ตอนที่4 คำทำนายเป็นจริง
ในส่วนของคนที่เป็นประธานนั้น อีกมือถือแซนวิชกัดกินไปพลางๆ ส่วนอีกมือก็ล้วงกระเป๋าสบายอารมณ์
“เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เสียมารยาท” ขึ้นลิฟท์จนมาถึงห้องท่านประธานหนุ่มได้พราวจันทร์ก็รีบค้อมศีรษะและกล่าวคำขอโทษประธานหนุ่มเสียงอ่อนในทันที
“คุณไม่รู้นี่” คนตัวโตยิ้มกระหยิ่มที่สาวเจ้ารู้ตัวเสียทีว่าตนนั้นเป็นใคร
“เอาเป็นว่าคุณนั่งที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ถ้าหัวหน้าบัญชีมาแล้วผมจะให้เค้ามาตามคุณที่นี่ ผมขอตัวก่อน ขอบคุณสำหรับแซนวิชที่แสนอร่อยครับ”
“ค่ะ”
เขาหยิบเอกสารอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานและเดินกัดแซนวิชคำโตผ่านหน้าพราวจันทร์ออกไป
“เฮ้อ...พราวนะพราว” เธอพอจะหายใจหายคอโล่งได้เมื่อท่านประธานหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้ว พอได้เวลาที่จะต้องอยู่คนเดียวในห้องผู้บริหารแบบนี้ พราวจันทร์ก็เริ่มสอดส่ายสายตาดูรอบๆ ห้องนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ทั้งยังเป็นกระจกล้อมรอบเห็นวิวด้านนอกได้สบายตา
วันนึงเธอก็อยากจะได้เป็นคนที่นั่งบริหารงานสูงสุดในกิจการของตัวเองเช่นนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังทำได้แค่ฝัน แต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง
“นนท์ เดี๋ยวคืนนี้แกพาพราวจันทร์มาหาฉันที่โรงแรมของสิงห์ด้วย”
เมื่อขับรถออกมาจากบริษัทได้ ตะวันวาดก็ต่อสายหาเลขาตำแหน่งมือขวาคนสนิทของเขาทันที ตอนนี้เขาสนใจสาวเฉิ่มที่ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยคนนี้เป็นพิเศษ เพราะคิดว่าเธอจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้แผนการอนาคตที่เขาคิดเอาไว้สำเร็จ
“เอ่อ...แล้วเธอเป็นใครครับ”
ปลายสายอย่างรัชนนท์ที่ได้รับข้อมูลมาเพียงแค่ชื่อก็ถึงกับไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าตะวันวาดเห็นว่าเขาเป็นผู้วิเศษหรืออย่างไร ถึงได้ให้ข้อมูลกับเขาแค่ชื่อของคนที่อยากให้พาไปหา
“วันนี้เธอมาสมัครงานในตำแหน่งบัญชี ถามคุณรุ่งทิพย์หัวหน้าแผนกบัญชีเอาก็แล้วกัน”
ว่าจบก็รีบวางสาย หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งขับรถไปยังจุดมุ่งหมายสำคัญของเช้าวันนี้ นั่นคือการทำสัญญาซื้อขายเหมืองพลอยในจังหวัดพังงาที่เขาได้มาฟรีๆ หลังจากการแต่งงานกับพิมลดา
สโรชายังไม่ทันได้เปิดร้านอาหารตามสั่งของเธอเสร็จเรียบร้อยดีก็เห็นหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาลงที่หน้าบ้านแล้ว
“ทำไมกลับมาไวนักล่ะ สรุปเค้ารับหลานน้าทำงานหรือเปล่าเนี่ย” เธอเอ่ยทักพราวจันทร์ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก เพราะตอนนี้สีหน้าของหลานเธอก็ดูนิ่งเสียจนเธอเองเดาอารมณ์ไม่ถูก
“เฮ้อ...”
“ไม่เป็นไรนะพราว ไม่ได้ที่นี่ก็ไปสมัครที่อื่น คนอื่นที่เค้าจบใหม่ๆ ก็หางานกันไม่ค่อยได้ก็เยอะ”
“ใครว่าล่ะจ๊ะน้าบัว หัวหน้ารับพราวเข้าทำงานทันทีที่เห็นหน้าพราวเลยนะ” พราวจันทร์ฉีกยิ้มร่าขึ้นมาดื้อๆ ที่เธอทำหน้าบึ้งตึงแต่แรกก็เพราะอยากจะแกล้งน้าสาวของเธอเล่นเท่านั้น
“จริงเหรอ”
“ใช่จะ แสดงว่าหมอดูลึกลับคนนั้นแม่จริงๆ ด้วย”
“หมอดูลึกลับ” ประโยคสุดท้ายของพราวจันทร์ เริ่มทำสโรชาอยากรู้คำอธิบายขยายความมากกว่านี้
“พราวเล่าให้ฟังก็ได้จะ”
พราวจันทร์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อคืนวันศุกร์ที่ไปไหว้ขอพรองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ให้สโรชาได้ฟังอย่างละเอียด คนเป็นน้าฟังความจากหลานสาวจบก็เริ่มขนลุกขนชันอัตโนมัติ
แม้จะเชื่อเรื่องลี้ลับอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นหลานสาว ทว่าก็ไม่ได้กังวลใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่าหมอดูลึกลับคนนั้นมาดีไม่ได้มาร้าย
“งั้นทำงานได้สักระยะก็ค่อยกลับไปไหว้องค์เทพอีกที ส่วนหมอดูลึกลับคนนั้นถ้าไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครก็ทำบุญไปให้เค้าก็แล้วกัน”
“พราวก็คิดแบบนั้นจะ อ่อ...น้าบัวว่าพราวจะได้เจอพ่อกับแม่จริงหรือเปล่าจ๊ะ”
“พราวไม่โกรธพ่อกับแม่พราวจริงๆ เหรอลูก”
“ไม่จะ น้าบัวบอกตลอดนี่จ๊ะว่าพวกเค้าทั้งสองต่างก็มีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทิ้งพราวเอาไว้กับน้าบัว แล้วน้าบัวล่ะ โกรธพ่อกับแม่ของพราวหรือเปล่า”
“ไม่หรอก น้าไม่ได้โกรธพวกเค้าเลย มีแต่ความคิดถึงเท่านั้น”
พราวจันทร์เกิดมาเธอก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อหน้าแม่แม้กระทั่งรูปถ่าย เท่าที่จำความได้เธอก็เห็นแค่ยายกับน้าเท่านั้นที่ช่วยกันเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แบเบาะ เมื่อเข้าวัยมัธยมยายของเธอก็เสียด้วยโรคชรา หลังจากนั้นสโรชาก็เลี้ยงเธอมาด้วยตัวคนเดียวที่ฉะเชิงเทรา
หลังจากพราวจันทร์จบมัธยมปลาย สโรชาก็ต้องขายที่ทางบ้านสวนที่ฉะเชิงเทราเพื่อแบ่งเงินมาไว้ให้พราวจันทร์เรียนต่อมหาวิทยาลัย อีกส่วนก็มาซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กชานเมืองกรุงเทพมหานครเพื่อเวลาพราวจันท์ไปมหาวิทยาลัยจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล
อีกอย่างสโรชาก็ได้เปิดร้านอาหารตามสั่งในชุมชนที่คนพลุกพล่านด้วย ชีวิตของสองหน้าหลานเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่สิ่งที่ทั้งสองยังมีอะไรค้างอยู่ในใจก็แค่อยากรู้ว่าแม่ของพราวจันทร์ยังมีชีวิตดีอยู่หรือไม่เท่านั้น
ตื๊ด ตื๊ด ยังไม่ทันที่พราวจันทร์จะได้ช่วยน้าของเธอหยิบจับอะไรก็มีสายจากรุ่งทิพย์หัวหน้าบัญชีโทรข้ามาหาเธอเสียก่อน
“ค่ะพี่ทิพย์ เลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่คืนนี้เหรอคะ ค่ะ ได้ค่ะ แล้วพราวจะไปให้ตรงเวลาค่ะ” วางสายจากรุ่งทิพย์ได้พราวจันทร์ก็ยืนทำหน้าฉงน เพราะไม่คิดว่าบริษัทจะเห็นความสำคัญกับพนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอด้วย
“มีอะไรเหรอพราว”
“พี่ที่เป็นหัวหน้าบัญชีโทรมบอกว่าคืนนี้จะมีคนมารับพราวไปงานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่จะ”
“มีพนักงานเข้าใหม่หลายคนเหรอเค้าถึงอยากจัดเลี้ยง”
“น่าจะเป็นอย่างงั้นจะ เห็นว่าจัดในโรงแรมคงต้อนรับพนักงานหลายคนนั่นแหละ”
“บริษัทนี้เค้าก็ดูแลพนักงานดีเหมือนกันนะ มีจัดเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ด้วย แล้วเค้าบอกหรือเปล่าว่างานเลี้ยงเลิกกี่โมง”
“พราวก็ลืมถามเหมือนกัน”
สองน้าหลานคุยกันจบก็ช่วยกันเตรียมร้านจนเสร็จ หลังจากนั้นสโรชาก็ไล่ให้พราวจันทร์ไปพักผ่อนไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว เพราะคืนนี้จะต้องไปงานเลี้ยง
