บทที่16 ปะทะ
ภายในห้องนั่งเล่นบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด พ่อเลี้ยงรัชภูมิยังคงอยู่ในอาการใบ้กินพูดสิ่งใดไม่ออก สำหรับเขาแล้วลัลน์ลภัสไม่ใช่แค่แม่ของหลานแต่ยังเป็นผู้มีพระคุณที่เขารักเหมือนลูกคนนึง การตัดสินใจของเธอไม่ผิด ใจนึงเขาเห็นด้วยด้วยซ้ำที่เธอจะหย่าเพื่อยุติทุกอย่าง สาวน้อยที่เคยมีรอยยิ้มสดใสทุกครั้งที่มาบ้านหลังนี้จะได้กลับมายิ้มได้อีกครั้ง แต่อีกใจกลับรู้สึกไม่ยินยอม มันออกจะเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยแต่ว่าเขาก็ไม่อยากให้ลัลน์ลภัสหย่าร้างกับรัชพล เด็กหญิงพิมพ์รตาควรจะมีทั้งพ่อและทั้งแม่ไม่ใช่พ่อไปทาง แม่ไปทาง
ใจนึงอยากจะรั้งแต่อีกใจก็อยากจะปล่อยเมื่อยังสับสนพ่อเลี้ยงรัชภูมิจึงพูดสิ่งใดไม่ออกขณะที่ภรรยานั้นชัดเจนกว่ามาก เพราะตอนนี้รัชพลกลับมาแล้วถ้าไม่งี่เง่าจนเกินไปรัชพลก็ต้องได้เจอเด็กหญิงพิมพ์รตาถึงตอนนั้นนิสัยอย่างรัชพลมีหรือจะยอมหย่าง่าย ๆ แม่เลี้ยงพรพรรษาจึงไม่คิดปิดบังว่าเจ้าตัวดีของเธอนั้นกลับมาแล้ว
“ลูกจันทร์ หนูใจเย็น ๆ ก่อนนะลูก ตอนนี้พี่เขา…”
“ไม่ว่ายังไงหนูก็จะหย่าค่ะ” ไม่ทันที่คุณพรพรรษาจะได้พูดจบคนที่มีจุดหมายอยู่แล้วก็ยืนยันความคิดตัวเองอีกครั้ง บ่งบอกว่าไม่ว่าคุณย่าของลูกสาวจะพูดอะไรเธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะหย่า
“ไม่หย่า!” ไม่ทันที่คุณพรพรรษาจะได้พูดจบคนที่รีบเดินมาจากห้องครัวก็แทรกขึ้นเสียก่อน ลัลน์ลภัสตกใจจนแทบหลุดกิริยา เพียงแค่ได้ยินเสียงเธอก็จดจำได้ว่าเป็นเสียงใคร
เขากลับมาแล้วหรือ...
ใจที่ตื่นตะลึงทำให้มือของหญิงสาวสั่นเทา เธอไม่เคยคิดว่ามาที่นี่แล้วจะเจอกับพ่อของลูก เธอไม่ได้วางแผนตั้งรับการพบเจอพ่อของลูกเลยสักนิด เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าหย่ากันเขาก็ต้องกลับมา แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าการกลับมาจะเป็นตอนนี้...แล้วนี่อะไร เขากลับมาแล้วเหรอ เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิด
“เอ่อ แม่จะบอกพอดีว่าเพลิงกลับมาแล้ว ให้หนูใจเย็น ๆ เรื่องหย่าก่อน+” คุณพรพรรษาแทรกขึ้นหลังจากที่การสนทนาหยุดชะงักไปเพราะการปรากฏตัวของลูกชาย
ได้ยินคุณย่าของลูกสาวยืนยันว่าเสียงที่ได้ยินเป็นของรัชพลลัลน์ลภัสก็ยังคงพยายามแสดงสีหน้านิ่งราวกับไม่รู้สึกยินดียินร้ายใด ๆ ออกมาให้เห็น...ช่างเถอะ มาก็ดี ทุกอย่างจะได้จบง่าย ๆ หน่อย
“งั้นก็ดีค่ะ เราจะได้ไปหย่ากันที่อำเภอเลย ไม่ต้องให้คุณโชคต้องวิ่งเต้น เอาเป็นว่าพรุ่งนี้สิบโมงเจอกันที่...”
“ก็บอกว่าไม่หย่าไง” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบชายหนุ่มก็สวนกลับทันทีดวงตาครุกรุ่นจ้องมองด้านข้างของคนที่คิดเองเออเองนัดเวลาเสร็จสรรพอย่างหงุดหงิดใจ เธอไม่คิดจะคุยอะไรกับเขาเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่จะหย่าด้วย แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน
เขาอยู่กรุงเทพฯส่งทนายไปก็ว่าไปเถอะ แต่การที่เขาอยู่ที่นี่แล้วแต่เธอยังไม่คิดจะพูดจากับเขาเองทำแค่คิดเองเออเองแบบนี้มันทำให้เขาไม่พอใจจริง ๆ
ความเอาแต่ใจทำให้รัชพลหลงลืมไปว่าตัวเองไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะขุ่นเคืองแต่มันก็คิดอย่างอื่นไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาโกรธไปแล้ว
ลัลน์ลภัสควบคุมสีหน้าตัวเองอย่างมากที่สุดก่อนจะลุกขึ้นหันไปมองคนที่แย้งมาว่าไม่หย่า ห้าเกือบหกปีแล้วที่เขาและเธอไม่ได้เจอะเจอกัน ต่างคนก็ต่างเปลี่ยนไป รัชพลนั้นไม่เปลี่ยนไปมากนักมีเพียงตอหนวดที่บ่งบอกว่าไม่ได้โกนในช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์มานี้ผิดกับลัลน์ลภัสที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กสาววัยสะพรั่งที่กำลังจะเรียนจบผิดแผกไปจากตอนนี้ที่อายุเลยวัยเบญจเพสมาแล้ว
ใบหน้านิ่งสงบราวกับไร้ความรู้สึกไปแล้วที่อยู่ตรงหน้าทำให้รัชพลกลืนความโกรธลงคอไปอย่างไม่น่าเชื่อ...หลานสาวพ่อเลี้ยงภากรสะสวยน่ามอง เขาได้ยินคำพูดนั้นตั้งแต่วันแรกที่โยกย้ายมาประจำที่นี่เมื่อห้าปีก่อน แต่เพราะตอนนั้นเขารู้สึกแปลก ๆ เสียงเล่าลือถึงพ่อเลี้ยงภากรของใครหลายคนทำให้ครั้งแรกที่รัชนีญาแนะนำให้รู้จักกับลัลน์ลภัสเขาจึงมีอคติจนพยายามมองข้ามความสะสวยนั้นไป
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น หลังจากไม่ได้เจอกันนานกว่าหกปีเธอเปลี่ยนไปมากแต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเธอคนนี้สะสวยน่ามองจริง ๆ...แบบนี้ถ้าโสดมิแคล้วเกิดเรื่องใหญ่แน่
ถ้าขืนเขาหย่าให้แต่โดยดีผู้ชายหลาย ๆ คนคงได้ตีกันตาย
ก็หลานสาวพ่อเลี้ยงภากรไม่ใช่แค่สะสวยแต่ยังรวยอีกต่างหาก พวกที่หวังรวยทางลัดคงไม่แคล้วอยากจะเข้ามาขายขนมจีบ
เรื่องอะไรจะยอมให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นละ
รู้สึกว่าตัวเองคิดเพ้อเจ้อออกทะเลไปสักหน่อยก็รีบสลัดความคิดนั้นทันที หย่าแล้วจะวุ่นวายอะไรก็เถอะ มันเกี่ยวกับเขามั้ยก็ช่างมัน แต่ตอนนี้เขาไม่หย่าก็คือไม่หย่า จะเพราะอะไรถึงไม่หย่ายังไงก็คือเขาไม่หย่า
สายตาคู่คมยังคงจดจ้องมองโดยไม่ละไปที่อื่น หญิงสาวเองก็มองมาเช่นกันทว่าการประสานตาครั้งนี้มันไม่ได้มีความหวานซึ้งเลยแม้แต่น้อย ตาคู่นั้นมองมาด้วยอารมณ์อย่างไรลัลน์ลภัสไม่รู้ แต่สายตาที่เธอมองเขาเป็นแค่การมองอย่างไม่ให้ความสำคัญ ยอมรับว่าใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยสักนิดตั้งแต่ได้ยินเสียงของเขา ใจนึงก็ลิงโลดที่ได้เจอแต่อีกใจก็รู้สึกโมโห ไม่หย่าอะไรกัน ตอนนั้นบอกจะไม่กลับมาจนกว่าเธอจะยอมหย่า พอเธอยอมจะมาไม่หย่าเนี่ยนะ
ทำไมถึงได้เป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้
พ่อเลี้ยงรัชภูมิมองสบตาภรรยาก่อนที่แม่เลี้ยงพรพรรษาจะค่อย ๆ หลบออกไป ไม่ใช่เพื่อจะหลบเลี่ยงอะไรแต่เพื่อไปอยู่กับหลานสาวและป้องกันไม่ให้ยัยหนูมาที่ห้องนั่งเล่นในช่วงเวลาแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แม้ลัลน์ลภัสจะชื่นชอบรัชพลแต่ก็บ่อยครั้งที่เจอหน้ากันก็มักจะมีการกระทบกระทั่งกัน มาคราวนี้ไม่รู้ต่างคนจะใจเย็นได้แค่ไหนเธอและสามีจึงไม่อยากเสี่ยงให้เด็กหญิงพิมพ์รตามาเห็นเข้า
กลัวจับใจว่าหลานสาวจะมองว่าพ่อไม่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
พอภรรยาออกไปแล้วพ่อเลี้ยงรัชภูมิจึงทอดถอนใจพลางบอกให้ทั้งคู่ใจเย็น ๆ “ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูกจันทร์ แกก็มานั่งนี่มา โต ๆ กันแล้วคุยกันด้วยเหตุด้วยผล”
“หนูจะหย่าค่ะ” คนตัดสินใจมาแล้วเอ่ยย้ำ นั่งลงมองคนเป็นปู่ของลูกสาวอีกครั้ง ส่วนลูกชายของท่านเธอนึกไม่อยากจะมองหน้าขึ้นมาฉับพลัน
“แต่ผมไม่หย่านะพ่อ” ชายหนุ่มที่ถูกไม่อยากมองหน้าเองก็บอกผู้เป็นพ่อและเดินมานั่งแทนที่ผู้เป็นแม่เช่นกัน
“แกรู้เรื่องลลินน์รึยัง”
“รู้แล้ว ถึงไม่หย่าไง” เขาว่าคำพูดของคนถ้าพูดให้ดีก็ได้ผลลัพธ์ดี แต่ถ้าพูดอย่างไม่ไตร่ตรองอาจจะทำร้ายคนฟังได้และส่งผลให้ผลออกมาย้ำแย่ คำพูดของรัชพลในตอนนี้เป็นตัวอย่างของการพูดที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี ลัลน์ลภัสเจ็บจี๊ดราวกับมีใครเอามีดมาแทงที่หัวใจ เขาจะไม่หย่าก็เพราะรู้ว่ามีลูก
ถ้าเขาไม่รู้ตอนนี้ก็คงลิงโลดจนแทบจะไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอได้ภายในวันนี้เลยสินะ
แม้มันก็เป็นความจริงที่ลัลน์ลภัสยอมรับมาโดยตลอด ว่ารัชพลไม่เคยรักหรือรู้สึกอะไรกับเธอ การที่เขาจะหย่าหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่แค่เพียงเรื่องนี้ก็คือลูก ถ้าไม่มีเด็กหญิงพิมพ์รตาเขาจะหย่าอย่างแน่นอน เธอรู้และยอมรับมาโดยตลอดแต่พอเอาเข้าจริง ได้ยินแบบนี้มันก็เจ็บดีเหมือนกัน...ผู้ชายคนนี้ยังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธออยู่สินะ
หญิงสาวสูดหายใจลึก ๆ พยายามเรียกสติก่อนจะหันไปเอ่ยกับปู่ของลูกราวกับไม่ได้สนใจคำพูดพ่อของลูก “คุณพ่อคะ ลูกจันทร์ไม่ได้จะห้ามไม่ให้ผู้กองหรือครอบครัวยุ่งเกี่ยวกับลลินน์นะคะ ถึงแม้ว่าหย่ากันแล้วทุกคนก็ยังไปมาหาสู่กับลลินน์ได้เหมือนเดิม แค่สถานะสามีภรรยาที่เขาไม่ต้องการเท่านั้นที่มันจะจบลง วานคุณพ่อบอกเขาให้เข้าใจทีเถอะค่ะ”
คำว่าสามีภรรยาที่เขาไม่ต้องการถูกเน้นย้ำ แต่ไม่ใช่เพื่อบอกอีกฝ่าย เธอพูดเน้น ๆ เพื่อย้ำเตือนตัวเอง เธอมันก็แค่คนที่เขาไม่ต้องการ จะฝืนกันไปทำไม
คำพูดของลัลน์ลภัสชัดเจนว่าเธอต้องการอะไรทว่าเธอกลับไม่พูดกับรัชพลโดยตรง พ่อเลี้ยงรัชภูมิแทบจะยกมือกุมขมับ ทั้งที่อยู่กันตรงนี้แต่ลูกสะใภ้ก็ไม่ยอมคุยกับรัชพลโดยตรงราวกับว่าไม่อยากจะเสวนาใด ๆ ...สมน้ำหน้าลูกก็สมน้ำหน้า นึกปวดหัวก็นึก
ทำไมถึงได้ยุ่งยากกันแบบนี้นะ
พ่อเลี้ยงรัชภูมิกำลังจะอ้าปากบอกเจ้าลูกชายตามที่ลูกสะใภ้บอกแต่ก็ถูกรัชพลยกมือห้ามและสวนขึ้นทันที “ต่อให้มีเหตุผลร้อยแปดไม่หย่าก็คือไม่หย่า”
“นี่!” ลัลน์ลภัสส่งเสียงได้แค่นั้นก็หุบปากและถอนหายใจยาวอย่างคนพยายามตั้งสติ เธอไม่อยากโมโหและแสดงออกว่ากำลังโมโหเพราะมันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรื่องมันลุกลามจนเกินไป เธอต้องการเพียงแค่ให้ทุกอย่างมันจบลงด้วยดี ต่างคนก็ต่างปลดปล่อยเรื่องราวในอดีตไว้ข้างหลัง หวังแค่เมื่อยัยหนูได้เจอพ่อจะไม่เห็นพ่อและแม่ทะเลาะกัน
“ผู้กองคงเพิ่งกลับมา และคงเพิ่งรู้เรื่องลลินน์ อาจจะยังตกใจ ไว้ให้ใจเย็นก็คงจะคุยรู้เรื่องขึ้น วันนี้หนูกลับก่อนดีกว่าค่ะคุณพ่อ ฝากบอกเขาว่าเดี๋ยวหนูจะให้คุณโชคมาหาอีกที” ในที่หญิงสาวก็พูดขึ้นพร้อมกับลุกยืนเต็มความสูง สองแขนยกขึ้นประนมไหว้พ่อเลี้ยงรัชภูมิอย่างอ่อนช้อยก่อนเดินไปยังสวนหลังบ้านทันทีโดยไม่ฟังเสียงขัดค้านใด ๆ
ขืนอยู่ต่อเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะแสดงออกอย่างไร เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองต่อหน้าเขาได้นานนักหรอก เธอรู้ตัวดี
เพราะเป็นคนบอกเด็กหญิงพิมพ์รตาให้ไปเล่นรอในสวนหลังบ้านดังนั้นจะตามหาลูกสาวก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ใจที่เจ็บปวดต้องการการเยียวยา การรีบไม่เจอยัยหนูไม่ใช่แค่การพาลูกกลับบ้านแต่ยังเป็นการเยียวยาหัวจที่มันเจ็บปวดและกรุ่นโกรธ...ลูกคือยาใจของเธอเสมอ
