บทที่14 ง่าว
เดินหลงและคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นานในที่สุดนายตำรวจหนุ่มก็ได้เจอกับคนที่กำลังตามหา เจ้าน้องชายตัวดีกำลังดูคนงานอยู่เกือบจะท้ายไร้ด้วยหน้าตาที่จริงจัง เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ ...รณพีร์ควรจะได้เป็นทนายตามที่วาดหวังไม่ใช่มาทำงานในไร่แบบนี้
“ข้าว” คนเป็นพี่ที่มีความคิดระอายใจอยู่ลึก ๆ เอ่ยพร้อมกับยื่นปิ่นโตให้ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้
“อื้อ”
ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากการตอบรับเบา ๆ ในลำคอ เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่นักแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะถือสาน้องชาย ผู้กองหนุ่มยักไหล่ยังไม่อยากจะมีปากเสียงกับน้องมานักจึงบอกลาทันทีที่อีกฝ่ายรับปิ่นโตไป “งั้น...กลับนะ”
“เดี๋ยว” ทั้งที่คิดว่าน้องชายคงไม่อยากสนทนาอะไรด้วยมากแต่เอาเข้าจริงรณพีร์กลับส่งเสียงรั้งเอาไว้ก่อนที่คนเป็นพี่จะได้กลับไปที่รถจักรยาน
“ว่า?”
“ตอนมาพี่เจอใครบ้างมั้ย” รณพีร์ถามพลางลุ้นอย่างบอกไม่ถูก ก็แอบหวังอยู่บ้างว่ารัชพลจะไปเจออะไรที่ครอบครัวอยากให้เจอระหว่างทางมา
ลึก ๆ รณพีร์คิดว่าพี่ชายอาจจะได้เจอกับยัยหนูที่วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนแต่รัชพลกลับคิดว่าน้องชายต้องการถามว่าได้เจอกับเจ้าของไร่คนปัจจุบันหรือเปล่า
“เจอ”
“เจอใคร” ยิ่งพี่ชายตอบว่าเจอรณพีร์ยิ่งรู้สึกลุ้นถึงขึ้นสุด ทว่าคนพี่กลับยักไหล่และตอบด้วยน้ำเสียงเจอความเอ็นดูเมื่อนึกถึงคนที่ได้เจอ
“ไม่เจอคนที่แกคิดหรอก เจอแต่เด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ หน้าเหมือนแกคนนึงกับแมวตัวนึง”
“จ๊าดง่าว” รัชพลใจลอยไปแล้วเมื่อคิดถึงยัยหนูที่เจอระหว่างทางขณะที่คนน้องนั้นยั้งปากไม่อยู่หลุดคำนึงออกไป มันเป็นคำที่เหมาะสมกับรัชพลตอนนี้มาก ๆ คนอะไรจ๊าดง่าวปะล่ำปะเหลือ
“อะไรนะ ง่าว ๆ ” คนพี่ที่ได้ยินไม่ชัดถามพลางดึงสติกลับมามองน้องชาย
รณพีร์ยักไหล่ ต่อให้ได้ยินไอ้พี่บ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นล่ะ “เปล่า ถ้าไม่ไปหาจันทร์ก็ไสหัวกลับไปได้แล้ว รกหูรกตา”
“นี่พี่นะเพชร”
“พี่หรืออะไรก็ไม่รู้”
“อะไรของแกวะ”
“ไป ๆ ผมจะทำงาน” ยิ่งพูดก็ยิ่งยาว คนเป็นน้องรีบไล่พี่ชายทันทีก่อนที่ตัวเองจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ดูทำหน้างงเขาสิ ไอ้พี่บ้าเอ้ยไม่รู้อะไรซะเลย
“กินข้าวด้วยละ” แม้จะยังสงสัยแต่รัชพลก็ไม่เซ้าซี้ต่อเพราะยังไม่อยากให้ใครมาเจอเข้า บอกตามตรงเขายังไม่พร้อมจะเจอหน้าลัลน์ลภัสสักเท่าไหร่ เวลานานขนาดนี้เธออาจจะเกลียดเขาไปแล้วก็ได้ ไว้คิดอะไรได้มากกว่านี้ค่อยเจอแล้วกัน
รัชพลกลับมาที่รีสอร์ทพรพรรษาอย่างเงียบ ๆ และเข้าห้องพักเพื่อเก็บข้าวของ คืนนี้เขาก็คงจะได้กลับไปนอนที่ห้องเพราะแม่บ้านบอกเอาไว้ก่อนเอาข้าวไปส่งน้องชายว่าห้องทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วของที่รื้อออกจากกระเป๋ามีไม่มากทว่าบางสิ่งบางอย่างที่นอนอยู่ในกระเป๋ากลับทำให้เขาขบคิดอยู่นานจนไม่ออกจากห้องสักที
ก็คิดไว้ว่าเดี๋ยวค่อยเปิดจนมาถึงตอนนี้แต่เอาเข้าจริงเขาก็คาใจเหมือนกันว่าด้านในจดหมายฉบับเดียวที่ลัลน์ลภัสส่งหาเขามันมีเนื้อหาว่าอย่างไร
คำด่าทอหรือ หรือว่าคำตัดพ้อ
ในที่สุดซองจดหมายก็ถูกเปิด ดวงตาคู่คมมองสิ่งที่อยู่ภายในอย่างงุนงงก่อนจะดึงออกมาดูให้ชัดเจน
กระดาษสำหรับพิมพ์ภาพที่อยู่ในมือไม่ได้ทำให้มือไม้ของรัชพลสั่นด้วยความตกใจได้เท่ากับรูปที่อยู่ในกระดาษ ภาพที่ปรากฎต่อสายตาของรัชพลคือหญิงสาวที่เขาจดจำได้ดีในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลกำลังอุ้มเด็กทารกหน้าตาจิ้มลิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยน ฉากหลังแม้ไม่คุ้นตาแต่ก็บ่งบอกได้ว่าเป็นโรงพยาบาล เธอไม่ได้มองกล้องสายตาคู่นั้นมองเด็กทารกในอ้อมแขนด้วยความรักที่ยากจะอธิบาย
อะไรกัน รูปนี้มันหมายความว่ายังไง!
รอยนูน ๆ ที่คล้ายกับมีใครเขียนอะไรไว้ด้านหลังทำให้รัชพลตัดสินใจพลิกไปอีกด้านก่อนที่รูปนั้นจะร่วงลงพื้นราวกับว่าชายหนุ่มหมดเรี่ยวแรงที่จะหยิบจับ
‘เด็กหญิงพิมพ์รตา พลาพลพิทักษ์ ชื่อเล่นน้องลลินน์(พระจันทร์ดวงน้อยของแม่) เกิดวันที่....‘
ท้องอย่างนั้นเหรอ?
ลัลน์ลภัสท้องและคลอดลูกโดยไม่มีเขาทำหน้าที่สามีและพ่ออย่างนั้นเหรอ
นี่เขามีลูกกับลัลน์ลภัสอย่างนั้นเหรอ
ขอบตาร้อนผะผ่าว รู้สึกปวดไปทั้งกระบอกตา รัชพลตกอยู่ในอาการช็อคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่สินะสิ่งที่ทำให้พ่อและน้อง ๆ หมางเมินเขาไปเสียหมด
เพราะเขาไม่เพียงทิ้งเมียแต่ยังทิ้งลูกสินะ ลูก คิดถึงคำนี้แล้วมือไม้ของรัชพลก็คล้ายจะอ่อนแรงไปกว่าเดิม
ลูกของเขาชื่อพิมพ์รตา ชื่อเล่นว่าน้องลลินน์สินะ
ใบหน้าของเด็กแก้มป่องที่เพิ่งเจอปรากฏเด่นชัดในความทรงจำ เด็กคนนั้นก็ชื่อลลินน์ไม่ใช่เหรอ...นั่นคือลูกสาวของเขาใช่มั้ย
ชายหนุ่มรู้สึกชาไปทั้งตัวแต่ก็ฝืนลุกออกจากห้อง เขาต้องการความชัดเจนกว่านี้ แม่ของเขาต้องบอกเรื่องนี้กับเขาได้แน่
รัชพลรีบตรงดิ่งไปที่บ้านทันที ใจลอยไปถึงตรงหน้าผู้เป็นแม่แล้วแต่ว่าตัวกลับไปไม่ถึงได้ไวดั่งใจเพราะเรือนกายสูงใหญ่ชนเข้ากับความนุ่มนิ่มฟูฟ่องเสียก่อน
“โอ๊ย” เจ้าของร่างเล็กนุ่มนิ่มร้องอุทานด้วยความเจ็บขณะที่ล้มลงไปกับพื้น ทันทีที่มองก็รู้สึกมือไม้เย็นไปหมด เป็นเจ้าตัวเล็กที่เขากำลังสงสัยอยู่ที่ล้มอยู่บนพื้น ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองทันทีด้วยมือที่สั่นเทา
“นะ หนู หนูเป็นอะไรมั้ย”
“คุณลุง” เด็กหญิงพิมพ์รตาที่จำได้ว่าเพิ่งเจออีกฝ่ายเมื่อไม่นานก่อนมาที่นี่ร้องเรียกอีกฝ่ายทันทีด้วยความงุนงง “คุณลุงทำไมอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่าล่ะ”
“คะ คุณปู่คุณย่าเหรอ?”
“ช่าย บ้านนี้เป็นบ้านคุณปู่คุณย่าของลลินน์” หนูน้อยพูดพร้อมกับทำท่าทำทางคล้ายจะอวดก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าซึม ๆ
“แม่จ๋าบอกว่าพ่อจ๋าเป็นลูกชายคนโตของคุณปู่คุณย่าแต่พ่อจ๋าไปทำงานไกลมาก ลลินน์เลยยังไม่เคยเจอหรอก ถ้าคุณลุงมาหาพ่อจ๋าลลินน์พาไปหาไม่ถูกหรอกนะคะ แต่ถ้าไปหาคุณปู่ลลินน์พาไปได้นะ คุณปู่คุณย่าคุยกับแม่จ๋าอยู่ในห้องนั่งเล่น”
“แม่จ๋าของหนูคือ คือ...”
“แม่จ๋าของลลินน์น่ะเหรอ ใครก็รู้จัก แม่จ๋าเป็นเจ้าของไร่ที่หย่ายมากที่อยู่ข้าง ๆ นี่ล่ะคุณลุงไม่รู้จักเหรอ” ยัยหนูที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าพ่อจ๋าบอกเล่าแล้วก็เอียงคอด้วยความสงสัย คุณลุงไม่รู้จักแม่จ๋าเหรอ แม่จ๋าของเธอใครก็รู้จัก
ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำ สองหูของเขาได้ยินอย่างชัดเจน และยิ่งมองใบหน้าของยัยหนูก็ยิ่งแน่ชัด เด็กคนนี้ไม่ได้เหมือนน้องสาวและน้องชายอย่างที่เขาคิด...เธอเหมือนเขาต่างหาก
เด็กคนนี้คือลูกของเขากับลัลน์ลภัสที่เขาเพิ่งจะได้รู้ว่ามีตัวตน
นานแค่ไหนแล้วที่เขาทิ้งให้แกเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อ นานแค่ไหนแล้วที่ลัลน์ลภัสเลี้ยงดูแกมาตามลำพัง
โธ่ ลูกพ่อ
แค่คิดรัชพลก็อยากจะทุบตีตัวเองให้ตายลงตรงนี้ เขาทำอะไรลงไปตลอดห้าปีมานี้ ไอ้โง่เอ้ย ทำไมถึงไม่เปิดจดหมายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับ ทำไมถึงมัวแต่เอ้อระเหยอยู่ได้
มือหนายื่นขึ้นหมายจะแตะไปที่แก้มย้วย ๆ ของยัยหนูแต่แล้วก็ต้องชักกลับ ยัยหนูจะเกลียดเขามั้ยถ้ารู้ว่าเขาเป็นพ่อที่ไม่เคยรู้เรื่องของแกเลย
มือนี้ควรคู่พอที่จะแตะต้องตัวแกหรือไม่
‘ลูกพ่อ’
“คุณลุงคะคุณลุงเป็นอะไรไป” เด็กหญิงพิมพ์รตายังคงไม่เข้าใจท่าทีของคุณลุงสุดหล่อตรงหน้าแต่ก็นึกเป็นห่วง หรือคุณลุงจะไม่สบายกันนะ
“พะ เอ่อ ลุง ลุงไม่เป็นอะไร ไม่เป็นไร”
“งั้นลลินน์ไปหายายศจีก่อนนะคะ ลลินน์หิวมาก คุณย่าบอกว่ายายศจีทำของอร่อยไว้เยอะเลย”
“ลุงไปด้วยได้มั้ย”
“ได้ค่ะ มาทางนี้เลย” ไม่เพียงแค่ตอบรับแต่ยัยหนูยังยื่นมือมาจับแขนแข็งแรงและจับจูงเดินไปที่ครัวราวกับว่ารู้หนทางดีกว่าอีกคน สัมผัสนุ่มนิ่มจากนิ้วน้อย ๆ ที่จับจูงอยู่ทำให้รัชพลแทบไม่อยากจะปล่อยมือ ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยตัวล่องลอยอยู่ภายในท้อง ความรู้สึกอยากทะนุถนอมและหวงแหนเกิดขึ้นภายในใจของรัชพล เขาไม่กล้าจะดึงมือออกเลยสักนิดกลัวว่ายัยหนูจะต้องระคายเคือง
มหัศจรรย์เหลือเกิน ในชีวิตเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะรักและรู้สึกหวงแหนใครได้รวดเร็วขนาดนี้...สายใยพ่อลูกนี่มันมหัศจรรย์จริง ๆ
‘ยัยหนูของพ่อ’
