บท
ตั้งค่า

บทที่3 การตัดสินใจ

เด็กหญิงพิมพ์รตามองขนมที่อยู่ภายในตู้กระจกก่อนจะยิ้มหวานให้บุษรินทร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ลลินน์เอาชิ้นนี้ค่ะพี่บัว”

“ชิ้นนี้เหรอคะ จะกินหมดเหรอ ชิ้นใหญ่มากเลย”

“หมดอยู่แล้วค่ะ มีพี่บัว มีแม่จ๋าแล้วก็อาเพชรช่วยกินนี่นา ใช่มั้ยคะแม่จ๋า” หนูน้อยบอกพี่เลี้ยงก่อนจะหันมาถามความคิดเห็นของผู้เป็นแม่ที่นั่งรออยู่ไม่ไกล คนเป็นแม่พยักหน้ายิ้มส่งมาให้ก่อนที่หนูน้อยจะหันกลับมายักคิ้วให้พี่เลี้ยงยังสาวและดึงอีกฝ่ายเดินไปดูขนมที่ตู้อื่น

ลันน์ลภัสมองตามลูกสาวก่อนจะพ่นหายใจหนัก ๆ รณพีร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถอนใจตามก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึก ๆ พลางมองเพื่อนสนิทอย่างตัดสินใจ

“หลายปีมานี้ฉันเคารพการตัดสินใจของแกมาตลอด แต่วันนี้ฉันทนไม่แล้ว ขอพูดหน่อยเถอะนะ”

“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ”

“ลลินน์โตขึ้นทุกวัน คำนินทาก็เข้าใกล้ตัวหลานเข้าทุกวันเหมือนกัน อย่างวันนี้ผัวเมียคู่นั้นก็เป็นผู้ปกครองของเด็กในห้องเดียวกับลลินน์ สักวันหลานต้องได้ยินเข้าแน่ ๆแกจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เหรอ” เขาเริ่มต้นด้วยการแสดงความคิดเห็นก่อนจะลงท้ายด้วยคำถามที่ทำเอาลันน์ลภัสนิ่งไป

เห็นเพื่อนสาวนิ่งไปชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุด เขาถอนใจก่อนจะเอ่ยต่ออย่างช้า ๆ “แกเลือกทางตรงกลางไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ มันมีซ้ายมีขวาสุดท้ายแล้วแกก็ต้องเลือกสักทาง ฉันห่วงแกกับหลานนะจันทร์ ให้ฉันบอกพี่เพลิง หรือไม่ก็หย่า ๆ กันไปเถอะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนตอนนี้มันก็ยังไม่สาย”

ลันน์ลภัสเบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบใด ๆ ราวกับว่าใช้ความคิด แน่นอนว่ารณพีร์รู้จักเพื่อนของตัวเองดี เขาถอนใจพลางเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดใจ

จะบอกว่าเพื่อนเขาคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นก็ประมาณหนึ่ง ทิฐิก็พอสมควร ทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้นและทิฐิยังไม่พอ ยังเป็นคนใจแข็งเสียอีก ถึงเขาจะเสนอทางซ้ายและขวาให้เธอเลือกแต่ลันน์ลภัสก็คงไม่เลือกทางไหน

จะหย่าเหรอ...ถ้ายอมหย่าก็เท่ากับยอมแพ้ให้กับความพยายามของพี่ชายเขาน่ะสิ

แต่จะให้เขาหรือคนในครอบครัวบอกเรื่องลูกเหรอ...หึ ตั้งแต่วันแรกไม่ยอมให้พูดอย่างไร วันนี้ก็ไม่ยอมอย่างนั้นล่ะ

ภวังค์ความหลังผุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มเป็นฉาก ๆ เขายังจำได้ดีในวันที่หลานสาวคลอดเขารบเร้าให้ลันน์ลภัสบอกรัชพลแต่สาวเจ้ากลับให้เขาถ่ายรูปเธอกับลูกแล้วเอาใส่ซองจดหมายส่งไปให้พี่ชายของเขาแทน

‘ถ้าเขาเปิดก็ถือว่าโชคชะตาพาไป แต่ถ้าเขาขยำจดหมายทิ้งโดยไม่ได้เปิดก็ถือว่าฉันได้บอกแล้วแต่เขาเองที่ปิดหูปิดตา จากนี้ไปฉันจะไม่ทำอะไรอีก’

คำพูดเดียวที่ลันน์ลภัสบอกตอนยื่นจดหมายที่ให้ไปส่งให้ยังคงฝังอยู่ในหัวของรณพีร์จนแทบทุกวันนี้ คนนึงก็ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง อีกคนก็หูหนวกตาบอดไม่หือไม่อือกลับมาว่าได้เปิดจดหมายหรือยัง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดหัว สองคนนี้จะทำสงครามเย็นกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน

หนึ่งคนจมกับความหัวเสียแต่อีกคนกลับกำลังจมอยู่กับอดีตที่ผ่านพ้นมา

ห้าปีก่อน...

เปลือกตาบางค่อย ๆ เปิดขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาคู่หวานมีประกายความเหนื่อยล้า ตาคู่หวานฉ่ำมองภาพเลือนรางที่ค่อย ๆ ชัดขึ้นก่อนจะขยับลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมที่จะหยิบผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างอันเปลือยเปล่า

หญิงสาวมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะอมยิ้มเมื่อขบคิดทบทวนเรื่องราว เมื่อวานนี้เธอได้เป็นเจ้าสาวของรัชพลตามที่วาดฝันและก็เพิ่งผ่านคืนเข้าหอเข้าสู่เช้าวันแรกของการแต่งงาน พอนึกถึงรัชพลใบหน้าหวานก็แดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน เมื่อคืนนี้เขาทั้งอ่อนโยนและเอาแต่ใจเสียจริง ทุกการกระทำของรัชพลยังคงตราตรึงในห้วงความคิด เนื้อตัวที่ถูกเขาสัมผัสยังคงมีกลิ่นอายของเขาโอบล้อมราวกับว่าเขายังคงวนเวียนเรียกร้องจากเธออยู่...บ้าจัง นี่เธอกำลังคิดทะลึ่งอยู่ใช่มั้ย

ลันน์ลภัสสลัดความคิดแสนทะลึ่งก่อนจะลุกลงจากเตียง ทว่าไม่ทันที่ปลายเท้าจะได้สัมผัสพื้นตาคู่หวานก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษที่ถูกวางไว้กับปากกาที่โต๊ะหัวเตียงเข้าเสียก่อน สังหรณ์บางอย่างทำให้หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบมาด้วยความฉงน ตาคู่หวานสั่นระริกทันทีที่กวาดอ่านข้อความตัวบรรจงที่เธอจำแม่นว่าเป็นลายมือใคร

‘ฉันขอย้ายกลับกองปราบเมื่อไม่กี่วันก่อนจะถึงวันแต่งงานและก็นับเป็นโชคของฉันที่หมายเรียกตัวกลับมาถึงในวันแต่งงานพอดิบพอดี...อ่านมาถึงตรงนี้คนฉลาดอย่างเธอก็คงรู้แล้วสินะ

ใช่ การกระทำทั้งหมดมันก็แค่การหลอกให้เธอคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอวาดฝันยังไงละ คงรู้ซึ้งขึ้นมาบ้างแล้วสินะ ความรู้สึกของฉันตอนที่โดนเธอหลอก

อยากแต่งงานกับฉันนักไม่ใช่เหรอ เอาสิ เชิญกอดทะเบียนสมรสได้ตามสบายเลย แต่อย่าหวังเลยว่าเราจะได้ใช้ชีวิตคู่กันในแบบที่เธอคาดหวัง ฉันจะไม่กลับไปจนกว่าเธอจะยอมหย่า...ทนได้ก็ทนไป ลาก่อน

รัชพล’

ปัจจุบัน

ความเจ็บปวด โกรธแค้น ยังคงเต็มอยู่ในใจอันชินชาของลันน์ลภัส วันนั้นเธอเจ็บปวดทรมานจนแทบอยากจะตายไปเสียให้ได้แต่ก็ยังคิดว่าเขาคงไม่ใจร้ายถึงขั้นทิ้งเธอไปจริง ๆ เธอได้แต่รอคอยอย่างโง่งมว่าเขาคนนั้นจะเปลี่ยนใจและกลับมา

แต่ไม่เลย เขาไม่เคยกลับมา วันที่เธอสูญเสียเสาหลักอย่างพ่อเลี้ยงภากรผู้เป็นตาไปก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขา...เขาคนนั้นไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้ทิ้งหนูน้อยลลินน์ไว้ในท้องของเธอ

นับวันหัวใจของลันน์ลภัสก็ยิ่งชินชากับความเจ็บปวด หลงเหลือแต่ความเจ็บแค้น เจ็บที่เขาหลอกให้เธอหลงดีใจแล้วดึงเธอลงมาจากสรวงสวรรค์ที่วาดหวัง เจ็บที่เขาใจร้ายไม่แยแส ทิฐิไม่ยอมให้อภัยกับสิ่งที่เธอก่อ หกปีก่อนเธอยอมรับว่าผิดที่ทำให้เขาจำนนจนต้องมาแต่งงานกัน แต่หกปีที่ผ่านมานี้เขามั่นใจแล้วหรือว่าสิ่งที่ทำมันถูก

ที่ผ่านมาเธอไม่ตัดสินใจหย่าก็เพราะไม่อยากให้ลูกได้ชื่อว่าพ่อแม่หย่าร้าง และคิดแต่จะเอาชนะด้วยการไม่ยอมหย่า ให้เขาเป็นฝ่ายยอมแพ้กลับมาวิงวอนขอหย่าแทนที่จะส่งใบหย่าไป ให้ทนได้ก็ทนไปจนแพ้กันไปข้าง แต่คำพูดของรณพีร์ก็ทำให้หญิงสาวได้ฉุกคิดอีกครั้ง

ลูกสาวของเธอโตขึ้นทุกวันเธอควรจะเลือกทางเดินของเธอกับลูกได้แล้ว...ทางเดินเส้นนี้ไม่มีเขามาแต่แรก ก็ไม่มีตลอดไปก็ได้นี่

“เพชร...ฉันจะหย่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel