บทที่1 น้องลลินน์
ไร่อิงตะวัน, หกปีต่อมา
“ลลินน์คะ ลลินน์อยู่ที่ไหนลูก”
น้ำเสียงหวานเจือความอ่อนโยนดังแว่วมา เรียกให้เด็กหญิงพิมพ์รตาหรือน้องลลินน์หนูน้อยวัยกำลังจะห้าขวบในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่กำลังนั่งเกาพุง ‘เจ้าต้นเพลิง‘ เจ้าแมวศุภลักษณ์ตัวอ้วนฉุเพื่อนรักสี่ขา อยู่ในมุมนึงของสวนดอกไม้ด้านหลังบ้าน หันขวับมองไปหาต้นเสียงที่กำลังส่งเสียงเรียกหาเธออยู่ก่อนจะลุกขึ้นและวิ่งเตาะแตะไปหาต้นเสียงอย่างร่าเริง
“ลลินน์อยู่ตี่นี่จ้าวแม่จ๋า ปี้บัวจ๋า” เสียงพูดฉะฉานตอบรับพร้อมกับโผล่ใบหน้าชวนเอ็นดูมาให้คนเป็นแม่อย่างลันน์ลภัสและบุษรินทร์หรือที่เจ้าตัวเรียกว่าพี่บัวได้เห็นโดยมีเจ้าต้นเพลิงเดินตามมาติด ๆ “แม่จ๋ากับปี้บัวจ๋าฮ้องหาน้องก่า ฮ้องน้องยะหยังเจ้า”
ลันน์ลภัสคลี่ยิ้มอ่อนโยนทันทีที่ได้เห็นหน้าลูกสาวเพียงคนเดียว หญิงสาวย่อตัวลงในระดับเดียวกันก่อนจะบอกเล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก “แม่จะพาน้องไปหาเตี่ยวตัวเมือง จะไปก่อ”
“ปายจ้าว ปี้บัวจะไปโตยก่อ”
“แหม่ อู้กำเมืองมาแต่ไกลเลย แบบนี้พี่บัวก็แย่สิคะ” บุษรินทร์ พี่เลี้ยงสาววัยยี่สิบสามหมาด ๆ ของหนูน้อยแสร้งบ่นทีเล่นทีจริงพลางส่ายหน้าเบา ๆ ดูเอาสิสองแม่ลูกคู่นี้เล่นพูดคำเมืองมาเสียทุกคำเธอจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน
ลันน์ลภัสระบายยิ้มขันกับท่าทีของพี่เลี้ยงสาว บุษรินทร์เป็นหลานของคนงานในไร่ที่อยู่กรุงเทพฯมาโดยตลอด หญิงสาวเพิ่งจะมาอยู่ที่ไร่ได้เพียงไม่กี่เดือนทำให้ค่อนข้างไม่เข้าใจภาษาคำเมืองมากนัก และด้วยความน่ารักเวลาที่ฟังไม่เข้าใจของหญิงสาวก็ทำให้หลายคนอู้กำเมืองเป็นการหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง ยัยหนูพิมพ์รตาเองก็เป็นคนหนึ่งแม้ว่าความจริงแล้วยัยหนูเองก็ไม่ได้พูดคำเมืองได้มากนักแต่ด้วยความหัวไวก็ยังจำมาจากที่ได้ยินใครต่อใครพูดกันเพื่อเอามาแกล้งพี่เลี้ยงคนใหม่ด้วยความเอ็นดู
“อย่าแกล้งพี่บัวเขานักเลยลูก เดี๋ยวพี่บัวเขางอนเอานะ”
“คิกคิก ลลินน์ขอสุมาเต๊อะจ้าวปี้บัว น้องบาแกล้งละ” หนูน้อยลลินน์กล่าวขอโทษแล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมพูดภาษากลางให้พี่เลี้ยงสาวได้เข้าใจ เวลาที่พี่บัวทำหน้าตาแบบนี้น่ะน่ารักจะตายไป จะไม่ให้อยากเห็นบ่อย ๆ ได้ยังไงกัน
“โธ่ ตัวเองก็พูดได้ไม่มากยังจะมาแกล้งพี่บัว”
“คิกคิก”
“อะ ๆ พอแล้ว แม่จ๋าว่าเราไปกันดีกว่านะคะลลินน์” ปล่อยให้ลูกสาวแกล้งพี่เลี้ยงคนใหม่พอหอมปากหอมคอแล้วลันน์ลภัสจึงวกกลับเข้าเรื่องและบอกเล่าให้บุษรินทร์ได้เข้าใจในสิ่งที่ตนบอกกับลูกสาว “พี่จะแวะไปที่โรงแรมแล้วก็พาลลินน์ไปหาอะไรกินในเมือง บัวเองก็ไปด้วยกันสิ พี่อยากเลี้ยงข้าว”
ลันน์ลภัสเป็นเจ้าของไร่อิงตะวัน ไร่ชาและกาแฟที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด นอกจากนั้นเธอยังเป็นเจ้าของโรงแรมโอบฟ้า โรงแรมหรูขึ้นชื่อในตัวเมืองอีกด้วย วันนี้หญิงสาวตั้งใจจะแวะไปทำธุระที่โรงแรมโอบฟ้าพร้อมกับพาหนูน้อยพิมพ์รตาไปเที่ยวเล่นตามประสาแม่ลูกด้วยกัน
ความจริงไม่จำเป็นต้องชวนพี่เลี้ยงของลูกสาวไปด้วย เพราะหนูน้อยไม่ได้ดื้อถึงขั้นที่ว่าต้องมีพี่เลี้ยงคอยช่วย แต่เพราะเธออยากจะทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาวคนนี้ให้มากขึ้นจึงได้ชักชวนไปด้วยก็เท่านั้น
บุษรินทร์ขบคิดด้วยความเกรงใจโดยมีหนูน้อยพิมพ์รตาคอยส่งสายตาออดอ้อนมาให้ ดูเอาสิ เจอสายตาออดอ้อนกันแบบนี้เธอจะปฏิเสธได้ยังไงกัน
“ไปกะ...”
“จะไปไหนกัน ไปด้วยสิ”ทว่าไม่ทันที่บุษรินทร์จะได้ตอบรับจบประโยคใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้นพร้อมกับยื่นหน้ามาจากด้านหลังของบุษรินทร์จนพี่เลี้ยงยังสาวถึงกับสะดุ้งโหยงกระโจนไปหลบหลังลันน์ลภัสแทบจะมองตามไม่ทัน
คนที่ส่งเสียงมาเล่นเอาบุษรินทร์ตกใจมองตามร่างผอมที่กระโดดพรวดไปหลบหลังแม่เลี้ยงของไร่พลางส่ายหน้า
“จะอะไรขนาดนั้นแม่คุณ นี่คนนะไม่ใช่ผี”
“ก็เหมือนผีอยู่นะ” ไม่ใช่บุษรินทร์ที่สวนกลับแต่เป็นเจ้าของไร่ยังสาวที่บ่นให้ก่อนจะส่ายหัวอย่างเอือม ๆ บุษรินทร์พยักหน้าหงึกหงักราวกับว่าเห็นด้วยกับคำพูดของเจ้านายสาว
ไม่ใช่ผีก็จริงแต่คนตรงหน้าน่ากลัวอย่างกับผี ดูหน้าตาผมเผ้าเอาสิ หนวดรุงรังผมเผ้าก็ไม่ตัด ถ้าไม่ใช่ชุดที่ใส่ดูมีราคากว่าคนงานสักหน่อยเธอคงคิดว่าคนตรงหน้าโผล่ออกมาจากป่าแล้วแน่ ๆ คนอะไรน่ากลัวชะมัด
รณพีร์ชักสีหน้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มและย่อตัวลงในระดับสายตาของหนูน้อยพิมพ์รตา สายตาคู่นั้นอ่อนโยนลงทันตาเมื่อยัยหนูโผเข้ามาหา
ลันน์ลภัสไม่ได้รั้งลูกสาวหรือเรียกลูกสาวออกมาจากคนที่ดูคล้ายโจรป่าเสียมากกว่าคนทั่วไป เขาไม่ใช่คนที่ไม่น่าไว้ใจ
ผมเผ้ารุงรังไปหน่อยก็เถอะ ยังไงก็เป็นผู้ช่วยคนสำคัญพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของเธอซ้ำเขายังเป็นอาแท้ ๆ ของลูกสาว ต่อให้ดูน่ากลัวแค่ไหนก็รักลูกสาวของเธอยิ่งกว่าอะไร
“อาเพด อาเพดไปแอ๋วในเมืองกับน้องก่อ” หนูน้อยลลินน์ถามทันทีที่เข้าไปหาคุณอายังหนุ่ม อาเพดของหลานสาวที่กำลังจะหอมแก้มหลานสาวชะงักทันทีก่อนจะส่ายหน้าพรืด
“ไม่เอาล่ะในเมืองวุ่นวาย”
หนูน้อยเอียงคอก่อนจะหัวเราะคิก ๆ “อาเพดกลัวเจอกิ๊กเก่าล่ะซี๊ อาพลอยเคยบอกว่าเมื่อก่อนสาว ๆ อาเพดเยอะปะล่ำปะเหลือ”
“ใช่ที่ไหนล่ะ ลลินน์อย่าไปฟังอาพลอย อาพลอยน่ะใส่ร้ายอาเพชร” คนเป็นอาส่ายหน้าปฏิเสธ ในใจคาดโทษคนที่เอาเรื่องไม่สมควรแบบนี้มาพูดให้หลานฟัง ยัยคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แฝดผู้น้องของเขาหรือก็คืออาอีกคนของหนูน้อยนั่นเอง มันน่านักเชียว
“ลองถามแม่จ๋าดูสิ อาเพชรน่ะถูกใส่ร้าย”
“จริงก่อแม่จ๋า”
“อืม...ไม่รู้สิคะ แม่จ๋าบ่าฮู้บ่าหัน แต่เคยปะอยู่นะหลายคนด้วย” คุณแม่ยังสาวบอกก่อนจะลอยหน้าลอยตาเมื่อลูกสาวหันกลับไปจ้องคุณอาทำเอาคุณอายังหนุ่มเหงื่อตก
“อาเพดเจ้าชู้ ไม่น่ารักเลย”
“โธ่”
ท่าทางหงอลงของชายหนุ่มทำให้ลันน์ลภัสยิ้มขำขณะที่บุษรินทร์ที่แอบมองอยู่เองก็หลุดหัวเราะเช่นกัน ผู้ชายคนนี้เธอไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ แต่เจอทีก็โผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียงและยังมาด้วยหน้าตาที่ดูดุดัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชายหนุ่มเลิ่กลั่กและหงอลงขนาดนี้ สมน้ำหน้า มาทำให้คนอื่นเขากลัว
“อาเพดเจ้าชู้ ลลินน์ไม่คุยด้วยแล้ว เราไปกันเถอะค่ะแม่จ๋า พี่บัวจ๋า” หนูน้อยหันกลับมาบอกแก่ผู้เป็นแม่ก่อนจะทำทีสะบัดหน้าหนีคุณอาหนุ่ม
“โธ่ลลินน์”
“ชิ อยากให้ลลินน์คุยด้วยต้องไปกับลลินน์”
“อะ ๆ อาเพชรไปด้วยก็ได้” รณพีร์เอ่ยอย่างยอมจำนนก่อนที่หลานสาวจะหันกลับมาฉีกยิ้มให้ ไอ้ที่ว่าเขาเจ้าชู้อย่างนั้นอย่างนี้จะงอนไม่คุยด้วยก็แค่อยากให้ไปด้วยก็เท่านั้นแหละ
ลันน์ลภัสที่รู้อยู่แล้วส่ายหน้าเอ็นดูก่อนจะหันกลับมาหาบุษรินทร์ “งั้นไปกันเถอะบัว มีคนขับรถแล้ว”
“ค่ะ”
“อาเพดอุ้ม ๆ”
“ครับ ๆ อุ้มแล้ว” สองอาหลานยังคงเจือยแจวอยู่ด้านหลังขณะที่บุษรินทร์นั้นรีบเดินตามเจ้านายยังสาวไปเพราะไม่อยากจะหันไปมองสองอาหลาน สายตาของคนเป็นอาเวลามองมาที่เธอมันดูเหมือนไม่ไว้ใจและสังเกตเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น เธอไม่ชอบเอาซะเลย
สองอาหลานยังคงคุยกันระหว่างเดินไปที่รถแต่ก็เสียงเบาลงเมื่อยัยหนูน้อยเหมือนจะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณอา “อาเพด”
“ว่าไงตัวแสบ”
“พี่บัวสวยนะ”
“อาเพชรเลิกเจ้าชู้แล้ว” คุณอายังหนุ่มตอบทันทีโดยไม่ต้องให้หลานสาวพูดอะไรให้ชัดขึ้น ความจริงก็สองสามครั้งแล้วที่ยัยหนูพูดในทำนองนี้ลับหลังพี่เลี้ยงและผู้เป็นแม่...เป็นเด็กเป็นเล็กริจะเป็นกามเทพหาเมียให้อาน่ะสิ
“เลิกเจ้าชู้แล้วก็ดีจิ พี่บัวไม่ชอบคนเจ้าชู้”
“แก่แดดใหญ่แล้วเราน่ะ พอเลย” อาเพดของหนูน้อยปรามก่อนจะรีบเดินไปจนทันเจ้าของไร่สาวที่ตอนนี้เดินนำไปจนถึงรถแล้ว
“ไม่มีอะไรต้องเตรียมก่อนเหรอ”
“ไม่มี เตรียมไว้แล้วอยู่ในรถ เอ้านี่ กุญแจรถ มาลูกลลินน์ มานั่งข้างหลังกับแม่จ๋า” หญิงสาวผู้กุมชะตาของคนงานนับพันตอบคำถามที่ชายหนุ่มถามมาพลางยื่นกุญแจรถให้และเรียกลูกสาวให้มาหา
“พี่บัวนั่งข้างหน้าน๊า ลลินน์จะนั่งกับแม่จ๋าข้างหลัง” หนูน้อยจัดแจงก่อนจะลงจากอ้อมกอดของผู้เป็นอาและเดินไปหาแม่จ๋าที่เปิดประตูที่นั่งด้านหลังรอแล้ว รณพีร์มองหลานสาวก่อนจะส่ายหน้ากับการจัดแจงของเจ้าหลานตัวแสบ
นี่จะจับคู่อาให้ได้เลยหรือไงกัน
