ตอนที่3 สัมภาษณ์งาน
ณ โรงแรมหรูริมทะเลภูเก็ต ชั้นบนห้องสวีทหรูของโรงแรมตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวายอยู่พอสมควร เพราะพิมลดาสาวสวยไฮโซทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านวัยเกือบสามสิบ พาเหล่าบอดี้การ์ดของตัวเองมาลากผู้หญิงที่สามีของเธอเอามากกออกไปจากโรงแรม
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำนั่นซะที” พิมลดายืนต่อว่าสามีที่นอนสวมชุดคลุมสีขาวสบายใจอยู่ริมสระว่ายน้ำหลังห้องสวีทสุดหรู และยิ่งมีโทสะทวีคูณมากขึ้นเมื่อเขาไม่มีท่าทางสะทกสะท้านต่อคำต่อว่าของเธอ ทั้งยังทำลอยหน้าลอยตาใส่เธออีกต่างหาก
“ทนไม่ไหวก็เลิกกับผมไปซะที ใบหย่าเซ็นซะ” ตะวันวาดไฮโซหนุ่มวัยสามสิบสองเจ้าของธุรกิจการค้าอัญมณีเพชรพลอย และยังเป็นเจ้าของฟาร์มมุกที่มากที่สุดในประเทศ
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งยกแก้วไวน์จิบเบาๆ เปรยสายตามองพิมลดาด้วยแววตาเฉยชาอย่างไม่รู้สึกรู้สาต่อคำต่อว่าของคนเป็นภรรยา เพราะไม่เคยคิดที่จะเกรงใจเธออยู่แล้ว
แถมในใจตอนนี้ยังคิดว่าเธอควรจะเกรงใจเขาด้วยซ้ำ เพราะเขาอุตส่าห์มานอนกกผู้หญิงคนอื่นอยู่ตั้งไกลจากกรุงเทพมหานคร เธอก็ดันมาหาเรื่องขัดความสุขของเขาอีกจนได้
“อย่าคิดว่าลดาจะยอมเซ็นใบหย่าให้คุณง่ายๆ นะคะตะวัน ลดาเป็นคนมือเหนียวยิ่งกว่าอะไร แล้วก็บอกผู้หญิงของคุณระวังตัวเอาไว้ให้ดี” พิมลดาอยากจะกรีดร้องออกมาให้ลั่นแต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์ความเป็นผู้ดี เธอกัดฟันถลึงตาแทบจะถลน มือไม้เรียวกำจิกกันแน่น ประกาศกร้าวว่าไม่ว่าตะวันวาดจะหาวิธีขอหย่ากับเธออย่างไร คนอย่างคุณหนูพิมลดาคนนี้ก็จะไม่มีวันยอมหย่าง่ายๆ มีทางเดียวไม่ใครก็ใครที่จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ประกาศทุกอย่างจบก็เดินดุ่มออกไปจากห้องสวีทที่เต็มไปด้วยราคีคาว
เมื่อภรรยาคนสวยไปพ้นหน้าได้ตะวันวาดก็ยกแก้วกระดกไวน์จนหมดก่อนจะยกไวน์ทั้งขวดขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ๆ ในเมื่อเขายุ่งผู้หญิงกับคนอื่นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งพิมลดาก็ไม่ยอมเลิกกับเขาเสียที เห็นทีหลังจากนี้ต้องเล่นอะไรที่มันแรงขึ้นหน่อยแล้ว
เช้าวันใหม่ของวันอังคารสาวแว่นหน้าหวานลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีครีมสวมทับด้วยกระโปรงสีดำทรงเอยาวคลุมเข่า เธอรวบผมตึงมัดหางม้าต่ำ เตรียมซองเอกสารพร้อมแซนวิชชิ้นใหญ่สองชิ้นที่เพิ่งทำเสร็จและน้ำขวดเล็กลงกระเป๋า
ใช่...วันนี้พราวจันทร์กำลังจะไปสัมภาษณ์งาน เพราะคำทำนายที่หมอดูลึกลับคนที่เธอไปเจอเมื่อคืนวันศุกร์นั้นเป็นจริง เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาเธอเริ่มยื่นเอกสารสมัครงานไปทางเว็บไซต์หางานของบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเครื่องเพชรเครื่องพลอย ตกเย็นก็มีฝ่ายบุคคลโทรมาขอนัดสัมภาษณ์เธอวันนี้ทันที หากวันนี้เธอได้งานที่นั่นก็จะกลับมาเล่าเรื่องลึกลับให้น้าสาวได้ฟัง แต่หากไม่ได้ คำทำนายที่เธอได้ฟังมาก็จะขอเชื่อแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
รถสปอร์ตสีดำคันหรูขับเลี้ยวมาจากถนนใหญ่เข้าไปที่หน้าตึกหกชั้นที่เป็นกระจกล้อมรอบ รปภ.ที่เห็นว่าเป็นรถของเจ้านายก็รีบกดเปิดไม้กั้นอำนวยความสะดวกให้คนเป็นนายโดยที่ไม่ต้องให้เขาหยุดรถก่อนเข้าตึก
เมื่อรถคันหรูขับเข้าไปจอดในที่จอดรถของท่านประธานข้างหลังตึกได้ ชายหนุ่มร่างสูงมาดเข้มก็เปิดประตูก้าวขายาวลงจากรถ เมื่อตะวันวาดได้ยืนเต็มความสูงชุดสูทสีดำพอดีตัวที่เขาใส่ก็ขับให้คนที่สง่าอยู่แล้วดูภูมิฐานเพิ่มความสง่ามากยิ่งขึ้น
สองขายาวก้าวสับไปยังหน้าประตูกระจกบานใหญ่ของบริษัท ยังไม่ทันได้เดินถึงหน้าประตูทางเข้าดี พลันสายตาก็ไปประทะเข้ากับสาวแว่นที่แต่งตัวอย่างกับคุณครูกำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่ในกระเป๋า
“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ”
เสียงทุ้มกังวาลที่แว่วเข้ามาในหูทำพราวจันทร์ที่กำลังควานหาแซนวิชในกระเป๋าเงยหน้ามองไปยังต้นเสียงกะทันหัน เธอผุดลุกและรีบยืนให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่อหน้าชายหนุ่มร่างสูงสง่าและดูดีจนเธอแอบประหม่า
“ฉันมาสัมภาษณ์งานที่นี่ค่ะ เพิ่งได้รับการติดต่อมาเมื่อวานนี้ค่ะ คุณล่ะคะมาสมัครงานเหมือนกันเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อพราวจันทร์ค่ะ คุณล่ะคะชื่ออะไร” พราวจันทร์ยกมือขยับแว่นเล็กน้อย ทั้งส่งยิ้มแสดงความเป็นมิตรกับอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัวกับชายหนุ่มผู้มาใหม่มากคำเพราะกำลังประหม่า
“ผมชื่อตะวัน” ตะวันวาดตอบแค่เพียงชื่อของเขาเท่านั้น ว่าจบก็เข้าไปทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ หญิงสาว ท่าทางที่เฉิ่มเชยของพราวจันทร์ทำให้เขาสนใจในตัวของเธอพอสมควร
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณตะวัน พี่ รปภ.บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงเลยค่ะกว่าบริษัทจะเปิด กินแซนวิชก่อนไหมคะ” พราวจันทร์เห็นชายหนุ่มนั่งลงเธอก็ทิ้งตังลงนั่งที่เดิมโดยนั่งห่างจากชายหนุ่มไปหนึ่งช่วงเก้าอี้ และเริ่มควานหาแซนวิชสองอันในกระเป๋าที่เธอเอามารับประทานรองท้องในระหว่างรอสัมภาษณ์ พอคว้าแซนวิชติดมือมาได้เธอก็ถือเอาไว้หนึ่งชิ้น ส่วนอีกชิ้นก็ส่งให้กับชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเขาก็น่าจะมารอสัมภาษณ์งานเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือรับของกินจากหญิงสาว ที่ยิ้มไม่ใช่เพราะยินดีกับความมีน้ำใจของเธอ แต่กำลังยิ้มเยาะตัวเองต่างหากที่ดูท่าจะไม่มีสง่ามากพอจะทำให้สาวแว่นคนนี้เข้าใจว่าเขาคือผู้บริหารของที่นี่
“อร่อยไหมคะ พราวทำเองเลยนะคะ” เธอถามหลังจากเห็นชายหนุ่มกัดแซนวิชเช้าไปคำโต
ตะวันวาดไม่ได้เอ่ยตอบเพราะยังเคี้ยวแซนวิชคำโตไม่หมดปาก ได้แต่เพียงยกนิ้วโป้งและพยักหน้าหงึกๆ เป็นสัญญาณบอกความอร่อยเท่านั้น
“แล้วนี่มาสมัครตำแหน่งอะไรเหรอคะ”
“หึ่...ผมเจ้าของที่นี่ครับ” เขาสบถขำก่อนจะหันไปจ้องมองหน้าพราวจันทร์ และบอกกับเธอให้รู้เสียทีว่าเขาเป็นใคร
“เล่นมุกใช่ไหมคะ?”
สิ้นเสียงคำถามที่เต็มไปด้วยความฉงน ตะวันวาดก็เริ่มยิ้มไม่ออก ให้ตายสิ!ขนาดเขาบอกกับเธอตรงๆ เช่นนี้แล้วเธอก็ยังเข้าใจว่าเขานั้นพูดโกหก เห็นทีจะต้องทำให้เธอรู้ความจริงในเวลาอันรวดเร็วนี้แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีเวลามานั่งรอให้แม่สาวแว่นมาเข้าใจด้วยตัวเองว่าเขานั้นเป็นใคร
“ตามผมมาครับ”
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือแซนวิชเอาไว้ในมือและเดินไปสแกนใบหน้าที่ด้านขวาสุดของประตู หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีประตูกระจกบานใหญ่ก็เปิดกว้าง ทำเอาพราวจันทร์ได้แต่ยืนหน้าเสีย แซนวิชที่อยู่ในมือยังไม่ทันแกะรับประทานเธอก็ต้องรีบเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าอีกรอบ เพราะตอนนี้แค่เพียงน้ำลายเธอก็ยังกลืนไม่ค่อยจะลง อยากจะเขกหัวตัวเองเหลือเกินที่ทำตัวเสียมารยาทกับคนที่ไม่ควรจะเล่นด้วย
“เชิญครับ”
พราวจันทร์เดินตามชายหนุ่มร่างสูงไปห่างๆ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ เธอก็ไม่คิดกล้าที่จะเข้าใกล้และรู้สึกประหม่ามากขึ้นจนเหงื่อที่มือเริ่มผุดออกมา
