บท
ตั้งค่า

ตอนที่5 งานเลี้ยงต้อนรับ

พราวจันทร์กลับเข้ามาในห้องก็นั่งลงที่ปลายเตียงเล็กของเธอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างแปลกใจเพราะไม่รู้มาก่อนว่าจะมีธรรมเนียมการต้อนรับพนักงานใหม่ที่ยังไม่เคยเข้าไปทำงานด้วย คิดว่ามีแต่เลี้ยงส่งพนักงานที่เกษียณแล้วเสียอีก แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรให้รกสมองมากมาย เพราะก็ยังไม่เคยได้ผ่านการทำงานประจำ บางทีธรรมเนียมนี้อาจจะมีในหลายๆ บริษัทก็เป็นไปได้

เมื่อคิดถึงบริษัทเธอก็อดนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าไม่ได้ ยังรู้สึกประหม่าในใจอยู่พอสมควรที่ไปเสียมารยาทกับท่านประธานของบริษัท และส่วนหนึ่งที่ยังรู้สึกประหม่าเมื่อนึกถึงชายหนุ่มก็พราะเขาทั้งหล่อและดูดีทุกกระเบียดนิ้ว รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้ม แถมบุคลิกของเขาก็ยังสง่าทุกท่วงท่า แม้จะไม่รู้ว่าเขามีแฟนหรือภรรยาหรือไม่ แต่เธอก็นึกอิจฉาผู้หญิงที่ได้เป็นเจ้าของหัวใจของท่านประธานของเธอเหลือเกิน

พราวจันทร์สลัดความสงสัยออกไปได้เธอก็ลุกหาชุดที่จะต้องใส่ไปในงานคืนนี้ ประตูตู้เสื้อผ้าเล็กเปิดออกได้ดวงตากลมโตกวาดสายตามองเสื้อผ้าในตู้ผ่านแว่นหนา เสื้อผ้าที่มีตอนนี้ก็มีเพียงแค่ชุดนักศึกษาและชุดที่เธอใส่อยู่บ้านไม่กี่ชุดเท่านั้น

ส่วนชุดใหม่ๆ ที่มีเป็นแค่เสื้อเชิ้ตและกระโปรงที่เหมาะสำหรับใส่ทำงาน หากจะได้ชุดดีๆ ใส่ไปโรงแรมหรูใจกลางเมืองก็คงจะต้องไปซื้อใหม่ คิดได้ดังนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสะพายสีหวานคู่ใจพร้อมมือถือออกจากบ้านเตรียมออกไปหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่คืนนี้ทันที

“อ้าวพราวจะไปไหน”

“พราวว่าจะออกไปหาซื้อชุดใส่ไปงานคืนนี้ เสื้อผ้าในตู้ใหม่ๆ ก็มีแค่ชุดที่เอาไว้ใส่ทำงาน” พราวจันทร์เอ่ยขณะกำลังสวมรองเท้าคัชชูสีครีมคู่เก่ง

“มีคนเพิ่งมาส่งให้เราเมื่อกี้นี้เอง บอกว่ารุ่งทิพย์เป็นคนส่งมาให้เอาไว้ใส่คืนนี้ แล้วก็บอกอีกว่าหนึ่งทุ่มตรงจะมีรถมารับที่นี่เตรียมตัวให้พร้อม”

“ให้ชุดด้วยเหรอ?”

“นั่นน่ะสิ บริษัทนี้เค้าสวัสดิการดีจริงๆ เลยนะ” สโรชาพยักหน้าน้อยๆ เธอเองก็เพิ่งจะเห็นบริษัทนี้บริษัทแรกที่ดูแลพนักงานที่ยังไม่ได้เข้าไปทำงานดีขนาดนี้

พราวจันทร์รับถุงกระดาษแบรนด์ดังสองสามถุงที่น้าของเธอยื่นให้กลับขึ้นไปบนห้อง เมื่อแกะทุกอย่างดูก็เห็นว่าชุด รวมไปถึงรองเท้ากระเป๋า และเครื่องประดับที่ส่งมาให้เธอสวมใส่ไปงานคืนนี้เป็นแบรนด์เนมทั้งหมด แถมราคาที่ติดมาก็ไม่ใช่น้อยๆ เสียด้วย คิ้วเรียวบางเริ่มขมวดเข้าหากัน เพราะชุดที่ให้เธอสวมใส่เป็นสายเดี่ยวซาตินสีเลือดนก มองออกเลยว่าหากเธอสวมใส่แล้วน่าจะดูวาบหวิวอยู่พอสมควร

ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือรองเท้าสีเงินเมทัลลิคส้นเข็มคู่นั้นน่าจะทำให้เธอเดินลำบากอยู่พอสมควร และที่น่ากังวลยิ่งเข้าไปอีกจนเธอต้องนั่งถอนหายใจก็คือเรื่องราคาของสิ่งของทั้งหมด

“ราคาขนาดนี้ จะมาหักจากเงินเดือนเราหรือเปล่าเนี่ย” สิ่งที่เธอกังวลที่สุดก็คือเรื่องเงินนี่แหละ เห็นทีหากเจอหน้าหัวหน้าของเธอในงานจะต้องถามให้กระจ่างเป็นอันดับแรกเลย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สนุกกับงานเลี้ยงในคืนนี้แน่นอน

ช่วงเย็นใกล้ฟ้ามืดสโรชาว่างจากงานหน้าร้านก็รีบขึ้นมาช่วยหลานสาวแต่งตัว เมื่อคนตัวเล็กหุ่นนาฬิกาทรายได้อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวที่พอดีตัวโชว์เนื้อหนังพองาม แถมยังเปลี่ยนเป็นใส่คอนแท็กเลนส์แทนการสวมแว่นหนาๆ ก็ดูโตเป็นสาวกว่าเดิมมาก

“หลานสาวน้าเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะเนี่ย เอ...คืนนี้จะมีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างหรือเปล่านะ...” สโรชาเอ่ยชมพราวจันทร์ขณะกำลังปัดแก้มแต่งหน้าให้กับหลานสาว ใบหน้ารูปไข่ของพราวจันทร์ดูน่าดึงดูดมากขึ้นเมื่อแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่มีชิมเมอร์ผสมและเกล้าผมสูงโชว์ต้นคอขาวที่สวมสร้อยทองคำขาวเส้นเล็ก

“ใครเค้าจะมาจีบสาวแว่นเฉิ่มๆ เชยๆ อย่างพราวล่ะคะ” สโรชาไม่ได้พูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้พราวจันทร์เท่านั้น แต่เธอพูดออกมาจากใจจริง หากใครคนไหนว่าหนเธอไม่สวยสง่าในค่ำคืนนี้คงเป็นพวกอคติหรือไม่ก็อิจฉาในความสวยของหลานเธอเท่านั้น

“ดูกระจกซิว่าตัวเองแปลกตาไปขนาดไหน แล้วคืนนี้หลานน้าก็ไม่ใช่สาวแว่นแล้ว เพราะใส่คอนแท็กเลนส์ แค่นี้ก็ลืมแล้วเหรอ” คนที่ลืมว่าตัวเองไม่ได้สวมแว่นหนาๆ เห็นตัวเองในกระจกก็ยืนอ้าปากค้าง มือเรียวยกลูบเนื้อตัว เพราะไม่คิดว่าเธอจะดูกลายเป็นคนละคนได้ขนาดนี้

“พราวจริงๆ เหรอเนี่ย”

“อืม...พราวสวยเหมือนแม่พราวตอนสาวๆ เลยรู้ไหม”

“แม่พราวหน้าตาแบบนี้เลยเหรอจ๊ะ”

พราวจันทร์จ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เธอฉีกยิ้มกว้างให้เงาที่สะท้อนตรงหน้า หากน้าของเธอบอกว่าตอนนี้เธอเหมือนกับแม่มาก เธอก็จะเก็บภาพนี้ให้เป็นภาพจำให้ดีที่สุด

พราวจันทร์นั่งประหม่าตัวเกร็งอยู่ในรถตู้สีดำคันหรู เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยได้รับการดูแลจากคนอื่นดีเช่นนี้มาก่อน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณหนูไฮโซก็ว่าได้ เพราะมีทั้งรถราคาแพงมารับ มีคนขับส่วนตัว อีกทั้งที่ที่เธอจะไปก็เป็นโรงแรมหรูริมแม่น้ำสายใหญ่ของกรุงเทพมหานครด้วย

ว่านั่งอยู่บนรถค่อนข้างประหม่าแล้ว เมื่อมาถึงโรงแรมเธอยิ่งรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะคิดว่ามาถึงงานจะได้เจอผู้คนมากมายในห้องจัดเลี้ยงเล็กๆในโรงแรม แต่เธอกลับถูกพนักงานพาขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นดาดฟ้า และมีเพียงแค่โต๊ะดินเนอร์ที่มีอาหารวางรอเธอเพียงแค่โต๊ะเดียวเท่านั้น

“เอ่อ...คนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันเหรอคะ” พราวจันทร์ต้องรีบรั้งพนักงานสาวเอาไว้ขณะที่พนักงานสาวกำลังจะเดินหันหลังกลับไป

“ถ้าหมายถึงคุณตะวันตอนนี้เค้ากำลังขึ้นมาค่ะ”

“อ๋อ...ค่ะ ขอบคุณค่ะ” สาวเจ้าพอจะหายใจหายคอได้คล่องเมื่อได้ยินว่าท่านประธานหนุ่มกำลังจะมาที่นี่เหมือนกัน ไม่ได้กลัวที่จะต้องนั่งอยู่คนเดียว แต่กลัวว่าพนักงานจะพาเธอมาผิดที่ หากเธอรับประทานอาหารราคาแพงตรงหน้าไปแล้วจะต้องจ่ายทุกอย่างเอง

เริ่มเบาใจว่าเธอจะไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าทำไมพนักงานสาวทำไมถึงพูดถึงท่านประธานเพียงแค่คนเดียว แล้วคนอื่นๆ ไม่ได้มาที่นี่ด้วยหรอกเหรอ

“เอ่อ...” ครั้นจะหันไปถามก็ไม่ทันเสียแล้ว พนักงานสาวที่พาเธอมาส่งหายวับลงลิฟท์ไปเรียบร้อยแล้ว

ตะวันวาดอยู่ที่โรงแรมของคิมหันต์เพื่อนของเขาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว แต่ที่ยังอยู่ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดก็เพราะไม่แน่ใจว่าผู้หญิงที่รัชนนท์ไปรับมาเป็นพราวจันทร์จริงๆ หรือเปล่า

“ฉันบอกให้แกพาพราวจันทร์มา แล้วแกไปพาใครมา” ตะวันวาดเริ่มฉุนหนักเพราะคนที่เขาเห็นในกล้องสวยอย่างกับนางฟ้าไม่มีเค้าโครงของแม่สาวแว่นแสนเชยที่เขาต้องการตัวเอาเสียเลย

“ก็นั่นไงครับคุณพราวจันทร์”

“พราวจันทร์ใส่แว่น แล้วเธอก็เชยสะบัด ไม่มีทางที่จะเป็นคนที่นั่งรอฉันอยู่แน่นอน”

“ผมไปรับเธอที่บ้านด้วยตัวเองนะครับ ไม่ผิดตัวแน่นอน ไม่เชื่อไปถามเธอเองสิครับ” รัชนนท์ก็ยังยืนยันเสียงแข็ง เขาไม่รู้ว่าเจ้านายไปเห็นหญิงสาวในสภาพไหน แต่เขาที่ไปรับพราวจันทร์ที่บ้านของเธอด้วยตัวเองก็เห็นเธออยู่ในสภาพนี้แล้ว

“ถ้าไม่ใช่ฉันเล่นงานแกแน่” ตะวันวาดในชุดสูทสีครีมยกมือชี้หน้ารัชนนท์อย่างเอาเรื่อง ส่วนเลขาคนสนิทก็ยืนหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านเพราะเชื่อว่าตัวเองพามาไม่ผิดตัว ทั้งยังคิดในใจว่าเจ้านายตนคงเมามาก่อนหน้านี้แล้วมาหาเรื่องตนเล่นแน่นอน

ตะวันวาดเดินเข้าไปในลิฟท์ด้วยอาการหัวเสีย เพราะเชื่อว่ายังไงรัชนนท์ก็พาคนมาผิดตัว เขาไม่ได้อยากได้สาวสวยมาดินเนอร์ในคืนนี้ด้วยแม้แต่นิดเดียว เพราะพวกสาวๆ สวยๆ มักจะควบคุมยากมากกว่าสาวเชยเฉิ่มที่เขาต้องการตัวเธอมาทำประโยชน์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel