บท
ตั้งค่า

บทที่12 ลูกชายบ้านพลาพลพิทักษ์

ขณะที่ลันน์ลภัสตัดสินใจอย่างแน่วแน่และพูดคุยกับทนายให้อีกฝ่ายนำใบหย่าไปมองให้พ่อของลูกที่กรุงเทพฯเป็นที่เรียบร้อยและดำเนินชีวิตไปตามปกติจนถึงค่ำใครบางคนที่เธอหวังเพียงแค่อยากให้หนูน้อยพิมพ์รตาได้เห็นหน้าสักครั้งกลับปรากฎตัวขึ้นหน้าบ้านพลาพลพิทักษ์ท่ามกลางความตกตะลึงของครอบครัว

“พลอย นี่เธอ...” รณพีร์เป็นคนแรกที่ส่งเสียงขึ้นหลังจากที่ทุกคนตกอยู่ในความตกตะลึง หลายนาทีก่อนหน้านั้นรัชนีญากำลังบอกเล่าเรื่องที่ลันน์ลภัสเอ่ยปากว่าจะหย่าให้พ่อและแม่ของเขาฟังและทั้งสามก็กำลังนั่งกลุ้มใจค้นหาหนทางยับยั้งกันอยู่ ต่างก็ระดมความคิด บ้างก็ว่าจะแกล้งป่วยเพื่อเรียกตัวปัญหากลับมาบ้างละ บ้างก็ว่าจะบอกเรื่องที่ลันน์ลภัสจะหย่าให้ตัวปัญหาฟังบ้างละ แต่ตอนนี้เจ้าตัวปัญหากลับมายืนอยู่หน้าบ้าน...นี่ฝีมือรัชนีญาสินะ

“เปล่า” รัชนีญาปฏิเสธลั่นด้วยใบหน้าเหรอหรา เปล่านะ เธอยังไม่ได้โทร.ไปพูดอะไรกับรัชพลสักอย่าง สี่ห้าปีมานี้ก็ไม่เคยโทร.ไปเลยสักครั้ง แต่พี่ชายคนโตของเธอมาได้ยังไงกัน

ลูกสาวและลูกชายคู่ฝาแฝดกำลังมองหน้าพูดคุยกันเบา ๆ แต่ผู้เป็นพ่อกลับส่งเสียงทักลูกชายคนโตที่อยู่ดี ๆ ก็มายืนอยู่หน้าบ้านด้วยน้ำเสียงติดจะประชด “โผล่หัวมาได้แล้วเหรอ นึกว่าแกจะจำทางกลับบ้านไม่ได้เสียแล้ว”

รัชพลไม่ตอบรับใด ๆ เขายังคงยืนนิ่ง ความสัมพันธ์ในครอบครัวมันไปในทิศทางไหนเขาก็ไม่มั่นใจนัก ตั้งแต่ที่ผู้เป็นพ่อขู่จะตัดพ่อตัดลูกถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานและวันที่ให้เขาไปอยู่ที่ไร่อิงตะวันทุกอย่างก็เหมือนจะผลักดันให้เกิดความห่างเหิน ยิ่งเขาตัดสินใจไปจากที่นี่ผู้เป็นพ่อก็ไม่เคยแม้จะโทร.หาเขาเลยสักครั้ง มีเพียงแค่ผู้เป็นแม่ที่ติดต่อหา เขาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

“เกิดอะไรขึ้นลูก เมื่อเช้าคุยกันลูกไม่ได้บอกแม่นี่ว่าจะมา” คุณพรพรรษาลูบไหล่สามีก่อนจะเดินเข้าไปสอบถามลูกชายที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แม้ว่าลึก ๆ เธอจะรู้สึกโล่งใจที่ลูกชายคนโตกลับมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปอย่างคาดไม่ถึงแต่พอได้เห็นใบหน้าเหน็ดเหนื่อยก็นึกห่วงขึ้นมา

“ปิดคดีใหญ่ได้ผู้กำกับเลยให้ผมพักสักระยะน่ะครับ”

“เหอะ...ถ้าผู้กำกับไม่บอกให้พักคงไม่คิดจะกลับมาสินะ งี่เง่าชะมัด” รณพีร์พูดขึ้นทันทีที่ได้รู้สาเหตุที่พี่ชายกลับมาที่บ้านก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้าน พับผ่าสิ ฟังเหตุผลในการกลับบ้านของพี่ชายเขาสิ มันน่าฟังที่ไหน ถ้าบอกว่าคิดถึงพ่อแม่หรือรู้ตัวแล้วว่าทำผิดไปก็คงจะดีหน่อย นี่อะไร นายสั่งให้พักเนี่ยนะ ไอ้งี่เง่าเอ้ย

“เพชรนะเพชรทำไมพูดแบบนี้เนี่ย...”

“เพชรมันก็พูดถูกแล้วละพลอย ถ้าไม่มีคนบอกให้พักคนแถวนี้มันก็ไม่คิดจะโผล่มาให้พ่อให้แม่ได้เห็นหน้าหรอก” พ่อเลี้ยงรัชภูมิผู้เป็นพ่อแทรกขึ้นก่อนเดินกลับเข้าบ้านไปอีกคนเหลือเพียงผู้หญิงสองคนของบ้านที่ยังยืนอยู่กับคนมาใหม่ คุณนายพรพรรษาบอกลูบไหล่ปลอบลูกชายก่อนจะชักชวนเข้าไปภายในบ้าน

รัชพลมองสำรวจทุกคนในบ้านทันทีที่เข้ามาถึงห้องนั่งเล่นซึ่งผู้เป็นพ่อและน้องชายเข้ามานั่งทำทีไม่สนใจเขาอยู่แล้ว คุณนายพรพรรษาดูจะแก่ขึ้นมาก พ่อเลี้ยงรัชภูมิเองก็ไม่ต่างกันและดูเหมือนนอกจากสังขารที่ร่วงโรยไปมากท่านยังดูเหมือนคนป่วยเสียอีก ส่วนน้องชายที่ทำปั่นปึ่งใส่กันก็แทบไม่เหมือนกับน้องชายที่เขาเคยคุ้นตา รณพีร์หนวดเครารุงรังไปหมดแต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก รัชนีญาน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาเองก็ดูโตขึ้นทีมากทีเดียว...เขาจากบ้านไปนานแล้วจริง ๆ

“กินข้าวกินปลามารึยังเพลิง แม่ให้เด็กเตรียมให้ดีมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมทานมาแล้ว” รัชพลบอกก่อนที่จะขอตัวไปพัก ทันทีที่คิดได้ว่าจะกลับบ้านเขาก็เก็บกระเป๋าและขับรถมาเลยไม่ได้นอนพักเอาแรงทำให้มาถึงตอนนี้เพิ่งจะมารู้สึกเหนื่อย ไว้นอนสักคืนพรุ่งนี้เช้าค่อยคิดอีกทีว่าจะพูดคุยอย่างไรกับครอบครัวแล้วกัน

เพราะห้องของรัชพลถูกปิดมาหลายปียังไม่ได้ทำความสะอาดชายหนุ่มจึงต้องไปนอนในรีสอร์ทแทนท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างประหลาดใจ

“พักที่นี่ก่อนนะคะพี่เพลิง เดี๋ยวพรุ่งนี้พลอยจะให้เด็กไปทำความสะอาดห้องให้” น้องสาวที่นำทางมายังห้องพักที่ว่างอยู่บอกพร้อมกับยื่นกุญแจห้องให้

“ช่วงที่พี่ไม่อยู่ สบายดีรึเปล่า”

“ก็ดีค่ะ พลอยไม่เจ็บป่วยอะไร จะมีก็แต่คุณพ่อที่เข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เห็นประชดประชันเก่งแบบนั้นที่จริงท่านกำลังป่วยอยู่นะคะ ถ้าพี่เพลิงไม่กลับมาบางทีคงได้มาหาท่านในวันที่ท่านไม่อยู่แล้วก็เป็นได้” รัชนีญาบอกก่อนจะยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่พูดมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย “แต่พลอยก็ดีใจนะที่พี่เพลิงกลับมา มีอะไรรอพี่เพลิงอยู่เยอะแยะเลย เยอะจนพี่จะคิดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ไป”

ได้ยินคำพูดคำจาของน้องสาวที่ดูจะแข็ง ๆ ไปรัชพลก็ต้องถอนใจและถามในคำถามที่ใครผ่านมาก็คงไม่เข้าใจ “พลอยรู้ดีที่สุดว่าพี่ทำไปเพราะอะไร”

“นั่นมันเมื่อห้าปีก่อนค่ะ มันใช้ไม่ได้กับตอนนี้ พักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังมีอะไรที่พี่ไม่รู้รอพี่อยู่อีกเยอะเลย” รัชนีญาบอกเพียงแค่นั้นก่อนจะตัดบทและหันหลังให้พี่ชาย ลูกสาวคนเล็กของบ้านพลาพลพิทักษ์แหงนหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดก่อนจะจมดิ่งไปกับสิ่งที่เธอรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจพลาดไป

ห้าปีก่อน

‘พี่เพลิงคะ นี่มันอะไร พี่ทำเรื่องย้ายทำไม’ เสียงที่ตื่นตะหนกเอ่ยถามทันทีที่เห็นเอกสารทำเรื่องย้ายของพี่ชายทั้งที่ฤกษ์แต่งงานเพิ่งจะถูกกำหนดไปเมื่อเช้านี้ พี่ชายของเธอทำไมถึงคิดจะทำอะไรใจร้ายแบบนี้

‘ก็พี่จะย้ายกลับกองปราบฯ’

‘แต่ว่าพี่กำลังจะแต่งงานกับลูกจันทร์นะคะ จะย้ายไปแบบนี้’

‘เสี่ยพจน์ยังไม่ถูกจับ อยู่ที่นี่ตามตัวมันไม่คล่อง’ คนเป็นพี่ที่กำลังเก็บเสื้อผ้ายัดลงในกระเป๋าเอ่ยบอกก่อนจะถอนใจ ‘ถ้าจับไม่ได้มันก็จะแว้งกลับมาแก้แค้น พี่ไม่อยากให้พ่อเลี้ยงภากรต้องมาเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ แค่ที่ท่านทำมันก็มากมายแล้ว พี่ไม่อยากให้พวกเขามาเป็นอันตรายเพราะพี่ รวมถึงเรากับเจ้าเพชรและพ่อแม่ด้วย’

‘ยังไงพี่ก็ต้องแต่งงานกับลูกจันทร์ยังไงก็เกี่ยวข้องกัน’

‘พี่จะหาทางยกเลิกงาน ถ้ายกเลิกไม่ได้พี่จะหาทางหย่า พี่ให้คนของไร่อิงตะวันมาเกี่ยวไม่ได้’

‘พี่เพลิง’

‘พลอย...อย่าพูดเรื่องนี้กับใคร ถ้าพี่ไม่อยู่ที่นี่พลอย เพชร พ่อ แม่ และคนของไร่อิงตะวันจะปลอดภัย ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เพื่อความปลอดภัยของทุกคนได้มั้ย’

รัชนีญาไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้ท้วงติงพี่ชาย ทุกอย่างที่รัชพลอธิบายมามันล้วนมีเหตุผล ตราบใดที่ยังจับเสี่ยพจน์ไม่ได้ฝ่ายนั้นก็ย้อนกลับมาแก้แค้นได้เสมอ ถ้ารัชพลยังอยู่ที่นี่เขาไม่มีกำลังพอที่จะต่อกรกับเสี่ยพจน์แน่ ๆ ดูอย่างเรื่องที่ผ่านมาสิ อำนาจมืดทำให้พี่ชายของเธอช่วยอะไรครอบครัวไม่ได้เลยสักนิด ถ้ารัชพลกลับไปยังสังกัดเดิมก่อนที่จะย้ายมา พี่ชายของเธอก็จะคล่องตัวและมีหนทางตามล่าเสี่ยพจน์ได้ง่ายกว่า ลันน์ลภัสและพ่อเลี้ยงภากรที่ออกหน้าช่วยเรื่องนี้ก็จะปลอดภัย...ไว้จับเสี่ยพจน์ได้ค่อยทำให้รัชพลกับลันน์ลภัสเข้าใจกันก็ได้นี่นา

ปัจจุบัน

ในอดีตเธอคิดว่าเสี่ยพจน์จะถูกจับได้เร็วไว แต่ไม่เลย ทุกอย่างไม่เป็นอย่างนั้น การแต่งงานจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อความสบายใจของพ่อเลี้ยงภากร เสี่ยพจน์หายเข้ากลีบเมฆ รัชพลแน่วแน่ในการตัดสินใจของตัวเองในขณะที่ลันน์ลภัสก็ท้องและขอร้องไม่ให้ใครพูดเรื่องท้องกับรัชพล ลันน์ลภัสมองว่ารัชพลไม่ใยดีไปแล้วส่วนพี่ชายของเธอก็ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวไปหมด ผิดพลาดไปหมด...มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

“พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน พี่เพลิงพักผ่อนเถอะ” รัชนีญาบอกหลังจากที่พาใจกลับมาจากภวังค์ความหลังได้ หญิงสาวเดินผละจากที่พักของพี่ชายทันทีก่อนที่คนเป็นพี่จะเดินเข้าห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

กระเป๋าสัมภาระซึ่งไม่มีอะไรมากถูกวางลงบนเตียงก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะทิ้งตัวลงนอนด้วยความรู้สึกที่บอกตัวเองไม่ได้ ได้มาเห็นพ่อและแม่ที่แก่ไปมากทั้งที่ผ่านไปไม่กี่ปีความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นในใจ ยิ่งได้รู้จากรัชนีญาว่าผู้เป็นพ่อกำลังป่วยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นชายหนุ่มก็ยิ่งละอายใจ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจริง ๆ สินะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel