บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

ทั้งสองค่อยๆผ่อนร่างชราลงบนฟูกอย่างเบามือ เมื่อจัดท่านอนเรียบร้อย มือบางจัดการคลี่ผ้าห่ม ห่มให้กับตาจนเรียบร้อย โดยมีเวทิศยืนมองอย่างพินิจพิจารณา

“เสร็จแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เอ่ยขอบคุณเมื่อออกมานอกห้องแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” อังศุมาลินเดินมาส่งเขาที่หัวบันได แต่เขายังไม่อยากลงไปด้านล่าง เวลานี้มันเหมาะเจาะมากที่จะรุกเข้าหาเธอ ไม่มีใครขัดเขาแน่นอน อัครวุฒิก็เมาไม่รู้เรื่อง ตาเอี่ยมก็เมาหลับไปแล้วเหลือแต่เขานี่แหละที่พอกรึ่มๆ มีสติสัมปชัญญะรู้ตัวเอง

“ผมขอนั่งพักสักแป๊บนึงได้ไหมครับ รู้สึกเหมือนโลกหมุน” เขาหาข้ออ้างไปเรื่อย

“ได้ค่ะ มาค่ะเดี๋ยวอังช่วยประคองไปนั่ง” หญิงสาวไม่รู้เรื่องรู้ราวค่อยๆพยุงชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากบันได

“ไหวไหมคะ”

“นั่งสักพักคงโอเคขึ้นครับ” เขาพยักหน้า

“ทำไมนอนเร็วจังครับ เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง” เขาพยายามหาเรื่องคุย

“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำขนมไปขายแต่เช้าค่ะ เลยรีบนอนดีกว่า”

“ว่าแต่คุณขับรถกลับไหวเหรอคะ” เธอถามเพราะเห็นว่าทั้งเวทิศและอัครวุฒิก็เมามายไม่แพ้กัน ขืนขับรถกลับมีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่นอน

“ตาเอี่ยมบอกให้นอนที่นี่น่ะครับ ว่าแต่อังพอจะมีผ้าปูหรือฟูกกับผ้าห่มให้ผมไหมครับ”

“อ้อ ได้ค่ะรอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวอังไปหยิบจากในห้องมาให้” อังศุมาลินลุกขึ้นไปหยิบเครื่องนอนให้สองหนุ่ม โดยเปิดประตูค้างไว้เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาขนออกมา

เวทิศใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปในห้องหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ เข้าไปยืนประชิดหลังร่างบางที่กำลังค้นหาผ้าห่มในตู้

“อุ๊ย!” เธอหันมาด้วยความตกใจ “คุณเข้ามาทำอะไรคะ” ตอนนี้เธอหันหน้าเข้าหาเขาและกำลังสบตากับเขาอยู่เช่นกัน

“ผมชอบอัง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในความเงียบ จ้องมองเธอไม่วางตา

อังศุมาลินรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอไม่เคยโดนสารภาพรักแบบไม่ทันตั้งตัวมาก่อน ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ เต้นแรงและเร็วราวกับจะระเบิดออกมาด้านนอกเสียแล้ว เสียงมันดังจนเธอกลัวเขาจะได้ยิน

“คุณเมามากไปแล้วนะคะ ดูท่าคุณจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา” เธออ้อมแอ้มตอบ ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ

“ผมไม่เมา ผมมีสติรู้ตัวดี ผมชอบอังจริงๆนะ”

“แต่คุณเข้ามาแบบนี้มันไม่ดีนะคะ ออกไปก่อนเถอะค่ะ”

“แล้วอังล่ะ คิดแบบไหนกับผม”

“อังไม่...” เสียงหวานกลืนหายไปในลำคอเพราะถูกทาบทับด้วยริมฝีปากร้อนของคนตัวโต เวทิศจูบซึมซับเอาความหวานจากริมฝีปากเล็กๆ ลิ้นร้อนพยายามเกี่ยวกระหวัดหาความหวานล้ำในปากเล็กๆ

อังศุมาลินรู้ตัวอีกทีตนก็มานอนอยู่บนเตียงโดยมีเวทิศคร่อมอยู่ด้านบน หญิงสาวตกใจรีบเบนหน้าหนีจากรสจูบที่เขามอมเมาเธอ

“อย่าทำแบบนี้นะคะ อังไม่ชอบ” เธอยันไหล่หนาเอาไว้และจ้องมองเขา

“แต่ผมชอบอังจนทนไม่ไหวแล้ว”

“อังยังไม่คิดจะรักหรือชอบใครค่ะ คุณเองก็ด้วย” เธอตอบเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว

“ผมขอโทษ” เขายอมลุกจากร่างของหล่อนแต่โดยดี “ผมอาจจะเมามากไปหน่อย ขอโทษด้วยที่ทำให้อังกลัว” พูดจบก็เดินหอบเอาผ้าห่มและผ้าปูนอนที่อยู่ในตู้ลงไปด้านล่าง ปล่อยให้อังศุมาลินนอนกุมคอเสื้อชุดนอนด้วยท่าทีหวาดกลัวลำพัง

นับตั้งแต่วันนี้เวทิศทำให้อังศุมาลินหวาดกลัว ชายหนุ่มก็หายหน้าไปจากชีวิตเธอ ผ่านมาเกือบสัปดาห์หนึ่งแล้วที่เธอไม่เห็นเขา

อังศุมาลินรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะคิดว่าตนนั้นพูดแรงเกินไป แต่เมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้วตนเองก็คิดว่าตนพูดความจริง เพราะเธอไม่คิดอะไรกับเขาจริงๆ

“อังเอ๊ย วันนี้ไปขายขนมรึเปล่าลูก” เสียงตาเอี่ยมตะโกนถามหลานสาวที่อยู่หลังบ้าน

“ไปจ้ะ แต่จะไปเย็นๆหน่อย พี่ดาเขาเตรียมของไปเยอะจ้ะวันนี้” หลานสาวตะโกนตอบ

“เอ้อๆ วันนี้ตาว่าจะเข้าเมืองไปกับปลัดคงกลับมืดๆนู่นละ เอ็งกลับมาก็ปิดประตูล็อกบ้านให้ดีๆ”

“จ้ะ แต่ทำไมช่วงนี้ตาเข้าเมืองไปกับปลัดบ่อยจังจ๊ะ”

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ” ตาเอี่ยมโกหกหลานสาว เพราะช่วงนี้ตนต้องเข้าไปพบแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาก่อนที่มะเร็งจะลุกลามไปมากกว่านี้

“จ้ะ” หล่อนรับคำโดยไม่ซักถามหรือสงสัยต่อ

“มึงถอดใจจากคุณอังเขาแล้วเหรอวะ หลังจากวันนั้นมึงไม่ไปให้เขาเห็นหน้าเลยนะเว้ย” อัครวุฒิถามขึ้นเพราะทนความสงสัยไม่ไหว

“ทำไมวะ ตอนนั้นกูอยากได้เขามึงก็ห้าม ตอนนี้กูไม่ยุ่งมึงก็เชียร์กูจัง มึงจะเอาไงแน่”

“ก็เปล่า กูแค่สงสัยเฉยๆ”

“วันนั้นกูรุกหนักไปหน่อย เขาดูกลัวกูก็เลยห่างๆออกมาก่อน”

“มึงทำไรวะ ไหนเล่าดิ” เพื่อนหนุ่มถามด้วยความสงสัยเข้าไปอีก

“ไม่ต้องรู้หรอก วันนี้มีตลาดนัดปะวะ” เขาเลี่ยงตอบไปถามเรื่องอื่นแทน

“มี ทำไมมึงจะไปหาเขาเหรอ”

“เออ พาไปหน่อย สักห้าโมงเย็น” เสียงโทรศัพท์ของเวทิศดังขึ้นขัดการสนทนาของสองหนุ่ม ซึ่งเป็นสายจากภควดีที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ชายหนุ่มจึงขอตัวไปคุยกับแฟนสาวด้านนอก

“ว่าไง ว่างคุยกับพี่แล้วเหรอ”

[พูดแบบนี้เหมือนโกรธผิงเลยนะ] ปลายสายทำเสียงออดอ้อน [ผิงคิดถึงพี่เวย์จัง รู้งี้ไม่มาเรียนไกลขนาดนี้หรอก]

“อ้อนพี่ใหญ่เลยนะ คิดถึงก็รีบๆเรียนรีบๆกลับมาสิ คอร์สสั้นขนาดนั้นยังบ่นอีก”

[ก็มันคิดถึงนี่นา แล้วนั่นพี่เวย์ทำอะไรอยู่]

“คุยกับผิงไงคนดี”

[ใช่แน่เหรอ ไปคุมงานที่นั่นอย่าแอบนอกใจผิงนะ จับได้เอาตายแน่] เวทิศหัวเราะใส่ปลายสาย ผู้หญิงนี่เซนส์แรงเสียจริงนะ

“นอกใจอะไรล่ะมีแต่ป่าแต่เขา ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาหรอก”

[ไม่รู้แหละ พูดดักไว้ก่อน]

“ตัวเองนั่นแหละ อย่านอกใจพี่ไปหาไอ้หรั่งหัวทองล่ะ”

[ไม่มีหรอก ผิงตั้งใจเรียนจะตายไม่สนใจใครเลย]

“ดีแล้ว รีบๆตั้งใจเรียนแล้วก็กลับมา เดี๋ยววันกลับพี่จะไปรับที่สนามบินนะ”

[ค่า งั้นผิงไปเรียนก่อนนะ รักพี่เวย์นะคะ]

“โอเค พี่ก็รักผิง” เขาพูดจบปลายสายกดตัดไป

ตอนนี้ภควดีเรียนอยู่ที่ลอนดอน หญิงสาวไปเรียนภาษาคอร์สสั้นๆ โดยการสนับสนุนของเขาเอง เขาเห็นเธอบ่นหลายต่อหลายครั้งว่าอยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศเป็นคอร์สสั้นๆ จึงออกเงินให้เธอเพื่อไปเรียนให้สมใจ มอบเป็นของขวัญวันเกิดเธอเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

สำหรับเขาเรื่องเงินนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่ จะเขาจ่ายหรือเธอจ่ายก็คล้ายๆกัน ไม่มีใครซีเรียสในเรื่องนี้ ครอบครัวของหญิงสาวก็มีฐานะอยู่มากในระดับหนึ่ง

เขาและภควดีคบหากันโดยที่ผู้ใหญ่พอทราบบ้าง ตลอดเวลาที่คบหากันมีบ้างที่หญิงสาวมานอนที่บ้านเขา และเขาไปนอนที่คอนโดฯคอนเธอ ครอบครัวของเขารู้จักหญิงสาวพอสมควรแต่เพราะภควดีค่อนข้างถือตัวและไม่ชอบสุงสิงกับใครจึงทำให้ไม่สนิทกับบิดา มารดา พี่สะใภ้และหลานของเขา

เขาเองก็เคยไปพบทางบ้านของหญิงสาวบ้าง แต่ดูเหมือนบิดาของภควดีนั้นจะค่อนข้างหวงบุตรสาวจึงไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกนั่นแหละ เพราะพอท่านทราบว่าเขาครอบครัวเขาเป็นเจ้าของโรงแรมในเครืออภิพัฒนไพศาลท่านก็เอ็นดูเขาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการขายขนมตาลนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในเป้าสายตาของคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอหวาดกลัวในวันนั้น

เวทิศยืนมองหญิงสาวอยู่ระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปใกล้ให้เธอเห็น จนกระทั่งทนไม่ไหวเดินเข้าไปช่วยหญิงสาวขายของเพราะทนเห็นเธอยุ่งขายของคนเดียวไม่ได้

“เฮ้ยๆไอ้เวย์มึงจะไปไหนวะ” อัครวุฒิร้องตามเพื่อนหนุ่มที่เดินดุ่มๆเข้าไปที่ร้านแม่ค้าคนสวย

เมื่อกี้ยังทำยืนมองเฉยๆเลย ทีตอนนี้ทำเป็นเข้าไปช่วยเดาอารมณ์ยากจริงวุ้ยไอ้นี่!

“อ้าว คุณเวย์” เสียงเล็กร้องออกมาอย่างตกใจ

“มาครับเดี๋ยวผมช่วย” เขาช่วยหยิบขนมทั้งแบบกล่องและแบบถุงใส่ถุงหิ้วให้ตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง และเป็นคนทวนจำนวน คิดเงินและทอนเงินให้กับลูกค้าเอง โดยที่หญิงสาวแอบลอบมองเขาอย่างชื่นชมตลอดเวลาที่ยุ่งขายของ

หลังจากหายหน้าไปนาน เขากลับมาช่วยหล่อนในตอนที่หล่อนกำลังขายของไม่ทัน นึกว่าเขาจะโกรธเคืองเธอเสียแล้ว

ทันทีที่หมดลูกค้า หญิงสาวจึงหยิบยื่นเก้าอี้พลาสติกหัวโล้นให้กับเขา เพื่อนั่งพักผ่อนหลังจากยืนหลังขดหลังแข็งขายของราวยี่สิบนาทีได้

“คุณเวย์นั่งเถอะค่ะ” และยื่นเก้าอี้อีกตัวให้อีกหนึ่งหนุ่ม “นี่ค่ะคุณต๊ะ”

“เรียกคุณอีกแล้วนะครับ ไหนสัญญากันว่าจะเรียกแค่ชื่อผม”

“ค่ะ” เธอพูดตามที่เขาบอก “ว่าแต่คุณมาได้ยังไงคะ”

“มันร้องให้ผมพามาครับ มันอยากมาหาคุณอัง”

“จริงเหรอคะ ทำไมถึงอยากมาหาอังล่ะคะ”

“ก็ แค่คิดถึงน่ะครับ พอดีผมหายหน้าไปหลายวัน”

“นั่นสิคะ อังคิดว่าคุณโกรธอังเรื่องนั้นเสียอีก” เธอพูดเสียงแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ไม่ครับ ผมไม่โกรธ แค่รู้สึกละอายต่ออังแค่นั้นเอง แต่ยังไงผมไม่ยอมแพ้นะ”

“ทำไมคะ อังมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเชียว”

“ผู้ชายที่จ้องจะจีบอังมีตั้งเยอะแยะนะ อังไม่รู้ตัวเลยเหรอ”

“อังไม่รู้ค่ะ อังไม่ได้สนใจพวกเขา”

“ผมชอบที่อังเป็นคนง่ายๆสบายๆแต่ไม่ทำตัวง่ายๆ” เขาสบตาเธอ

“อะแฮ่มๆ กูยังอยู่ตรงนี้” อัครวุฒิกรแอมขึ้นและพูดขัดการสนทนาของสองหนุ่มสาว

“อังขอโทษค่ะ คุณต๊ะทานขนมตาลไหมคะ หรือจะเอาไปฝากพี่ปิ่นไหมคะ” หญิงสาวหันมาสนใจอีกหนึ่งหนุ่มแทน เธอพูดถึงปิ่นประดับภรรยาของอัครวุฒิ ซึ่งเจ้าตัวก็แปลกใจที่หญิงสาวรู้จักภรรยาของเขา

“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ปิ่นแพ้ท้องหนักมากกินอะไรไม่ได้เลย”

“จริงหรือคะ ได้กี่เดือนแล้วคะ” ถามอย่างตื่นเต้น

“เพิ่งสองเดือนเองครับคุณอัง”

“เรียกอังว่าน้องก็ได้ค่ะ ยังไงคุณต๊ะก็รุ่นเดียวกับพี่ปิ่นอยู่แล้วใช่ไหมคะ” อัครวุฒิพยักหน้ารับเป็นการตกลง

“ไอ้ต๊ะ มึงมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่” เวทิศถามด้วยความสงสัย เพราะเขาเองไม่ทราบมาก่อนแถมไม่ถูกเชิญมางานแต่งงานของมันเสียด้วย

“ปีนึงได้แล้ว” เขาอ้อมแอ้มตอบ ความจริงเขาและปิ่นประดับถูกบังคับให้แต่งงาน ซึ่งเขาเองก็จำใจและเธอเองก็เช่นกัน ทั้งจัดงานตบแต่งก็เงียบเชียบ จึงตัดสินใจไม่บอกใคร อยู่กันไปอยู่กันมาจนแล้วจนรอดก็กลายเป็นว่าหญิงสาวตั้งท้องขึ้นมา เขาเลยตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ตลอดไป

“ทำไมกูไม่รู้วะ แล้วที่บ้านก็ไม่เห็นมีเมียมึงเลย” คนขี้สงสัยยังไม่หยุดถาม

“เออน่า เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังมันยาว ว่าแต่น้องอังรู้จักปิ่นได้ยังไงเหรอ” เขาหันไปสนใจอังศุมาลินมากกว่า

“ก็พี่ปิ่นเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยค่ะ เรียนคณะเดียวกันเลยรู้จักและสนิทกันค่ะ บังเอิญเจอคุณต๊ะอยู่กับพี่ปิ่นที่ร้านเค้กประจำ เลยถามรุ่นพี่ที่รู้จักค่ะเลยทราบว่าคุณต๊ะเป็นแฟนพี่ปิ่น”

“แหม บังเอิญจังเลยนะครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel