บทที่17 ช่วยกันหน่อยสิ
ลัลน์ลภัสออกไปแล้วเหลือเพียงกลิ่นอายจาง ๆ บ่งบอกว่าไม่กี่นาทีก่อนเธอนั่งอยู่ตรงนี้ ใจจริงรัชพลคิดจะตามไปแต่ก็ถูกผู้เป็นพ่อรั้งเอาไว้ด้วยใบหน้าเข้มที่บ่งบอกว่าให้หยุดก่อนที่พ่อจะโกรธ น้อยครั้งจริง ๆ ที่ผู้เป็นพ่อจะข่มไว้ด้วยสีหน้าแบบนี้คนที่ถูกรั้งจึงได้แต่ฮึดอัด
รัชนีญาเพิ่งกลับจากหน้ารีสอร์ท หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับรณพีร์ที่กลับมารับประทานอาหารเที่ยง ทั้งคู่มองพี่ชายก่อนที่จะมองหน้ากันด้วยความฉงน ใครทำให้พี่ชายของพวกเขาหน้าทมึงถึงแบบนี้กัน
แม่เลี้ยงพรพรรษาเป็นคนสุดท้ายที่กลับมาที่ห้องนั่งเล่น การกลับมาของเธอบอกให้สองพ่อลูกรู้ว่าลัลน์ลภัสพาลูกสาวกลับไปแล้ว สีหน้าของคุณผู้หญิงของบ้านไม่ดีนัก ออกจะย่ำแย่ด้วยซ้ำเพราะว่าตัวเองอาจจะกำลังจะสูญเสียลูกสะใภ้กับหลานไป
“นี่มันอะไรกันครับแม่ ทำไมทำหน้าอย่างกับบ้านจะถล่มแบบนั้น” คนที่เพิ่งกลับมาไม่สามารถระงับความสงสัยได้หลังจากที่เห็นผู้เป็นแม่มีสีหน้าไม่สู้ดี ชายหนุ่มถามพลางมองปฏิกิริยาของทั้งสามคนด้วยความสงสัย
“นั่นสิคะ คุณพ่อกับพี่เพลิงก็ด้วย แปลก ๆ กันไปหมด” เมื่อแฝดผู้พี่ยั้งความสงสัยไม่ไหวรัชนีญาจึงถามเสริมด้วยความอยากรู้ไม่แพ้กัน แต่แล้วก็เอะใจอะไรขึ้นมาจนต้องร้องอุทาน “เอ๊ะ! พลอยได้ยินว่าลูกจันทร์กับลลินน์มาที่บ้าน หรือว่า...”
“เฮ้อ” คนเป็นพ่อถอนใจพรืดก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวให้คู่แฝดฟัง เล่าพลางก็รู้สึกโมโหพลาง จะอยากให้หย่าหรือไม่ก็เถอะแต่เจ้าตัวดีไม่ควรจะพูดอะไรเอาแต่ใจแบบนี้ มันเป็นคนผิดแท้ ๆ ยังจะไปใส่อารมณ์อีก ลูกสะใภ้ของเขาไม่ตวาดกลับก็ถือว่าใจเย็นมากแล้ว เป็นเขาจะตีให้หัวแตก
พ่อเลี้ยงรัชภูมิไม่ได้พูดความในใจแต่ก็เหมือนมีคนพูดแทน รณพีร์ที่ฟังอย่างตั้งใจมองพี่ชายด้วยสายตาเดือดดาล โมโหจนแทบอยากจะหาอะไรมาทุบหัวจริง ๆ
“ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ชายนะจะตีให้หัวแตก ไอ้บ้าเอ้ย ตัวเองทำผิดแท้ ๆ เอาอะไรไปใส่อารมณ์กับลูกจันทร์ห๊ะ”
“เออ สักทีเถอะ” พอลูกชายคนกลางพูดในสิ่งที่ตนคิดพ่อเลี้ยงรัชภูมิก็ราวกับได้รับการยุยง เขาไม่เพียงพูดแต่ยังยื่นมะเหงกใส่เจ้าลูกบ้าจนเกิดเสียงดัง ‘โป๊ก’
“โอ๊ยพ่อ มันเจ็บนะ” จะเข้ม ๆ นิ่ง ๆ ก็ทำไมไม่ได้รัชพลโวยวายทันทีด้วยความเจ็บปวด พ่อที่เป็นแบบนี้น่ะเขาไม่เห็นมานานแล้วเจอแบบนี้เข้าไปจะเก๊กนิ่งก็ไม่ไหวจริง ๆ
ชายหนุ่มลูบตรงที่เจ็บไปมาให้รู้สึกบรรเทาทั้งยังโวยวายในใจ แต่พอโดนมะเหงกของพ่ออาการหัวร้อนเอาแต่ใจก็จางหายไปเหลือเพียงความคิดผิดชอบชั่วดี เขาก็ผิดจริง ๆ นั่นละ ไม่มีสิทธิ์จะวิงวอนด้วยซ้ำ
ลัลน์ลภัสอุ้มท้องและเลี้ยงลูกมาร่วมหกปีขณะที่ตัวเขาปิดกั้นตัวเองจนไม่รับรู้อะไร จะเอาสิทธิ์อะไรไปโวยวายกันละ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนใจเรื่องหย่า
ผิดก็จริงแต่ยังไงก็ไม่หย่า...ไม่มีทาง
เห็นลูกชายคนโตนิ่งไปราวกับคิดอะไรกับตัวเองสองสามีภรรยาก็ต้องถอนใจ ถึงจะไม่ชอบใจที่รัชพลใส่อารมณ์จนทำให้ลัลน์ลภัสโกรธก็เถอะ แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกชายหย่าขาดกับลูกสะใภ้เช่นกัน พวกเขารักและผูกพันกับลัลน์ลภัสมาตั้งแต่รู้จักใหม่ ๆ วันนึงได้มาเป็นลูกสะใภ้จะให้ปล่อยมือและจากลามันก็ยากเกินจะทำใจ
“เอาเถอะ ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อ”
“เอายังไงละครับ ก็หย่า ๆ ไปสิ ก็ไม่ได้รักได้ชอบเขานิ” รณพีร์แสดงความคิดเห็นพร้อมกับยักไหล่ขอความเห็นพี่ชายอย่างคนรู้คำตอบอยู่แล้ว “ไม่ใช่เหรอ”
เจอคำถามของน้องชายเข้าไปคนเป็นพี่ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก จะยอมรับว่าไม่ได้รักก็เหมือนกับการยอมรับว่าจะหย่า แต่จะให้บอกว่ารักมันก็เป็นการโกหก
ลัลน์ลภัสในความทรงจำของเขาเธอเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกดีได้ในช่วงเวลาที่เคยอยู่ในเงื่อนไข แต่นั่นมันไม่ใช่ความรักที่จะฝังรากลึกเข้ามาในใจ ความรักมันเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าห่างไกลจากความเป็นเขามาก ๆ เคยคบหากับผู้หญิงมาสามสี่คนแต่ก็ไม่ใช่ความรักจริง ๆ ...เขายังไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนจริง ๆ เลยสักคน
รณพีร์ที่ส่งคำถามให้ยักไหล่อีกครั้ง ใครในที่นี้ไม่รู้บ้างว่ารัชพลไม่ได้รักลัลน์ลภัส ก็รู้กันดีอยู่แล้ว และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่รักก็ไม่ควรจะดันทุรัง แล้วพี่ชายของเขาและคนอื่น ๆ จะดันทุรังกันไปทำไม
“เอาละ จากท่าทีก็น่าจะเข้าใจแล้ว ไปหาข้าวกินกันดีกว่า ปะ หิว”
“พี่ไม่ได้รักลัลน์ลภัส” ก่อนที่ทุกคนจะเออออตามรณพีร์รัชพลก็ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามองน้องชายด้วยความมุ่งมั่น “แต่พี่รักยัยหนูเข้าแล้ว พี่จะไม่ยอมให้ยัยหนูต้องเติบโตไปโดยคนอื่นนินทาว่าเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกัน หลายปีมานี้พี่แค่ไปทำงานเท่านั้น คนก็แค่สงสัย ถ้าหย่า คนจะไม่สงสัยแต่จะคิดไปต่าง ๆ นา ๆ กว่าที่เป็น พี่ยอมไม่ได้”
คำถามของรณพีร์ไม่ได้ทำให้รัชพลถอดใจ เขายอมรับกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหย่าร้าง เขาไม่อยากให้ยัยหนูต้องพบเจอกับคำพูดร้าย ๆ ของผู้คน ตอนนี้มันอาจจะมีข่าวลือ แต่ถ้าหย่าขาดกัน มันจะไม่ใช่ข่าวลือ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อลูกสาวที่เขาเพิ่งรู้ว่ามีเป็นอย่างมาก
ส่วนแม่ของลูกนั้น ไม่รักแล้วยังไงละ ตอนนี้ไม่รัก อนาคตอาจจะรักจะหลงจนยอมทุกอย่างก็ได้ใครจะรู้ เธอเคยทำให้เขาเผลอไหลไปได้ขนาดไหนตัวเขารู้ดีที่สุด แค่ตอนนี้เขาไม่รักไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะไม่รัก เหตุผลแค่นั้นจะเอามาเป็นเหตุผลในการหย่าได้ยังไงกัน อีกอย่างเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่สามีที่แย่จนให้อภัยไม่ได้ นอกจากไม่ได้ดูแลลูกเมียเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไปมากกว่านั้น ชู้ไม่เคยมี ไม่เคยส่งสายตาหรือปล่อยให้ผู้หญิงคนไหนมารุ่มร่ามใกล้ชิด เรื่องนี้มันพอหักล้างกันได้นี่
เรื่องอะไรจะยอมหย่ากันเล่า!
“ส่วนกับลัลน์ลภัส พี่ยอมรับว่าไม่รักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ความรู้สึกของคนเรามันพัฒนากันได้ ไม่ใช่เหรอ?” คราวนี้คนพี่ถามคนน้องบ้างก่อนจะเดินตรงไปหยุดตรงหน้ารณพีร์และถามด้วยน้ำเสียงที่ไปในทางขอความช่วยเหลือ“จะไม่ลองช่วยพี่ชายคนนี้สักครั้งเหรอ”
“ไม่เอาดะ...”
“ช่วยกันหน่อยนะ” คำพูดคล้ายอ้อน ๆ ระคนวิงวอนแต่น้ำเสียงนิ่ง ๆ เป็นเอกลักษณ์ของรัชพลถูกส่งไปให้ก่อนที่คนถูกถามจะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกโจมตีจนต้องทอดถอนใจ
“เฮ้อ”
ทั้งที่รณพีร์เพียงแค่ทอดถอนใจแต่ทุกคนกลับอมยิ้ม เป็นอันรู้กันว่าชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วยพี่ชาย ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็คาดเดาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็สำหรับรณพีร์รัชพลเป็นฮีโร่และไอดอลของเขามาตลอด มีหรือจะใจดำไม่ช่วยพี่ชายได้ลงคอ
แต่จะช่วยยังไงละ...
แต่ละคนยังไม่รู้ว่าจะช่วยกันทำยังไงลัลน์ลภัสถึงจะเปลี่ยนความคิด รณพีร์เองก็ยังไม่รู้จะทำยังไง แต่ชายหนุ่มก็แสดงท่าทีเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขายักไหล่ก่อนจะชวนทุกคนไม่รับประทานอาหารเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยพยายามคิดกัน
ยังไงลัลน์ลภัสก็คงไม่พาเด็กหญิงพิมพ์รตาไปไหนหรอก ไร่ก็ใกล้แค่นี้ มีเวลาให้คิดอีกมากมาย
