บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

ผ่านมาหลายวันแล้วที่ณิสรินทร์ติดต่อวิณณ์ไม่ได้ หล่อนกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เมื่อโทรไปก็เป็นเสียงอัตโนมัติฝากข้อความ ตัดสินใจไปหาเขาที่คอนโดฯก็ต้องผิดหวังเมื่อพนักงานที่ล็อบบี้แจ้งว่าชายหนุ่มไม่ได้เข้ามาหลายวันแล้วเช่นกัน

หลายวันมานี้วิณณ์มีเรื่องให้ต้องสะสางมากมาย ธุรกิจของทางครอบครัวเขากำลังมีปัญหา มีเรื่องยุ่งมากมายจนเขาลืมณิสรินทร์ไปเสียแล้ว ตอนนี้ข้างกายเขามีนลินีอยู่ หล่อนช่วยให้การติดต่อเจรจาซื้อที่ดินของเขาผ่านไปได้ด้วยดี หล่อนเป็นคนสวย มั่นใจในตัวเอง ฉลาด ไม่จู้จี้จุกจิกตามเขาตลอดเวลา แถมยังเข้ากันได้ดีเวลาอยู่บนเตียง ทำให้เขายิ่งชอบและหลงใหลในตัวหล่อนมากขึ้น

เมื่อจัดการกับปัญหาเสร็จเรียบร้อย จึงเปิดโทรศัพท์พบว่ามีข้อความของณิสรินทร์เป็นจำนวนมาก วิณณ์รู้สึกรำคาญ เขาเกลียดคนที่ตามจิกเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าชีวิตไหนๆก็เบื่อและจะสลัดหล่อนทิ้งแล้วเขาจึงไม่คิดที่จะติดต่อกลับ เขาพานลินีไปเลี้ยงข้าวแทนการขอบคุณและพาไปช๊อปปิ้งต่อที่ห้างสรรพสินค้า หล่อนวางตัวดีไม่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเข้าของเขา

แต่ในขณะเดียวกัน ณิสรินทร์เองก็มาซื้อของที่นี่ด้วย หล่อนบังเอิญเจอวิณณ์และนลินีอยู่ด้วยกัน แม้จะแปลกใจแต่ดีใจมากกว่าที่เจอเขาหลังขาดการติดต่อไปเกือบ2สัปดาห์

"พี่วิณณ์ หายไปไหนมาคะ รินโทรหาพี่ทีไรก็ปิดเครื่องตลอดเลย รินเป็นห่วงนะคะ" หล่อนวิ่งไปเกาะแขนและตัดพ้อ

"ผมมีปัญหาเรื่องธุรกิจทางบ้านนิดหน่อยน่ะ ยุ่งๆอยู่เลยไม่ได้สนใจ ผมไปก่อนนะ ต้องรีบไปทำธุระต่อ ไว้ผมจะโทรหารินเอง" เขาตัดบทและแกะมือเธอออกจากลำแขนแข็งแกร่ง เดินจากไปพร้อมกับพี่สาวของเธอ ทิ้งให้หล่อนยืนสับสนในการกระทำและคำพูดของเขา

จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้นลินียิ้มในใจ หล่อนจะได้ขึ้นไปแทนณิสรินทร์อย่างแน่นอน การกระทำของวิณณ์ทำให้เธอรู้ว่าอีกไม่นานณิสรินทร์ก็จะถูกเขี่ยออกจากชีวิตเขา

หลังจากที่บทรักอันเร่าร้อนของทั้งคู่พัดผ่านไป วิณณ์ก็คิดว่านลินีเธอเหมาะกับการจะเป็นคนรักของเขา ทั้งการทำงาน การวางตัว ทุกๆอย่างล้วนเหมาะสมกับเขา

"นิลครับ ผมว่าเราควรเลื่อนสถานะจากคู่นอนไปเป็นคนรักกันมั้ย" วิณณ์เอ่ยถามขึ้น

"จริงหรอคะ วิณณ์พูดจริงใช่มั้ยคะ" หล่อนแสร้งตกใจเพราะความจริงหล่อนก็พอจะเดาออก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้

"ครับ นิลโอเคมั้ย" เขาถามพร้อมกับจูบลงที่ขมับหญิงสาวเบาๆ

"แน่นอนอยู่แล้วสิคะ" หล่อนจูบที่แก้มสากเบาๆ

ผ่านไปหลายสัปดาห์วิณณ์ไม่ได้ติดต่อหรือมาหาณิสรินทร์ นลินีเองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยหลังจากวันนั้น ช่วงนี้หล่อนเริ่มมีอาการแปลกๆได้กลิ่นอะไรก็ชวนอาเจียนไปเสียหมด อยากกินอะไรแปลกๆที่ไม่เคยกินมาก่อน แถมยังอาเจียนทุกเช้า แม้หล่อนจะไม่ประสีประสา แต่ก็พอเดาออกว่ามันคืออาการของคนที่กำลังตั้งครรภ์

เพื่อความมั่นใจจึงไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา หล่อนตรวจมันที่ห้องน้ำของมหาวิทยาลัย มือเรียวสั่นเทาทันทีที่เห็นผลการตรวจ หล่อนท้อง!! เพราะยังไม่อยากให้คนที่บ้านรู้จึงทิ้งมันลงถังขยะในห้องน้ำ

เธอพยายามติดต่อไปหาวิณณ์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้ ยิ่งนานวันเข้าอาการยิ่งชัดขึ้นจนคนรอบข้างกายเริ่มสงสัย และเริ่มปกปิดไม่มิด มารดาเป็นคนแรกที่เข้ามาถามเธอตรงๆ

"ริน มีอะไรอยากบอกแม่หรือเปล่าลูก" รสรินทร์เอ่ยถามบุตรสาวด้วยท่าทีสงบ แม้จะพอเดาได้ว่าอาการที่เป็นมันคืออะไร

"แม่คะ คือ...ริน...รินท้อง" ในที่สุดก็โพล่งออกไป พร้อมกับน้ำตาที่สุดจะกลั้น

"แล้วพ่อของเด็กเป็นใคร เขารู้หรือยัง"

"รินติดต่อเขาไม่ได้เลยค่ะ" หญิงสาวไม่ยอมบอกว่าใครคือพ่อของลูกในท้อง

"ใช่ตาวิณณ์ ที่เป็นทายาทเครืออภิวัฒนไพศาลรึเปล่า" รสรินทร์พอจะรู้ว่าบุตรสาวนั้นคบหาใครอยู่

"แม่รู้หรอคะ"

"ก็รินพามาที่บ้านอยู่คนเดียว แถมเป็นแฟนคนเดียวก็ต้องมีคนเดียวสิจ๊ะ"

"แล้วรินจะทำไงดีคะ รินไม่รู้" หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง

"งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เราไปที่บ้านของเขากัน คุณพ่อเองก็รู้จักกับครอบครัวคุณวิณณ์เป็นการส่วนตัว น่าจะไม่มีอะไรต้องกังวล ส่วนเรื่องพ่อเดี๋ยวแม่จะเป็นคนไปคุยให้เอง" นางกอดปลอบประโลมบุตรสาว นางมีณิสรินทร์แค่เพียงคนเดียว หากบุตรสาวเศร้าโศกเสียใจ นางเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน

เย็นในวันเดียวกัน วิณณ์ถูกบิดามารดาโทรเรียกให้กลับไปที่บ้าน หลังจากที่เขาไม่ได้กลับบ้านซักระยะหนึ่งแล้ว พอเริ่มคบหากับนลินีอย่างจริงจัง เขาก็อยู่แต่กับหล่อนที่คอนโดฯ

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในตัวบ้าน คนรับใช้ก็แจ้งว่าทุกคนรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ เมื่อไปถึง เขาเห็นณิสรินทร์นั่งอยู่พร้อมกับบิดามารดาของเธอ และบิดามารดาของเขา ไหนจะเจ้าน้องชายตัวดีที่หาตัวจับยากอีก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

"นั่งลงสิวิณณ์" วิสาข์มารดาของชายหนุ่มบอก เขานั่งลงตามที่มารดาสั่ง

"ก่อนอื่นผมต้องขอโทษแทนลูกชายคนโตของผมด้วย ที่ไปกระทำไม่ดีลูกสาวคุณกัมปนาท" วิฑูรบิดาของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากนั้น

"ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว และเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ผมก็ไม่อยากให้ทั้งสองตระกูลเสื่อมเสีย อยากให้จัดงานตบแต่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ท้องจะโตไปมากกว่านี้" วิณณ์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย

"ครับ ทางผมจะรีบหาฤกษ์ที่เหมาสมให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องค่าสินสอดทางคุณกัมปนาทสามารถเรียกได้ตามที่เห็นเหมาะสม" บรรยากาศในห้องดูอึมครึมเป็นอย่างมาก

เมื่อทางผู้ใหญ่ได้เจรจาการสู่ขอเสร็จเรียบร้อย ทางครอบครัวของณิสรินทร์จึงขอตัวลากลับก่อน แต่วิณณ์ขอคุยกับหล่อนเป็นการส่วนตัว เขาลากหล่อนขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

"ทำบ้าอะไรของเธอฮะ! ท้องหรอตลกสิ้นดี ฉันใช้ถุงยางแล้วก็หลั่งนอกมาตลอด" เขาตะคอก

"แล้วพี่วิณณ์คิดหรอว่ามันปลอดภัย100%น่ะ รินยังไม่อยากจะเชื่อเลย" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"อย่ามามารยา ฉันก็ทำแบบนี้กับทุกคนที่นอนด้วยไม่เห็นมันจะมีปัญหา เธอนี่มันร้ายนะ คิดจะจับฉันล่ะสิไม่ว่า" วิณณ์ทำเสียงเย้ยหยัน

"ทำไมพูดแบบนี้ ไหนบอกว่ารักรินไง"

"ไม่ต้องมาบีบน้ำตาหรอก แสดงละครไปก็เท่านั้น ถ้าเธอท้องจริงทำไมไม่มาบอกฉันเองล่ะ แล่นพาพ่อแม่มาที่บ้านฉันหวังจะจับฉันแต่งงาน หวังจะนอนกอดทะเบียนสมรสหรอ"

"คนเลว เลวที่สุดเลย" ณิสรินทร์ต่อว่าเขาและกำลังจะเดินออก แต่ถูกเขารั้งไว้เสียก่อน

"ไปบอกยกเลิกงานแต่งซะ ไม่งั้นจะได้เห็นดีกัน" วิณณ์เชยคางหล่อนขึ้นมือแข็งแรงบีบคางแน่น

ณิสรินทร์ไม่ได้ทำตามคำขู่ของชายหนุ่ม หล่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนใช้ชีวิตตามปกติและพยายามทำตัวเป็นปกติเมื่ออยู่ที่มหาวิทยาลัย อีกไม่กี่วันหล่อนก็เรียนจบชั้นปีที่3แล้ว จึงตัดสินใจบอกความจริงกับเพื่อนในกลุ่ม ทุกคนตกใจ แต่ก็เข้าใจหญิงสาวเป็นอย่างดี บทสนทนาระหว่างนั้นถูกขัดขึ้นโดยเสียงแจ้งเตือนข้อความ

'ออกมาที่หน้ามอ ฉันให้เวลา5นาที!'

ข้อความจากวิณณ์ส่งมา ณิสรินทร์ค่อนข้างแปลกใจที่ชายหนุ่มส่งข้อความมาหาเธอ หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันนับตั้งแต่วันนั้น เมื่อเกินกว่าเวลาที่เขากำหนด จึงมีข้อความเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง

'ถ้ายังไม่รีบออกมา ฉันจะเข้าไปฉุดเธอออกมาเอง หรือว่าอยากให้ฉันเข้าไปอุ้มดีล่ะ จะได้เป็นขี้ปากชาวบ้าน'

เขามันบ้าชัดๆ! เธอรีบเก็บข้าวของและบอกลาเพื่อน เพราะกลัวเขาจะเข้ามาทำอย่างที่ขู่ไว้ ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาเพื่อนๆ แม้ใจอยากจะวิ่งไปหาเขาให้เร็วที่สุด แต่เมื่อนึกได้ว่ามีอีกชีวิตอยู่ในท้อง หล่อนยิ่งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น

เมื่อมาถึงหล่อนก็เห็นรถปอร์เช่สีตะกั่วจอดรออยู่ มั่นใจว่าเป็นรถของชายหนุ่มแน่นอน จึงเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่ง ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ตั้งตัว ชายหนุ่มก็กระชากรถออกไปด้วยความรวดเร็ว

"พี่วิณณ์ ขับช้าๆหน่อยได้มั้ย รินหัวใจจะวายแล้ว" คำพูดของหล่อนเหมือนธาตุอากาศ เขาไม่สนใจที่ฟังมัน เมื่อยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เขาเหยียบคันเร่งขึ้นจนเกือบจะสุดเข็มไมล์

ถนนเส้นที่ขับผ่านนั้นไม่ได้โล่งเสียทีเดียว มีรถสัญจรอยู่บ้าง หล่อนกลัวเสียเหลือเกินว่าเขาจะพาหล่อนไปชนเข้ากับอะไรซักอย่าง

เสียงหัวเราะสะใจดังออกมาจากลำคอ เมื่อหักเลี้ยวเข้าที่ถนนชานเมือง ที่ไม่ค่อยมีรถสัญจร เขาจึงค่อยๆผ่อนคันเร่งและให้รถวิ่งในระดับปกติ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเยาะอย่างสะใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel