บทที่4 หย่าคืออะไร
คำว่าจะหย่าที่ลันน์ลภัสไม่เคยพูดออกมาสักครั้งทำให้รณพีร์ตกใจจนแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ ชายหนุ่มหันกลับมามองเพื่อนสาวที่ส่งสายตามุ่งมั่นมาให้ราวกับเจอผีหลอก
“อย่ามาล้อเล่นนะ ไม่ตลก” รณพีร์ส่ายหน้าพรืด เรื่องนี้ลันน์ลภัสต้องล้อเขาเล่นแน่ ๆ จะหย่าเนี่ยนะ ล้อเล่นนา ห้าหกปีมานี้เธอไม่เคยพูดมันเลยสักครั้ง
ลันน์ลภัสมองสบตาชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นอาของลูกสาวก่อนจะย้ำชัดถึงสิ่งที่พูด “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจะหย่าจริง ๆ ”
“นี่! นี่แกกล้าพูดว่าจะหย่าต่อหน้าน้องผัวแบบนี้เลยเหรอ”
“อื้อ ฉันจะหย่ากับเขา ก็อย่างที่แกบอก มันมีซ้ายมีขวาให้เลือก ฉันก็ต้องเลือก ขาดเขาฉันกับลูกก็อยู่กันได้”
ในหัวของรณพีร์มีแต่คำว่าเอาจริงดิวนไปวนมาอยู่จนรู้สึกวิงเวียน นี่ลันน์ลภัสจะหย่าจริง ๆ เหรอ
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเพิ่มจากทั้งคนบอกกล่าวและคนได้รับการบอกกล่าว แต่ทว่าทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่านอกจากทั้งคู่แล้วยังมีคนได้ยินบทสนทนานี้อยู่ด้วย และก็เป็นคนที่ทั้งคู่ไม่คิดจะให้รับรู้เสียอีก
“หย่าคืออะไรเหรอคะพี่บัว” น้ำเสียงที่มักจะสดใสถามขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามองพี่เลี้ยงของตนที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของแม่จ๋าและอาเพด เพราะอยากจะแกล้งให้ตกใจเล่นเด็กหญิงพิมพ์รตาจึงได้แอบอ้อมไปด้านหลังผู้เป็นอาหมายจะโผล่เข้าไปหาให้ตกใจแต่ทั้งแม่จ๋าและอาเพดต่างก็พูดคุยเรื่องเคร่งเครียดกันอยู่หนูน้อยจึงถูกพี่เลี้ยงสาวพาย่องกลับออกมา
หย่าคืออะไร ทำไมแม่จ๋าถึงได้พูดว่าจะหย่า
“พี่บัวบอกลลินน์หน่อยสิคะ หย่าคืออะไร”
“เอ่อ คือ...” คนเจอคำถามถึงกับอธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะบอกหนูน้อยอย่างไรดี จะให้โกหกก็ดูเหมือนยัยหนูจะฉลาดเกินกว่าจะเชื่อ แต่จะให้พูดไปตามความจริง...มันก็เหมือนจะไม่ควร
“คืออะไรคะ บอกลลินน์นะคะ เดี๋ยวลลินน์แบ่งอมยิ้มให้”
“โธ่” ได้ยินคำพูดน่าเอ็นดูบุษรินทร์ก็ไปไม่เป็น จะให้เธอพูดจริง ๆ น่ะหรือว่าหย่าหมายถึงแม่จ๋าจะเลิกรากับพ่อของหนูน้อยน่ะ
“โกหกผิดศีลนะคะ”
“เฮ้อ หย่าคือเลิกกันน่ะค่ะ” แม้จะทำใจลำบากที่จะต้องพูดแต่บุษรินทร์ก็ยอมบอกเล่าไปตามความเป็นจริงแค่เพียงสั้น ๆ ก็ได้แต่หวังว่ายัยหนูตัวน้อยจะไม่ถามเพิ่มให้เธอต้องขยายความ
เด็กหญิงพิมพ์รตายังคงมองพี่เลี้ยงของตนตาแป๋ว แน่นอนว่าเธอมีคำถามที่ต้องการจะรู้ และไม่ปล่อยให้คำถามนั้นลอยหายไปโดยไม่ได้รับการแถลงไข “เลิกกันคือไม่รักแล้วใช่มั้ยคะ แล้ว แล้วแม่จ๋าจะเลิกกับใครเหรอคะ”
“คือว่า...”
“กับใครเหรอคะพี่บัว” ยัยหนูถามย้ำ เธอเข้าใจว่าเลิกก็คือไม่รัก แม่จ๋าของเธอจะไม่รักใครกันล่ะ ไม่รักได้ยังไง ต้องรักสิ แม่จ๋าเคยบอกว่าความรักเป็นของขวัญจากฟ้า คนที่ได้รับความรักก็คือคนโชคดีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องไม่รักกันล่ะ
“กับอาเพดเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ กับพ่อของน้องลลินน์ต่างหาก อะ...” เพราะกลัวเด็กน้อยเข้าใจผิดคิดว่าแม่กับอาจะไม่รักกันบุษรินทร์จึงรีบอธิบายแต่แล้วก็ต้องกัดปากเมื่อเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูดที่สุดออกไปแทน
อายุขนาดนี้หนูน้อยเข้าใจคำว่าพ่อเป็นอย่างดี เวลาที่เธอถามถึงพ่อจ๋า แม่จ๋าก็จะบอกว่าพ่อจ๋าไปทำงานในที่แสนไกลไว้ลลินน์โตแล้วจะได้เจอพ่อจ๋า แต่แม่จ๋าไม่เคยพูดว่าไม่รักพ่อจ๋า แต่ตอนนี้ทำไมแม่จ๋าถึงจะไม่รักพ่อจ๋าล่ะ ทำไม
“ทำไมแม่จ๋าจะไม่รักแล้วล่ะ”
“บางเรื่องมันก็เข้าใจยากเกินไปสำหรับน้องลลินน์ พี่บัวว่าน้องลลินน์อย่าเก็บมาคิดเลยนะคะ พี่ว่าเราเข้าใจผิดกันมากกว่า แม่จ๋าน่าจะตามพ่อจ๋ากลับมาหาน้องลลินน์มากกว่า”
“เหรอคะ” ยัยหนูเหมือนจะไม่เชื่อที่บุษรินทร์พูดแต่พี่เลี้ยงคนใหม่ก็ทำให้หนูน้อยเชื่อได้ในที่สุด
“จริงสิคะ เหมือนที่น้องลลินน์บอกว่าจะไม่คุยกับอาเพชรแล้วแต่ก็ยังคุยไง ตอนนี้แม่จ๋าก็อาจจะทำเหมือนกัน บอกพ่อจ๋าว่าไม่รักแล้วพ่อจ๋าจะได้กลับมาง้อไง”
“งั้นน้องลลินน์ก็จะได้เจอพ่อแล้วใช่มั้ยคะ” ได้ยินคำว่าพ่อจ๋าจะกลับมาดวงตาคู่เล็กก็เปล่งประกายตื่นเต้นดีใจจนพี่เลี้ยงสาวต้องพยักหน้าและเก็บความคิดทั้งหมดไว้เพียงในใจ
เธอไม่รู้หรอกว่าไอ้เรื่องที่เธอพูดมันจะเกิดขึ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์แต่มันก็ดีกว่าการที่บอกยัยหนูไปว่าผู้เป็นแม่จะเลิกรากับผู้เป็นพ่อแล้วไปตามตรง...อย่างนี้ดีแล้ว
“เรากลับไปหาแม่จ๋ากับอาเพดกันดีกว่านะคะ”
“ค่ะ” ทันทีที่หญิงสาวชวนกลับคนที่เริ่มกลับมาแจ่มใสก็ตอบรับทันทีก่อนที่จะเดินกลับไปทางเดิมเพื่อทำตามแผนเดิมที่วางไว้
ที่โต๊ะยังคงเงียบราวกับว่าต่างคนก็ต่างคิด แต่แล้วคุณอายังหนุ่มของหนูน้อยลลินน์ก็ถอนใจและถามย้ำอีกครั้งอย่างคนที่ยังไม่อยากจะเชื่อ “แน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง”
“อย่าห่วงเลย ไม่ได้เสียใจ...ไอ ด๊อนท แคร์”
“ให้มันจริง”
“ก็จริงน่ะสิ ฉันมีอะไรต้องแคร์เขา ฉันสวย แล้วก็รวยมาก ทำไมต้องแคร์ผู้ชายพรรค์นั้น รายได้ในแต่ละเดือนของฉันน่ะเยอะกว่าเขาเป็นสิบเท่า ทำไมต้องง้อ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจ ในเมื่อคิดจะตัดลันน์ลภัสก็ไม่แม้แต่จะแสดงออกถึงความเสียดาย
หกปีก่อนเธอยอมรับว่าตัวเองผิดแต่หกปีที่ผ่านมาเขาแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้อง
เขาไม่เคยกลับมาเหลียวแลเธอกับลูกเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหนูน้อยลลินน์เติบโตขึ้นมาในฐานะลูก ผู้ชายพรรค์นั้นมีอะไรให้เธอต้องเสียใจ...จบไปซะได้ก็ดี
ท่าทีและน้ำเสียงของแม่เลี้ยงยังสาวแห่งไร่อิงตะวันบ่งบอกว่าไม่ได้แคร์อะไรหากว่าต้องตัดพ่อของลูกออกจากชีวิตอย่างจริงจัง แต่รณพีร์ก็ยังไม่เชื่อว่าทุกอย่างที่แสดงออกมันคือความจริง ลันน์ลภัสรักพี่ชายของเขามาก รักมาตลอด เธอเลิกรักได้จริง ๆ นะเหรอ
“ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ฉันโอเคจริง ๆ” หญิงสาวรู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มไม่เชื่อแต่ก็ยังคำย้ำว่าเธอไม่ได้เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้แต่อย่างใด “โอเคจริง ๆ ฉันเป็นถึงเจ้าของไร่ที่แสนร่ำรวยทำไมต้องไปแคร์คนแบบนั้นกัน”
“แต่ยังไงนั่นก็พ่อของลูกเชียวนะเว้ย”
“แล้วไง ก็แค่พ่อของลูก วันหน้าฉันอาจจะหาผู้ชายดี ๆ มาเป็นพ่อที่ดีของลูกให้ลลินน์ได้ก็ได้”
“เออ ให้ได้จะ...” ไม่ทันจะพูดจบนัยน์ตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นใครคนนึงเข้าเสียก่อน และฝ่ายนั้นก็เหมือนจะเห็นรณพีร์เข้าเหมือนกัน
“เฮ้ยเพชร”
“ภูผา” น้ำเสียงที่ตกใจขานเรียกชื่อใครคนนั้นกลับก่อนที่จะลุกขึ้นโผเข้ากอดกันราวกับคนที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน “เป็นไงมาไงวะเนี่ย”
“ก็เป็นอย่างนี้แหละ”
“กวนเหรอวะ” โดนกวนมารณพีร์ก็ชักสีหน้าใส่ไม่จริงจังก่อนจะยกหมัดขึ้นชนกันเป็นการทักทาย
ปลัดภูผามองเพื่อนที่ไม่ได้เจอะเจอกันมาพักใหญ่อย่างกวน ๆ ก่อนจะมองเลยไปยังโต๊ะของเพื่อน
“หวัดดีภูผา” ลัลน์ลภัสส่งเสียงทักก่อนพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ แน่นอนว่าเพื่อนของรณพีร์ก็ต้องเป็นเพื่อนของลัลน์ลภัสด้วย แม้จะไม่สนิทมากแต่หญิงสาวก็ถือว่าชายหนุ่มเป็นเพื่อนคนนึง
“หวัดดีลูกจันทร์ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีกันนะ”
“สบายดีดิ แต่ว่าแก...ปลัดเหรอ?” ไม่เพียงแค่ถามแต่รณพีร์ยังมองการแต่งตัวของเพื่อนเก่าอีกด้วย ภูผาในวันนี้อยู่ในเครื่องแบบสีกากีสำหรับข้าราชการ เขาก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าปัจจุบันอีกฝ่ายเป็นข้าราชการและเป็นปลัดอยู่ที่อีกจังหวัด “คงไม่ได้จะมาเป็นปลัดคนใหม่หรอกนะ”
“มึงนี่ยังเป็นหมอดูโคตรแม่นเหมือนเดิมเลยนะ ใช่ เพิ่งย้ายมาวันนี้เอง” ปลัดภูผาตอบทว่าสายตาก็ยังคงมองเลยไปที่ลัลน์ลภัสที่ปล่อยหน้าที่ซักไซ้ให้รณพีร์ ชายหนุ่มหันสายตากลับมาที่เพื่อนหนุ่มอีกครั้งก่อนจะยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นมาชนกัน สื่อความหมายว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันแล้วหรือ
“เปล่า ทะลึ่งแล้วมึงอะ” รณพีร์ที่มองการกระทำของเพื่อนตลอดปฏิเสธฉับพลันพร้อมกับค้อนให้เมื่อภูผาหันกลับไปมองลัลน์ลภัสอีกครั้งอย่างละสายตาไม่ลง
หายนะมาเยือนพี่ชายเขาแล้วไง
เมียก็จะหย่า ไอ้ภูผาที่เคยชอบลัลน์ลภัสก็โผล่กับมาในวงจรชีวิต เขาจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว
เด็กหญิงพิมพ์รตาที่คิดจะเข้ามาโผล่ให้คุณอาหนุ่มตกใจเล่นถึงกับงอนตุบป่อง อีกนิดเดียวจะเข้าไปแปะโป้งแล้วเชียวดันมีคนโผล่เข้ามาซะงั้น
คราวนี้หนูน้อยไม่ได้ย่องกลับไปตั้งท่าอีกครั้งแต่เลือกเดินเข้าไปเกาะแขนคนเป็นแม่แทน ดูสายตาคุณลุงนั่นสิ มองแม่จ๋าเกินไปแล้ว นี่แม่จ๋าของลลินน์นะ ลลินน์จ้องได้คนเดียว!!!
