บท
ตั้งค่า

บทที่19 ช่วยพ่อจ๋า

“พี่บัวขา” เสียงหวานเจือความตื่นเต้นส่งเสียงเรียกมาพาให้หัวใจของคนที่ถูกเรียกตื่นเต้นตามไปด้วยจนต้องรีบหันมามอง

“เสียงตื่นเต้นมาแต่ไกลเลย มีเรื่องอะไรดี ๆ คะเนี่ย” บุษรินทร์ส่งเสียงถามทันทีที่คุณหนูตัวน้อยวิ่งเข้ามาหา เห็นท่าทีตื่นเต้นของหนูน้อยแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ ขากลับจากบ้านคุณปู่คุณย่าบรรยากาศรอบตัวแม่เลี้ยงลัลน์ลภัสดูจะอึมครึมอยู่ลึก ๆ พาให้ยัยหนูไม่พูดไม่จาจนกระทั้งถึงบ้าน เธอคิดว่าท่าทีนั้นของผู้เป็นแม่จะทำให้คุณหนูตัวน้อยหงอยไปเสียอีก ทำไมถึงดูตื่นเต้นราวกับมีเรื่องน่ายินดีแบบนี้ล่ะ

“ลลินน์เล่าเรื่องคุณลุงให้แม่จ๋าฟังแล้วแหละ” ยัยหนูรีบบอกเล่าพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ

“เรื่องคุณลุงที่เจอที่บ้านคุณปู่คุณย่าน่ะเหรอคะ แล้วเป็นยังไงคะ แม่จ๋ารู้จักคุณลุงคนนั้นมั้ย”

“รู้ค่ะ นี่แหละที่ทำให้ลลินน์ดีใจ พี่บัวรู้มั้ย คุณลุงคนนั้นน่ะ...” หนูน้อยเว้นคำพูดแค่เพียงครู่ก่อนจะอมยิ้มและเล่าต่อด้วยความยินดีที่เก็บไม่มิด “คุณลุงคนนั้นน่ะเป็นพ่อจ๋าของลลินน์แหละ พ่อจ๋ากลับมาแล้ว”

“ว้าว จริงเหรอคะ ดีใจด้วยนะคะต่อไปน้องลลินน์ก็จะได้อยู่กับพ่อจ๋าแล้ว”

“ค่ะ พี่บัวพูดไม่ผิดเลย แม่จ๋าบอกว่าจะหย่าพ่อจ๋าก็กลับมา ต่อไปลลินน์จะได้อยู่กับทั้งพ่อจ๋า แม่จ๋าแล้ว” คนที่ยังจำคำพูดของพี่เลี้ยงสาวในตอนถามเรื่องหย่าได้พูดแล้วก็ยิ้มพลางจินตนาการถึงวันอันแสนสุขที่จะมาถึงเมื่อพ่อและแม่จูงมือเธอคนละข้างเหมือนฉากที่เห็นครอบครัวของเพื่อน ๆ

บุษรินทร์หุบยิ้มฉับพลันก่อนจะฝืนยิ้มให้หนูน้อยอีกครั้ง พอนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไปเพราะไม่อยากให้ยัยหนูเศร้าใจขึ้นมาได้ความยินดีก็แปรเปลี่ยน

ที่พ่อของหนูน้อยปรากฏตัวขึ้น หมายความว่าการหย่าร้างเกิดขึ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ?

มองใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหญิงตัวน้อยหัวใจของบุษรินทร์ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ถ้าเกิดว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ยามที่เด็กหญิงพิมพ์รตารับรู้เรื่องนี้รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์นี้ก็จะหายไปสินะ

แม้จะได้อยู่ด้วยกันไม่นานแต่บุษรินทร์ก็พูดได้เต็มปากว่าอยากจะเห็นยัยหนูของไร่อิงตะวันยิ้มแบบนี้ได้ในทุก ๆ วัน เพราะเธอเปรียบได้ดั่งรอยยิ้มของไร่เลยก็ว่าได้..ทำยังไงถึงจะปกป้องรอยยิ้มนี้ไว้ได้นะ

“โอ๊ะ อาเพดนี่” เสียงอุทานของหนูน้อยเรียกสติของบุษรินทร์ได้อีกครั้ง หญิงสาวมองตามสายตาของหนูน้อยก่อนจะได้เห็นผู้ช่วยหนุ่มเดินมาด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับว่าไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

ไม่ใช่ว่าเขารู้ดีที่สุดและต้องเป็นคนนึงที่เป็นเดือดเป็นร้อนเหรอ?

“อาเพด” เด็กหญิงพิมพ์รตาส่งเสียงเรียกคุณอายังหนุ่มทันทีก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา รณพีร์รับร่างหลานสาวขึ้นไปอุ้มทันทีก่อนจะหอมแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว ตั้งแต่เช้าเพิ่งจะได้เจอหลานสาวก็ตอนนี้นี่ล่ะ

“อาเพด อาเพดรู้มั้ย ลลินน์เจอพ่อจ๋าแล้วแหละ” ยัยหนูรีบอวดทันทีหลังจากที่อาหนุ่มหอมแก้มจนพอใจ เรื่องที่วันนี้ได้เจอพ่อ ความจริงเธออยากจะอวดกับทุกคนที่เจอเลยเชียวละ อวดอาเพดแล้ว เดี๋ยวต้องไปอวดคุณทวด จากนั้นก็ไปอวดอาพลอย ลุงวาริท แล้วก็คนงานทุกคน อิอิ

“หือ ลลินน์รู้แล้วเหรอ”

“รู้แล้วค่ะ ลลินน์เจอพ่อจ๋าที่ต้นจามจุรีที่ต้นเพลิงชอบไปอยู่แล้วก็ไปเจอกันอีกทีที่บ้านคุณย่า แม่จ๋าเลยบอกว่านั่นคือพ่อจ๋า” ยัยหนูบอกเล่าที่มาที่ไปก่อนจะมองซ้ายทีขวาทีราวกับมีเรื่องสำคัญ “พ่อจ๋าเป็นทาสแมวล่ะ อาเพดอย่าบอกใครนะ”

“อ่า” ได้ยินคำกระซิบของหลานสาวคุณอายังหนุ่มก็แทบจะอุทานไม่เป็นภาษา พี่ชายเขาเนี่ยนะเป็นทาสแมว คนที่ชอบทำหน้าดุ ๆ นิ่ง ๆ นั่นน่ะเหรอทาสแมว...ลลินน์เจอถูกคนมั้ยเนี่ย

“อาเพดอย่าทำหน้าไม่เชื่อสิ ลลินน์พูดจริงนะ ไม่เชื่อถามต้นเพลิงได้เลย พ่อจ๋าน่ะทั้งกอดทั้งหอมต้นเพลิง”

“ฮ่ะฮ่ะ เหรอเนี่ย ว้าว ลลินน์ทำให้อาเพชรตาสว่างเลยนะเนี่ย” เห็นสีหน้าจริงจังของหลานสาวชายหนุ่มก็ไม่คิดว่ายัยหนูจะพูดเล่น พอลองคิดดูแล้วคนที่เคยเห็นพี่ชายแค่มุมฮีโร่ก็ได้แต่หัวเราะขำ รู้สึกเหมือนเมื่อนานมาแล้วแม่ของยัยหนูก็เคยพูดอะไรทำนองนี้แต่เขาและรัชนีญาพากันส่ายหน้ามาแล้วเหมือนกัน

นี่พี่ชายที่ดูนิ่ง ๆ ของเขาก็พ่ายแพ้ให้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวอย่างนั้นเหรอ?

แสดงว่าโดนเจ้าต้นเพลิงตกไปก่อนสินะ แล้วยังมาโดนลูกสาวตกอีกอนาคตของพี่เพลิงลอยอยู่ในหัวเป็นฉาก ๆ ขึ้นมาเลย

ไม่ได้ ๆ จะให้แพ้แค่แมวกับลูกไม่ได้ ต้องโดนลัลน์ลภัสตกไปอีกคน พี่ชายขี้เก๊กจะได้เลิกทำตัวนิ่ง ๆ สักที มันต้องเฮฮาแน่ถ้าเจ้าพี่ชายตัวดีหลงลูก หลงเมีย และหลงแมวของลูก...อยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้วสิ

“แฮ่ม...ลลินน์ ลลินน์อยากเจอพ่อจ๋าทุกวันมั้ย” คุณอายังหนุ่มถามทั้งยังมองหลานสาวอย่างมีความคาดหวัง ถ้ามียัยหนูเข้ามาช่วยเรื่องของรัชพลและลัลน์ลภัสก็ไม่ใช่เรื่องยาก “ว่าไงฮือ อยากเจอพ่อทุกวันมั้ย”

“อยากสิคะ ถ้าได้อยู่กับพ่อจ๋าทุกวันลลินน์จะดีใจม๊ากมาก”

“อาเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น” เขาบอกหลานสาวก่อนจะถอนใจหนัก ๆ “แต่ว่านะ ตอนนี้แม่จ๋าโกรธพ่อจ๋ามากเลย พ่อจ๋าก็เลยอยู่กับลลินน์ไม่ได้ เฮ้อ”

“แม่จ๋าโกรธพ่อจ๋าเหรอคะ”

“ใช่ โกรธมากเลย...แต่ถ้าลลินน์พูด แม่จ๋าจะต้องหายโกรธแน่ แล้วพ่อจ๋าก็จะได้อยู่กับลลินน์ ลลินน์ช่วยพ่อเขาหน่อยได้มั้ย”

เด็กหญิงพิมพ์รตาเอียงคอมองคุณอาที่พูดคล้ายจะเกลี่ยกล่อมก่อนจะถามกลับแทนการตอบตกลง “พ่อจ๋าทำอะไรให้แม่จ๋าโกรธเหรอคะ”

“คือแบบว่า...” พอถูกถามกลับรณพีร์กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันตา ไม่รู้ว่าจะบอกหลานอย่างไรจริง ๆ และไม่รู้ว่าพูดไปแล้วหลานสาวจะเข้าใจแค่ไหน

ทว่าท่าทางอึกอักไม่ยอมพูดของคุณอากลับทำให้ยัยหนูคิดเองไปแล้วอย่างเด็กฉลาด “ฮึ รู้แล้ว พ่อจ๋าเจ้าชู้แบบอาเพดแน่เลย...ถ้าอย่างนั้นน่ะลลินน์ไม่ช่วยหรอก”

“มะ ไม่ใช่นะยัยหนู พ่อจ๋าเขาไม่ได้...”

“ไม่รู้ไม่ชี้ พ่อจ๋าต้องหาคำอธิบายให้ลลินน์ก่อน ลลินน์ถึงจะช่วยพ่อจ๋า อาเพดไม่ต้องช่วยปกปิดเลย” ยัยหนูไม่พูดเปล่าแต่ยังดิ้นจะลงจนคุณอายังหนุ่มต้องปล่อย ยัยหนูทำหน้าเชิดราวกับคนแสนงอนที่เห็นในละครก่อนจะบอกคุณอายังหนุ่มอย่างมุ่งมั่น “ถ้าพ่อจ๋าไม่มาอธิบายกับลลินน์ ลลินน์ก็ไม่ช่วย อาเพดหรืออาพอย หรือคุณปู่คุณย่ามาง้อลลินน์ก็ไม่ใจอ่อนหรอก ชิ”

“ลลินน์ ลลินน์ โธ่”

พูดสิ่งที่อยากพูดจบยัยหนูที่บางครั้งก็ฉลาดและดื้อรั้นเกินวัยก็เดินกลับเข้าไปภายในบ้านทันที บุษรินทร์มองตามก่อนจะหันกลับมามองคุณอาที่คำพูดช่วงแรก ๆ เหมือนจะกล่อมหลานสาวได้แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวพลางส่ายหน้า สงสัยว่าเธอจะต้องช่วยอีกแรงแล้วสิ ฝั่งพ่อของยัยหนูนี่ไม่ได้เรื่องเอาซะเล๊ย

รณพีร์ที่มองตามหลานสาวด้วยความรู้สึกเครียดที่ยัยหนูทึกทักไปไกลก่อนจะเหลือบมองพี่เลี้ยงของหลานสาวที่มองเขาอยู่ “มองทำไม”

“ไม่รู้สิคะ สงสารมั้ง...แต่จะช่วยนะ ถ้าไม่ช่วยคงไม่ได้เรื่องล่ะ”

“นี่!”

ไม่ปล่อยให้รณพีร์พูดอะไรต่อคนที่บอกว่าจะช่วยก็ยักไหล่และเดินตามคุณหนูตัวน้อยไปทันทีเหลือไว้เพียงชายหนุ่มที่นึกเคืองพี่เลี้ยงของหลานขึ้นมามากกว่ากลุ้มใจที่หลานสาวทึกทักจนอาจจะทำให้เขาโดนพี่ชายตาขวางใส่ได้ถ้ารู้เรื่อง

ยัยพี่เลี้ยงคนนั้นบอกว่าสงสารและจะช่วย แถมยังหาว่าถ้าไม่ช่วยก็คงไม่ได้เรื่อง เฮอะ กะอีแค่เกลี่ยกล่อมหลานไม่ได้แค่ครั้งเดียว ยัยคนนั้นกล้าจะมาพูดอย่างนี้กับเขาเหรอ

คิดว่าลลินน์ฟังตัวเองมากกว่าเขาหรือไงกัน!

“ถ้าช่วยแล้วไม่คืบหน้าละน่าดูยัยพี่เลี้ยง” คิดอย่างเคือง ๆ แต่ก็ไม่วายคาดหวังว่าบุษรินทร์จะทำให้ยัยหนูเปลี่ยนใจได้ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นเกาหัวยิก ๆ กลับบ้านไปถ้าเล่าเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟังเขาจะโดนรัชพลกระทืบหรือเปล่า ดันทำให้หลานทึกทักไปว่าพ่อเจ้าชู้เหมือนอาไปซะแล้ว ‘เฮ้อ เพชรเอ้ยเพชร‘

รณพีร์คิดอย่างกลัดกลุ้มก่อนจะไปตรวจตราไร่อีกครั้งทางด้านบุษรินทร์ที่ตามเด็กหญิงพิมพ์รตามาทอดสายตามองหนูน้อยพูดคุยและเทอาหารให้เจ้าต้นเพลิงอยู่นานก่อนจะเริ่มบทสนทนาเมื่อยัยหนูพูดคุยกับแมวแสนรักเสร็จแล้ว “น้องลลินน์จะยอมให้พ่อจ๋ากับแม่จ๋าโกรธกันเหรอคะ”

“เปล่าซ๊ากหน่อย”

“อ้าว แต่เมื่อกี้นี้น้องลลินน์บอกอาเพชรว่าจะไม่ช่วย”

“พี่บัวเอาหูมานี่ ลลินน์จะบอกอะไรให้”

“ว่ายังไงคะ” พี่เลี้ยงสาวพูดพลางย่อตัวลงและเงี่ยหูให้ ท่าทางที่ดูมีลับลมคมในอย่างนึกสนุกของยัยหนูทำให้บุษรินทร์ยิ่งอยากรู้ว่าแม่สาวน้อยมีแผนอะไร

เด็กหญิงพิมพ์รตามองซ้ายมองขวาก่อนจะกระซิบบอกพี่เลี้ยงยังสาวด้วยใบหน้าซุกซนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเดินผ่านมา “ลลินน์แค่พูดไปอย่างนั้นเพราะอยากให้พ่อจ๋ามาหาค่ะ”

“คะ?”

“ถ้าพ่อจ๋าไม่มาหา ไม่มาอธิบายกับลลินน์ ลลินน์ก็ไม่ช่วยหรอก จะงอนทั้งอาเพด อาพอย และคุณปู่คุณย่าจนกว่าพ่อจ๋าจะมาเลย”

ได้ฟังหนูน้อยพูดคนเป็นพี่เลี้ยงก็ถอนใจอย่างโล่งอก “เฮ้อ พูดแบบนี้ค่อยโล่งหน่อย พี่บัวนึกว่าน้องลลินน์จะโกรธพ่อจ๋าจริง ๆ ซะแล้ว”

“คนที่เป็นทาสแมวน่ะไม่ใช่คนไม่ดีหรอก พ่อจ๋าของลลินน์น่ะชอบแมวมาก ต้องเป็นคนดีแน่ ๆ”

“ค่ะ ๆ พี่บัวเชื่อน้องลลินน์ แต่ว่าตอนนี้คือน้องลลินน์จะทำยังไงต่อคะ จะรอพ่อจ๋าอย่างเดียวเหรอ” บุษรินทร์ถามด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ตอบกลับกลับเป็นใบหน้าทะเล้นของยัยหนู

“บอกก็ไม่สนุกสิ คิกคิก”

“แหม่ อะไรเนี่ย มีความลับกับพี่บัวเหรอคะ”

“ไม่รู้ไม่ชี้”

“แบบนี้ต้องโดนจี้ค่ะ” พอยัยหนูไม่ยอมบอกพี่เลี้ยงสาวก็ยื่นมือมาจี้สะเอวเป็นการหยอกล้อในทันที

“กรี๊ด ฮะฮะฮ่า”

สองสาวต่างวัยวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะอันสดใสทำเอาลัลน์ลภัสที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านต้องหันมองหา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะของเด็กหญิงพิมพ์รตาสดใสขึ้นมาก จะเป็นเพราะได้รู้ว่าคนที่เจอคือพ่อแท้ ๆ รึเปล่านะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel