักอย่างสิเพชร”
“จะทำยังไง บอกพี่เพลิงเรื่องลลินน์ก็ไม่ได้ หาข้ออ้างร้อยแปดพันเก้าให้กลับมาก็ไม่ยอมมาสักที ไอ้พี่บ้านั่นก็อะไรหนักหนา” พอมาคุยกับน้องสาวฝาแฝดแล้วอีกฝ่ายดูร้อนรนใจจนคิดอะไรไม่ออกยิ่งไปกว่าเขาอารมณ์ที่พยายามเย็นมาตลอดก็ระงับไม่อยู่ ถ้าไม่ติดว่าคนที่พูดถึงเป็นพี่ชายแล้วละก็เขาก็อยากจะด่าไปถึงโคตรเหง้าจริง ๆ คนบ้าอะไรบ้างานจนไม่ลืมหูลืมตา
“แกต้องใจเย็นสิเพชร ถ้าฉันใจร้อนแกต้องเย็น”
“ไม่รู้แล้วเว้ย อารมณ์ไม่ดี ไอ้ภูผาก็ดันโผล่มาเป็นปลัดที่นี่ เลิกเชียร์พี่โง่ ๆ ไปเชียร์ไอ้ปลัดซะดีมั้ยจะได้ไม่กลุ้ม”
“ห๊ะ ภูผาที่เคยชอบลูกจันทร์อะนะ” รัชนีญาถึงกับอุทานเสียงหลงเมื่อได้ยินแว่ว ๆ ถึงภูผา ถ้าเป็นภูผาเพื่อนของรณพีร์ที่เคยชอบลัลน์ลภัสแล้วละก็เธอจำได้แม่น ผู้ชายคนนั้นที่ดูเป็นคนดีกว่าพี่ชายคนโตของเธอเป็นไหน ๆ คนนั้นที่ได้ข่าวว่าไปเล่าเรียนและทำงานที่จังหวัดอื่นกลับมาแล้วเหรอ
“เออ เจอตัวเป็น ๆ เมื่อสายนี้เอง ดูดีมาแต่ไกลซะด้วย”
“โอ้ย พ่อเลี้ยงศรุตก็ไม่แผ่ว ภูผายังโผล่มาอีก ถ้าพี่เพลิงไม่กลับมาเห็นทีน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันจะกร่อน”
“ไม่รู้แล้ว คิดไม่ออกจะทำไงดี เลิกคิดซะดีกว่า ยอมให้หย่ากันไปเถอะ พ่อแม่ก็อึดอัดมานานแล้ว” คิดไปคิดมารณพีร์ก็ตัดบทอย่างปวดหัว จะว่าไปแล้วเรื่องของพี่ชายกับเพื่อนสาวมันก็ทำให้ครอบครัวเขาอึดอัดมาหลายปี เพราะลัลน์ลภัสเจ้าทิฐิขอร้องไม่ให้ใครพูดเรื่องลูกกับรัชพล ถึงขั้นขู่ว่าถ้ามีใครบอกเรื่องนี้กับรัชพลเธอจะไม่ยอมให้เข้าใกล้ยัยหนูอีก ให้หย่ากันไปซะก็ท่าจะดี แต่หย่าแล้วจะส่งผลยังไงก็ถือซะว่าเป็นกรรมของไอ้พี่โง่ก็แล้วกัน
“คิดว่าอย่าแล้วจะจบเหรอ ไม่จบหรอก พอหย่ากัน พี่เพลิงมีหรือจะหัวดื้อไม่กลับมา แล้วพอพี่เพลิงกลับมาก็ต้องเจอหนูลลินน์ นิสัยอย่างพี่เพลิงมีเหรอจะยอมเรื่องหนูลลินน์ มันไม่จบหรอกเพชร ไม่จบแน่นอน ถึงตอนนั้นมันจะแย่กว่านี้”
“แล้วจะเป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ”
“ไม่” แฝดผู้น้องแย้งเสียงดังฟังชัดก่อนจะเดินไปเดินมาเพื่อคิดหาวิธียับยั้งการยื่นใบหย่าครั้งนี้ของลันน์ลภัส ไม่ว่าอย่างไรรัชนีญาก็ไม่ยอมให้การแต่งงานของพี่ชายและเพื่อนสนิมจบลงแบบนี้ ถ้าจะจบ มันควรจะจบลงด้วยดี และจากกันด้วยดี ไม่ใช่ต่างคนต่างจบโดยที่พี่ชายเธอไม่รับรู้เรื่องลูกสาวแบบนี้
“ทำยังไงดีละ ช่วยคิดหน่อยสิเพชร”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะเคารพการตัดสินใจของจันทร์ จะคิดจะทำอะไร ก็ทำเลย อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยว ฉัน-ไม่-ยุ่ง”
“เพชร!”
“ไปละ มีงานต้องทำ” รณพีร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ ทั้งสิ้น เขารีบตัดบทและเดินจากน้องสาวฝาแฝดไปในทันที
รัชนีญาแทบจะก่นด่าพี่ชายฝาแฝด ตาคนนี้นี่ยังไง นึกจะมาเล่าก็มา นึกจะเลิกคิดก็เลิก นี่มันเรื่องที่ต้องช่วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้
แต่ช่างสิ ไม่ช่วยกันก็ตามใจ เธอหาทางเองคนเดียวก็ได้
“เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณยาย”
เวลาต่อมา
ความมืดโรยตัวครอบคลุมไปทั้งผืนแผ่นดิน มีเพียงแสงไฟที่ให้ความสว่างทำให้ไร่อิงตะวันไม่มืดมิดจนเกินไป คนงานส่วนใหญ่หลังเลิกงานก็กลับมานอนหลับพักผ่อนกันที่บ้านพักซึ่งอยู่ท้ายไร่ บ้างก็สุมหัวพูดคุยกันเฮฮา บ้างก็ใช้เวลากับครอบครัว เวลาหลังเลิกงานเป็นเวลาพักของทุกคน หากแต่เจ้าของไร่แห่งนี้กลับไม่ได้พักผ่อนดั่งเช่นเหล่าคนงาน
ภายในห้องทำงานของเจ้าของไร่อิงตะวันมักจะเงียบสนิทมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศแม้ว่าลันน์ลภัสจะนั่งอยู่ภายในห้อง ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ วันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ วัน ดีหน่อยที่ด้านนอกฝนเริ่มตกทำให้ได้ยินเสียงเม็ดฝนตกลงมากระทบหลังคาไม่อย่างนั้นแล้วบรรยากาศภายในห้องนี้คงจะวังเวงน่าดู
แม่เลี้ยงแห่งไร่อิงตะวันยังคงนั่งทำงานอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะพัก บุษรินทร์ลอบมองเจ้าของไร่คนเก่งอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในห้องและวางน้ำส้มคั้นลงบนโต๊ะ “น้ำส้มคั้นค่ะแม่เลี้ยง ป้าเอื้องแกคั้นให้แม่เลี้ยงโดยเฉพาะเลยนะคะ”
“ขอบใจนะ”
“แม่เลี้ยงทำงานดึกแบบนี้ทุกวันเลย เวลาพักก็ควรจะพักนะคะ” บุษรินทร์ชวนคุยขณะที่ลอบมองกิริยาท่าทางของเจ้าของไร่ยังสาวอย่างพิจารณา ลันน์ลภัสจัดได้ว่าเป็นสาวสวย ไม่สิ เป็นคนสวยมาก ๆ และสง่างามมาก ๆ เลยละ แต่น่าเสียดายที่วัน ๆ เธอคนนี้เอาแต่วุ่นอยู่กับงานในไร่และโรงแรมแทนที่จะพักผ่อนให้สบายเหมือนกับลูกผู้รากมากดีในวัยเดียวกัน
จะว่าเพราะงานในไร่เยอะมันก็ใช่อยู่หรอก แต่เธอเองก็มีผู้ช่วยไม่ใช่เหรอทำไมถึงไม่ยกงานให้ผู้ช่วยคนนั้นทำซะบ้างนะ นายผู้ช่วยคนนั้นเธอก็เห็นวัน ๆ เดินวนแค่ในไร่ ไม่เห็นจะยุ่งอะไรเลย
“สมัยคุณตายังอยู่ ท่านทุ่มเทให้ไร่และคนงานมาก ท่านรักไร่นี้และฝากฝังไว้กับพี่ พี่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอกบัว” หญิงสาวที่ต้องดูแลคนงานนับพันตอบ แต่ที่พูดไปก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ความจริงแล้วเธอจะพักก็ย่อมได้ อยู่เฉย ๆ สักปีสองปีก็ไม่มีปัญหา แต่การทุ่มเทให้กับงานและครอบครัวมันคือสิ่งที่ทำให้เธอในตอนที่รับช่วงต่อที่นี่ใหม่ ๆ ไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดถึงผู้ชายใจร้ายทำไปทำมาเธอเลยชินกับการทำงานจนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เสียแล้ว
“แต่ก็ควรหาเวลาพักและมีเวลาให้ตัวเองบ้าง” เสียงแหบชราที่คุ้นเคยดังเข้ามาภายในห้องพร้อมกับที่ร่างสมส่วนของหญิงชราจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่พยุงเดินเข้ามา
“คุณยาย” ลันน์ลภัสส่งเสียงเรียกพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปหา นึกแปลกใจอยู่ลึก ๆ ที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วแม่เลี้ยงลาวัลย์ผู้เป็นยายยังไม่พักผ่อนแถมยังมาหาเธอถึงห้องทำงาน
“ทั้งสองคนออกไปก่อนฉันมีเรื่องจะคุยกับแม่เลี้ยงหน่อย” แม่เลี้ยงลาวัลย์หันไปบอกเด็กสาวในความอุปถัมภ์อย่างรินรดาก่อนจะบอกกับบุษรินทร์ ทั้งสองสาวต่างวัยรับคำของคนชราแล้วออกไปอย่างว่าง่าย
ภายในห้องกลับมาเงียบเช่นเดิม มีเพียงหลานสาวและคุณยายที่พยุงกันไปนั่งบนโซฟา ไม่รอให้เนิ่นนานคนมีจุดประสงค์ในการมาหาหลานก็พุ่งตรงยิงคำถามใส่คนเป็นหลานในทันที
“จะหย่าจริง ๆ หรือลูกจันทร์”
หญิงสาวที่ได้ยินคำถามชะงักนิ่งไปชั่วขณะ คำถามที่ส่งมาไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจของลันน์ลภัสเลยแม้แต่น้อย แต่ที่ชะงักไปก็เพราะตกใจที่แม่เลี้ยงลาวัลย์ผู้เป็นยายล่วงรู้เรื่องที่ตัวเธอยังไม่ได้บอกเล่าให้ฟังต่างหากล่ะ
“คุณยายรู้ได้ยังไงคะ ลูกจันทร์ยังไม่ได้เล่าให้ฟังเลย”
แม่เลี้ยงลาวัลย์ถอนใจเบา ๆ เมื่อข่าวสารที่ได้ยินมาไม่ใช่ข่าวโคมลอยแต่เป็นเรื่องจริง หลังจากวางมือจากไร่ชาและโรงแรมที่ร่วมบุกเบิกมากับสามีที่เสียชีวิตไปแล้วแม่เลี้ยงลาวัลย์ก็ใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ โดยไม่เข้ามามีบทบาทใด ๆ ในไร่และโรงแรมอีก เธอยกการตัดสินใจในทุก ๆ เรื่องให้กับลันน์ลภัสหลานสาวเพียงคนเดียวที่ได้รับมรดกทั้งหมดของเธอและสามี ทุกการตัดสินใจของลันน์ลภัสเธอไม่เคยที่จะโต้แย้งเลยรวมไปถึงเรื่องส่วนตัวของหลานสาวด้วย แต่วันนี้เธอคงจะนิ่งเฉยไม่ได้กับการตัดสินใจครั้งใหญ่ของหญิงสาว
“พลอยเล่าให้ยายฟัง” ประโยคแรกแม่เลี้ยงลาวัลย์พูดถึงที่มาที่ทำให้รู้ข่าวก่อนและตามด้วยการถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งในประโยคท้าย “เราจะหย่ากับพ่อของยัยหนูจริง ๆ เหรอลูกจันทร์”
พอได้รู้ว่าใครเป็นคนบอกเล่าลันน์ลภัสก็ได้แต่ค่อนขอดในใจ เธอยังไม่ได้เล่าให้รัชนีญาฟังเลยด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายกลับรับรู้ซ้ำยังเอามาบอกเล่าให้คุณยายของเธอฟังเข้าเสียอีก น่าตีนักเชียวยัยคนนี้
“เฮ้อ พลอยนี่เองที่ปากโป้ง คงจะรู้จากเพชรมาอีกที...ไม่ไหวเลยเดี๋ยวจะต้องบ่นสักหน่อย”
“เพื่อนเขาเป็นห่วงเราก็เลยมาเล่าให้ยายฟัง อย่าไปโกรธไปเคืองพลอยเลย เราน่ะแหละ บอกยายมาได้แล้ว ว่าจะหย่าจริง ๆ เหรอ”
“เป็นความจริงคะคุณยาย ลูกจันทร์จะหย่า” เจ้าของไร่สาวที่ต้องดูแลคนงานนับพันต่อจากผู้เป็นตาและยายตั้งแต่อายุยังน้อยตอบไปตามความจริงโดยไม่คิดที่จะปิดบังพลางถอนใจเบา ๆ “คุณยายก็รู้นี่คะว่าสถานะของเราสามคนพ่อแม่ลูกมันมีอยู่แค่ในกระดาษ ลูกจันทร์กับลลินน์อยู่ที่นี่ ใคร ๆ ก็แทบจะคิดว่าเรามีกันแค่สองแม่ลูก อีกอย่างเขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีลลินน์ ลูกจันทร์เลยคิดว่าตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากการที่ลลินน์ไม่มีพ่อหรอกค่ะ หย่ากันไปซะจะดีกว่า อย่างไรเสียลูกจันทร์กับเขาก็ไม่ได้รักกัน”
หญิงชรามองสบตาคู่คมกริบที่สงบนิ่งราวกับไร้ความรู้สึกของหลานสาวอย่างพิจารณาแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ลันน์ลภัสเก็บซ่อนอารมณ์และความรู้สึกไว้มิดชิดทีเดียวแม้จะมองอย่างไรก็ยังไม่สามารถมองออกได้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ หลานคนนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการหย่าร้างจริง ๆ น่ะหรือ
คนอาบน้ำร้อนมาก่อนทอดถอนใจก่อนจะถามในสิ่งที่อาจจะทำให้ลันน์ลภัสเผยความรู้สึกออกมาได้บ้าง “แน่ใจแล้วเหรอว่าไม่ได้รัก”
คำถามของแม่เลี้ยงลาวัลย์ทำให้คนที่มักไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทางสีหน้านิ่งเงียบไปแต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไปอย่างมุ่งมั่น “ลูกจันทร์ตัดสินใจแล้วค่ะคุณยาย หลังวันเกิดลลินน์ลูกจันทร์จะคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของเขา”
“อย่าห้ามลูกจันทร์เลยนะคะ บางทีหย่าแล้วลูกจันทร์อาจจะเจอผู้ชายดี ๆ ที่รักยัยหนูได้อย่างบริสุทธิ์ใจก็ได้ ใครจะไปรู้ละคะ” หญิงสาวเอ่ยมองอย่างมุ่งมั่น ประโยคหลังเธอพูดมันออกมาอย่างไม่จริงจังก่อนจะเข้ามาพยุง “ดึกแล้ว ลูกจันทร์พาคุณยายไปนอนดีกว่า มาค่ะ”
“นี่”
“เราไม่คุยเรื่องนี้กันดีกว่านะคะคุณยาย” หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้มจริงจัง นั่นหมายถึงเธอได้ตัดสินใจมันอย่างแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนใจของเธอไม่ได้...แม้แต่เขาคนนั้นจะมาคุกเข่าวิงวอนตรงหน้าก็ตาม
คนเป็นยายได้แต่ทอดถอนใจ รู้ดีว่านาทีนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ห้ามหลานสาวไว้ไม่อยู่แล้ว ก็คงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามที่ฟ้าลิขิต อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด
