บทที่13 หนูน้อยกับคุณลุง
เช้านี้ที่บ้านพลาพลพิทักษ์แตกต่างออกไปจากทุก ๆ วัน ลูกชายคนกลางที่มักจะนั่งรอรับประทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนพ่อและแม่ก่อนจะไปไร่อิงตะวันไม่ได้นั่งรออยู่เหมือนทุก ๆ วัน กลับกันกลับมีลูกชายคนโตของบ้านนั่งอยู่แทน
“เพลิง” เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ทำให้รัชพลต้องเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว ท่านเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่แล้วก็ไม่พูด
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“แม่ แม่แค่จะถาม...กลับมาแล้วจะไปที่ไร่อิงตะวันมั้ย” คุณพรพรรษาถามก่อนจะกัดปากตัวเอง เธออยากจะบอกเรื่องยัยหนูลลินน์ให้ลูกชายตาสว่างเสียที แต่ทำไปทำมาก็นึกถึงคำขอร้องของลูกสะใภ้ขึ้นมาจนพูดไม่ออกจึงได้แต่เลียบ ๆ เคียง ๆ เรื่องไร่อิงตะวันแทน...ถ้าเจ้าตัวไปรู้ไปเห็นเองเธอและที่บ้านก็ไม่ได้ผิดสัญญาใช่มั้ย
รัชพลนิ่งไปกับคำถามของผู้เป็นแม่ มันสะกิดใจไม่น้อยเลยคำว่าไร่อิงตะวันความรู้สึกลึก ๆ บอกว่าเขาต้องไปที่นั่น แต่อีกด้านก็บอกว่ายังไม่ควร
“คงยังครับ ผมยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมกลับมา”
“ใครที่ว่า แกหมายถึงเมียแกเองสินะ เหอะ เขาไม่อยากรู้หรอกนะว่าแกจะมาจะไป ในสายตาเขาไม่มีแกแล้ว” พ่อเลี้ยงรัชภูมิพูดลอย ๆ ขณะที่คนเป็นลูกนั้นหัวใจกระตุกวาบกับคำว่าในสายตาเขาไม่มีแกแล้วของผู้เป็นพ่อ
มันดูโหวง ๆ ชอบกลในยามที่ได้ยิน
“ก็สมควรอยู่หรอก” รัชพลพึมพำ ใช่ว่าเขาจะไม่คิด มันก็ผ่านมาขนาดนี้เธอคนนั้นก็คงไม่เหมือนเดิมแล้วทั้งจิตใจและความรู้สึก
ชายหนุ่มทำทียักไหล่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่เพชรมันต้องเข้าไปดูรีสอร์ทตั้งแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ”
“เพชรไม่ได้ดูรีสอร์ทหรอกค่ะพี่เพลิง เพชรไปทำงานที่ไร่อิงตะวันน่ะ ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าของไร่”
ได้ยินว่าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าของไร่รัชพลก็ชะงักไป นึกถึงคำพูดอัปมงคลของเสี่ยพจน์ขึ้นมาจนรู้สึกขมแปร่งในลำคอ “ผู้ช่วยพ่อเลี้ยงภากร?”
“พี่เพลิงคะ...ที่ไร่อิงตะวันตอนนี้มีแค่แม่เลี้ยงลันน์ลภัส พ่อเลี้ยงภากรท่านไม่อยู่แล้ว” รัชนีญาที่รวบช้อนเพราะรู้สึกอิ่มตื้อทั้งที่เพิ่งรับประทานไปไม่กี่คำเอ่ยบอกก่อนจะถอนใจ “พลอยถึงบอกไง ว่ามีอะไรที่พี่ไม่รู้รอพี่อยู่อีกเยอะ”
คำว่าพ่อเลี้ยงภากรไม่อยู่แล้วยังก้องอยู่ในหัว รัชพลนิ่งงัน ถึงจะได้ยินเสี่ยพจน์พูดแต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก แต่ตอนนี้...มันคือความจริงสิ
เขาไม่เคยรับรู้เลยสักนิด ไม่รู้เลยจริง ๆ เหมือนที่บ้านจะอยากพูดแต่เขาไม่เคยรับฟัง...ผู้หญิงคนนึงต้องสูญเสียเสาหลักไป ชีวิตที่ผ่านมาจะเป็นยังไงกันนะ
“ทะ ท่านจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สามเดือนมั้งคะ...สองเดือนหลังจากที่พี่ไปจากที่นี่” รัชนีญาตอบก่อนที่ทั้งโต๊ะจะเงียบไป คนที่ตกใจก็มีเพียงแค่รัชพล ชายหนุ่มร่างนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง...เขาทำผิดพลาดไปจริง ๆ
“พี่ทำพลาดจริง ๆ” คำพูดนั้นชายหนุ่มเหมือนจะพึมพำแต่รัชนีญารู้ดีว่าอีกฝ่ายพึมพำกับตน รัชนีญาไม่ตอบใด ๆ ส่วนพ่อเลี้ยงรัชภูมิที่ยังขุ่นเคืองบุตรชายเองก็รวบช้อนและลุกออกไปจากโต๊ะอาหารคุณพรพรรษาลูบไหล่บุตรชายก่อนจะลุกตามสามีไปอีกคน
ชายหนุ่มนิ่งคิด ท่าทีของครอบครัวมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ หรือสิ่งที่เขาทำมันมีอะไรที่ร้ายแรงไปกว่านั่นกัน
“จริงสิ วานพี่เพลิงเอาปิ่นโตไปให้เพชรหน่อยนะคะ เพชรคงรีบออกไป น่าจะยังไม่ได้กินอะไร” เสียงของรัชนีญาดังขึ้นหลังจากที่บนโต๊ะเหลือกันแค่เพียงสองคนก่อนที่จะหันไปสั่งแม่ครัวให้จัดอาหารใส่ปิ่นโตให้กับลูกชายคนกลางของบ้านก่อนจะหันกลับมาพี่ชายคนโตอีกครั้ง “อะไรที่ควรแก้ก็รีบแก้ ไปดูเอาเองนะคะว่ามีอะไรที่ควรแก้มั้ย”
“อ้อ” น้องสาวคนเดียวลุกขึ้นแล้วและกำลังจะเดินจากไปแต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันกลับมาหาพี่ชายอีกครั้ง “เผื่อไม่รู้...ลูกจันทร์เขาตัดสินใจจะหย่าแล้ว มันกำลังจะสายไปแล้วค่ะ”
อยู่ ๆก็รู้สึกหวิว ๆ หายใจไม่ทั่วท้องทั้งที่เมื่อเช้าวานเขายังคิดกับตัวเองอยู่เลยว่าจะไปทางไหนดีเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตคู่ แต่พอได้ยินว่าเธอจะหย่าลึก ๆ มันกลับไม่ยินยอมเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มขบคิดไม่นานคนรับใช้ในบ้านก็ออกมาพร้อมกับปิ่นโต เขารับอาหารเช้าของน้องชายมาก่อนที่จะเดินออกจากบ้านและมุ่งตรงไปที่ไร่อิงตะวันทันที
เพราะไร่อิงตะวันไม่ได้ไกลมากชายหนุ่มจึงไม่ได้ขับรถไปให้เอิกเกริก จักรยานที่มีไว้ให้แขกในรีสอร์ทถูกปั่นมาจนถึงด้านหน้าไร่อิงตะวัน
ชายหนุ่มที่ใส่หมวกสวมแว่นดูลึกลับกับจักรยานหนึ่งคันที่มาจอดด้านหน้าทางเข้าไร่ทำให้บรรดาการ์ดสนใจเป็นอย่างมาก การ์ดของไร่ซักไซ้รัชพลอยู่หลายคำด้วยความไม่ไว้ใจ ดูเหมือนหลายคนจะเพิ่งมาทำงานจึงได้ไม่รู้จักเขา ชายหนุ่มไม่ได้แปลกใจ เขาบอกเพียงว่าตนเป็นคนของรีสอร์พรพรรษา เอาปิ่นโตมาให้รณพีร์แต่ถึงอย่างนั้นทางฝั่งนั้นก็ยังไม่พอใจขอตรวจค้นให้แน่ใจเสียก่อน
กว่าการ์ดของไร่อิงตะวันจะปล่อยให้ชายหนุ่มปั่นจักรยานเข้ามาในไร่ก็ใช้เวลาตรวจอาวุธอยู่หลายนาที รัชพลปั่นจักรยานเข้ามาช้า ๆ พร้อมกับมองสำรวจอาณาจักรที่พ่อเลี้ยงภากรสร้างเอาไว้อย่างพิจารณา คนที่เก่งกาจและกว้างขวางคนนั้นจากไปแล้วจริง ๆ น่ะหรือ
ที่นี่ไม่ได้ทรุดโทรมไปเลยสักนิด ทุกอย่างยังดูมีระบบระเบียงเช่นเคย ทั้งหมดนี่ลันน์ลภัสดูแลเพียงลำพังงั้นหรือ
ชายหนุ่มขบคิดอย่างนั้นก่อนจะหันกลับมามองทางอีกครั้ง จะว่าไปแล้วเขาจะไปหารณพีร์ได้ที่ไหนละ ที่นี่มันกว้างขนาดนี้ มือหนากำเบรกทันทีที่คิดได้ ชายหนุ่มจอดจักรยานก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณอีกครั้ง จะมีใครมั้ยที่จะบอกทางเขาได้
“ต้นเพลิง ต้นเพลิง อยู่หนาย” เสียงเด็กดังแว่วมาจากด้านหลังทำให้รัชพลต้องหันขวับไปมอง เด็กที่ไหนมาเรียกอะไรเพลิง ๆ อยู่แถวนี้
“ง๊าว” ได้ยินเสียงเด็กยังไม่พอยังมีเสียงแมวดังมาอีก ทว่าคราวนี้เสียงไม่ได้มาจากทิศทางเดียวกัน ชายหนุ่มมองหาเจ้าของเสียงง๊าวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ก่อนแล้วก็ได้เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นนั่งตาแป๋วอยู่บนต้นจามจุรีที่อยู่ไม่ไกลจากถนนสักเท่าไหร่
“ขึ้นไปอยู่อะไรบนนั้นหึเจ้าเมี๊ยว” เห็นว่ารอบข้างยังไม่มีใครรัชพลก็เอ่ยก่อนจะมองเจ้าตัวอ้วนบนต้นจามจุรีอย่างเอ็นดู น้อยคนจะรู้ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ชอบเจ้าสัตว์สี่ขาขี้อ้อนชนิดนี้พอสมควร ก็ไม่ถึงกับเป็นทาสแมวหรอกนะ แต่เห็นแมวแล้วเขาเสียอาการทุกที...แต่ที่บ้านไม่รู้หรอก
“ง๊าว”
“ลงไม่ได้ละสิ” เขาถามราวกับว่าเจ้าตัวขนสีน้ำตาลเข้มค่อนไปดำ ๆ จะตอบกลับมาได้ก่อนจะปีนป่ายขึ้นไปจับเจ้าตัวอวบอ้วน เจ้าแมวตัวอวบไม่ได้ตื่นกลัวแตกต่างไปจากแมวทั่วไปที่คนแปลกหน้าจะจับไม่ได้ทำให้การช่วยเหลือไม่ได้ทุลักทุเลนัก
มือขวาจับเจ้าตัวอวบไว้ก่อนจะกระโดดลงจากต้นจามจุรีอย่างกระฉับกระเฉง เขามองพิจารณาเจ้าแมวอีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปเกาคางอย่างมั่นเขี้ยว ใครกันนะขุนเจ้านี่จนอ้วนฉุลงจากต้นไม้ไม่ได้แบบนี้
“เจ้านายแกเลี้ยงดีเกินไปสินะเจ้าอ้วน” ยิ่งได้เห็นชัด ๆ ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายเขายื่นหน้าเข้าไปถูไถกับเจ้าตัวอ้วนก่อนจะอมยิ้ม ช่างน่ารักน่าชังเสียจริง
เขาอมยิ้มอย่างหมั่นเขี้ยวแต่แล้วรอยยิ้มก็แข็งค้างด้วยความขัดเขินเมื่อเหลือบมองไปดวงตาทอประกายไร้เดียงสาจ้องมาตาใสแจ๋ว
‘เวรล่ะ’
สายตาคู่นั้นที่ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดยังคงจ้องมองมาก่อนจะหลุบมองสิ่งที่ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา แค่ได้เห็นท่าทีของเจ้าตัวอ้วนรัชพลก็สันนิษฐานได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ชายหนุ่มกระแอมแก้เก้อก่อนจะถามขณะที่ก้าวเข้าไปหาหนูน้อยที่ให้ความรู้สึกคุ้นทั้งที่ไม่เคยเจอ
“อะแฮ่ม...หนูเป็นเจ้าของแมวตัวนี้เหรอ”
“ค่ะ ต้นเพลิงเป็นแมวของหนู คุณลุงจะทำอะไรต้นเพลิงของหนูคะ”
“เปล่า ๆ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเมื่อถูกถามว่าทำอะไรแมวของหนูด้วยสีหน้าท่าทางเอาเรื่อง อยู่ ๆ เขาก็กลัวเด็กคนนี้จะมองเขาในแง่ร้ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ลุงเห็นเจ้าตัวนี้อยู่บนโน่น เลยเอาลงมา ไม่ได้จะทำอะไรนะ”
“อย่างนั้นลลินน์ขอต้นเพลิงคืนนะคะ”
“หนูแน่ใจนะว่าเป็นเจ้าของแมวตัวนี้จริง ๆ” ทั้งที่จะคืนให้ก็ได้แต่อะไรบางอย่างกลับทำให้รัชพลยึกยักซ้ำยังอุ้มเจ้าแมวอ้วนที่มามีชื่อคล้าย ๆ กันเอาไว้แน่นพร้อมกับนั่งลงมองหนูน้อยทำแก้มป่องอย่างขัดใจที่ถูกคุณลุงแปลกหน้ายึดเจ้าต้นเพลิงเอาไว้
“คุณลุงจะขโมยแมวลลินน์เหรอ ลลินน์จะแจ้งตำหนวดนะ”
“ตำรวจต่างหากล่ะหนูน้อย” เห็นท่าทีขู่ฟ่อของยัยหนูที่แทนตัวเองว่าชื่อลลินน์คนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกกลับใครนักกลับยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
เด็กอะไรทำแก้มป่องข่มขู่ได้น่ารักน่าชังแบบนี้
พ่อแม่จะเป็นคนที่เขารู้จักหรือเปล่านะ
“นั่นแหล่ะ ถ้าคุณลุงไม่คืนลลินน์จะฟ้องคุณตำรวจ ว่าคุณลุงขโมยเพื่อนของลลินน์ ฮึ ลลินน์เอาจริงนะ” ยัยหนูยังคงขู่จะฟ้องพร้อมกับกอดอกมองไม่วางตา “ลลินน์รู้จักตำรวจเยอะด้วยนะจะบอกให้”
ยิ่งยัยหนูแก้มป่องสับทับขู่เพิ่มรัชพลก็ยิ่งขบขันก่อนจะระบายยิ้มและยื่นเจ้าตัวอ้วนต้นเพลิงส่งให้ “งั้นลุงคืนเพื่อนให้หนูแล้วกัน อย่าโกรธลุงเลยนะ ลุงกลัวแล้ว”
“ฮึ ก็แค่นี้” คนที่คิดว่าเป็นต่อพูดก่อนจะยกมือไหว้และรับเจ้าเพื่อนรักสี่ขามาอุ้มไว้ แม่จ๋าสอนว่าผู้ใหญ่ยื่นอะไรให้ต้องไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู ยัยหนูไม่เคยลืมแม้ว่าของที่ได้รับมาจะเป็นของของเธอเอง
“ขอบคุณที่ช่วยต้นเพลิงนะคะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นการเก็บเรื่องเมื่อกี้เป็นความลับได้มั้ย” แม้จะถูกความน่ารักของหนูน้อยทำให้ใจละลายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่ชายหนุ่มก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญ...จะให้เอาไปพูดไม่ได้ว่าผู้กองรัชพลเป็นทาสแมว
มันน่าอับอายเกินไป
“เรื่องอะไรเหรอคะ” ยัยหนูถามอย่างพาซื่อ ทำไมต้องมีเรื่องเก็บเป็นความลับด้วยละ คนเราต้องตรงไปตรงมาสิ
“ก็แบบว่า...อย่าบอกใครว่าลุงกอดหอมเจ้าต้นเพลิได้มั้ย”
“ดะ...”
“น้องลลินน์ อยู่ไหนคะ” ยังไม่ทันที่ยัยหนูจะได้ตอบรับเสียงของบุษรินทร์ก็ดังมาแต่ไกล เด็กหญิงพิมพ์รตาหันกลับมามองคุณลุงหน้าคุ้นแต่ไม่เคยเจออีกครั้งก่อนจะบอกลาและวิ่งไปหาพี่เลี้ยงยังสาวทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิมตามลำพัง
เอาเถอะ ถือว่ายัยหนูคนนี้รับปากแล้วก็แล้วกัน
จะว่าไปก็แปลก เขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้อย่างประหลาดทั้งที่ไม่เคยพบเจอ ทำไมถึงได้คล้ายน้องสาวกับน้องชายเขาแบบนั้นนะ...คงไม่ใช่เจ้าน้องตัวดีแอบมามีลูกมีเมียอยู่ที่นี่หรอกนะ
