บทที่ 5
ระหว่างที่ทั้งสามนั่งคุยอยู่นั้นมีลูกค้าเข้ามาพอดี แม่ค้าคนสวยที่เม้าท์มอยอยู่กำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปขายของนั้น ก็ต้องชะงักเมื่อเวทิศลุกขึ้นไปขายขนมทำแทนเธอ พลางทำมือบอกเชิงว่าให้คุยต่อเถอะ เดี๋ยวเขาทำเอง
และเขาขายขนมให้หญิงสาวเสร็จสรรพ และก็ดูเหมือนว่าพอชายหนุ่มได้เป็นพ่อค้านั้น ดูท่าทางจะขายดีเสียด้วย ยืนไม่นานก็มีลูกค้าสาวๆมารุมซื้อจนเกือบหมด
“คุณขายของเก่งจังค่ะ ไม่ยักกะรู้ว่ามีความเป็นพ่อค้าอยู่ในตัว นึกว่าคุณจะเก่งแต่ด้านธุรกิจเสียอีก” เสียงหวานเอ่ยแซว และลุกขึ้นมายืนข้างชายหนุ่ม ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอและเขา เนื่องจากอัครวุฒิขอตัวไปทำธุระที่ตัวเมืองครู่หนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากตลาดนัดเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงบอกให้เวทิศรออยู่ที่นี่ก่อน
“ผมเคยทำพาร์ทไทม์เป็นเด็กเรียกลูกค้าที่ร้านอาหารตอนสมัยไปเรียนที่ต่างประเทศน่ะครับ”
“ดีจังเลยนะคะ ฟังดูน่าสนุกจัง อังเองก็เคยฝันไว้ว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศบ้าง”
“อยากไปเรียนที่ไหนเหรอครับ”
“หลายที่เลยค่ะ แต่มันก็เป็นแค่ฝันเท่านั้นแหละค่ะ” เธอตอบยิ้มๆแต่ดวงตาแฝงไปด้วยความหมองเล็กน้อย
เขาเห็นดังนั้นจึงเฉไฉไปเรื่องอื่น
“ขายของหมดแล้วนี่ครับ อังจะกลับบ้านเลยไหม” เขาถามเมื่อพลิกดูนาฬิกาพบว่าหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว “กลับกับผมเถอะ แต่รอไอ้ต๊ะมันกลับมาก่อนแล้วกัน” เขาพูดดักไว้กลัวหญิงสาวปฏิเสธ
“ยังค่ะ อังต้องไปเลี้ยงลูกน้องก่อน” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย
“อยากเห็นไหมคะ ครั้งที่แล้วคุณเป็นเจ้ามือเลี้ยงลูกน้องอังค่ะ”
“ผมเองก็อยากรู้ว่าผมไปเลี้ยงลูกน้องอังตอนไหน” เขาพยักหน้าและตอบตกลง
เวทิศเดินตามอังศุมาลินไปที่ร้านขายไก่ย่างซึ่งหญิงสาวบอกว่าเป็นเจ้าที่อร่อยและสะอาดที่สุดในตลาด
“ตับยี่สิบไม้จ้ะป้า” หญิงสาวสั่งเสร็จก็หันไปค้นเงินในกระเป๋า แต่ไม่ไวเท่าเวทิศที่จ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว ทำไมคุณเวย์ทำแบบนี้คะ เอาเงินไปเลย” หญิงว่าเข้าให้
“ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ครั้งที่แล้วผมเลี้ยงตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย” เขายิ้มให้หญิงสาว
“แฟนเหรอหนูอัง” ป้าเจ้าของร้านถามอังศุมาลินยิ้มๆ
“ไม่ใช่จ้ะ เป็นเพื่อนกันจ้ะ” หล่อนรีบปฏิเสธพัลวัน
“แหมป้าก็คิดว่าแฟน เห็นไม่เคยเจอหนูอังอยู่กับผู้ชายคนไหนนอกจากเจ้าภาคเลย”
“ผมก็จีบๆอังอยู่แต่เขาคงไม่สนใจผม” ระหว่างพูดก็มองเธอไปด้วย
“พ่อหนุ่มคนนี้ก็หน้าตาหล่อ พูดจาดีน่ารักอีกด้วย หนูอังไม่ชอบเหรอลูก”
“ของอังได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับถุงตับปิ้งและรีบเดินนำชายหนุ่มไปทันทีทิ้งให้ป้ายืนอมยิ้มทำท่าทีขวยเขินของเธอ
“มึงว่ายังไงนะ” เสียงเข้มย้ำถามทีละคำ
“ไอ้เวทิศมันไปช่วยคุณอังขายของที่ตลาดครับ และเพิ่งพาคุณอังขึ้นรถมันไปเมื่อครู่ครับ”
เพล้ง !
แก้วบรั่นดีทรงเตี้ยในมือหนาที่มีน้ำสีอำพันกว่าครึ่งถูกปาลงพื้นตามแรงอารมณ์คุกรุ่นในใจ
“แล้วมึงปล่อยให้อังไปกับมันได้ยังไง กูให้มึงไปเฝ้ากันไม่ให้อังอยู่กับมัน ไม่ใช่ให้มึงไปยืนดูเฉยๆ!!” ภูเบศตะคอกใส่ลูกน้องอย่างฉุนเฉียว
“ผมขอโทษครับ” ลูกน้องหนุ่มก้มหน้านิ่ง
“มึงไปเตรียมรถยนต์ กูจะไปหาอังที่บ้าน” สั่งเสียงเรียบ
“แต่นายครับ นายเมาอยู่นะครับ”
“ไม่ต้องมายุ่ง กูบอกให้มึงไปเตรียมรถไง!”
“ครับ” รับคำสั่งและออกไปทำตามที่เจ้านายสั่ง
“ไอ้เวทิศมึงคิดจะแย่งอังไปจากกูใช่ไหม กูไม่ยอมหรอก กูไม่ยอม!!” เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งบวกกับความเมามายที่ดื่มเข้าไปพอสมควรทำให้ใจกล้าบ้าบิ่นพอสมควร
ตับไก่ปิ้งยี่สิบไม้ค่อยๆทยอยพร่องลงไปเรื่อยๆจนหมดถุงในที่สุด ตอนนี้ตับได้เข้าไปอยู่ในท้องน้องหมาทั้งหมดเจ็ดตัวที่ยืนจ้องกันตาอังศุมาลินและแขกคนใหม่ตาแป๋ว
“หมดแล้ว ไม่ต้องมาจ้องเลย” เวทิศร้องบอก “ยังไม่อิ่มกันอีกเหรอ เอาอีกไหม”
“พอแล้วค่ะ ให้แต่พอดีเถอะค่ะ” หญิงสาวร้องห้าม
“แม่แกห้ามฉันแล้ว อดกินเลย” ราวกับฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง บรรดาลูกๆ(จำเป็น)ของอังศุมาลินต่างพากันแยกย้ายมานอนข้างทั้งสองที่นั่งอยู่ที่ริมฟุตปาธ
มือบางเอื้อมไปลูบหัวอย่างเอ็นดู “พวกมันน่ารักนะคะ พูดรู้เรื่องเสียด้วย”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสินะ ฉลาดกว่าหมาบางพันธุ์อีกนะ”
“แล้วอังเริ่มมาให้อาหารพวกมันตอนไหนเหรอ”
“เกือบปีแล้วค่ะ ช่วงที่มาขายของใหม่ๆ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ตอนนั้นผอมโซทุกตัวเลยค่ะ”
“ดูตอนนี้สิ อ้วนเป็นหมูกันทุกตัวเลย” เขาพูดพลางลูบหัวพวกมันบ้าง “อังนี่นอกจากจะสวยแล้วยังน้ำใจงามเสียด้วย”
“เวลามันหิวมันพูดไม่ได้นี่คะ มันบอกใครก็ไม่ได้ ต้องทนหิวอยู่แบบนั้น ครั้งแรกที่เจอพวกมันยืนจ้องอังกินลูกชิ้นแบบตาไม่กระพริบเลย...” เธอเจื้อยแจ้วเล่าให้เขาฟังอย่างขบขัน พลอยทำเอาเวทิศเผลอยิ้มไปกับความน่ารักของเธอไปด้วย
บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวแล่นเข้ามาจอดในรั้วบ้านของอังศุมาลินอย่างปลอดภัย สองหนุ่มช่วยกันยกข้าวของของอังศุมาลินที่นำไปขายของลงมาจนครบ เมื่อเห็นไฟหน้าบ้านมืดสนิทจึงถามหญิงสาว
“ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอครับวันนี้” อัครวุฒิถาม
“ไม่มีค่ะ ตาเข้าเมืองไปกับปลัดตั้งแต่บ่ายๆแล้วค่ะ”
“แบบนี้อังก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ แล้วบ้านอื่นเขาปิดกันหมดแล้ว จะอยู่ได้เหรอ” เวทิศพูดขึ้นบ้าง เขาเป็นห่วงเธอจากใจจริงเพราะบรรยากาศรอบข้างดูวังเวงและเปลี่ยวพอสมควร
“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณต๊ะกับคุณเวย์มากนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวพนมมือไหว้ขอบคุณทั้งสองอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เรื่องแค่นี้เอง” อัครวุฒิยกมือเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“ไม่ได้หรอกค่ะ ช่วยขายของ ไหนจะช่วยเก็บร้านให้อีกด้วย แถมยังพามาส่งที่บ้านอีก อังขอบคุณมากนะคะ”
“ถ้าอังอยากขอบใจผมก็ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าตาเอี่ยมจะกลับมาสิ ผมทิ้งอังไว้แบบนี้ไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ อังอยู่ได้”
“กลัวพวกผมเหรอ” เวทิศถามตามตรง
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ อังเกรงใจพวกคุณมาก วันนี้พวกคุณช่วยเหลืออังไว้หลายอย่าง”
“งั้นก็ให้ผมกับไอ้ต๊ะอยู่ด้วยแหละ ไม่ต้องเกรงใจ” เขายังคงยืนยันที่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ จนอังศุมาลินเองต้องยอมแพ้ ไขประตูบ้านเปิดให้ทั้งคู่เข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวอังไปเอาน้ำมาให้ค่ะ”
“ไม่ต้องครับน้องอัง พี่ว่าจะไปซื้อน้ำอัดลมที่ร้านขายชำพอดี น้องอังเอาอะไรไหม” อัครวุฒิถามขณะกำลังเดินไปใส่รองเท้า “ผมยืมจักรยานหน่อยนะครับ"
“ได้ค่ะ จอดอยู่ข้างบ้านค่ะ”
“กูเอาโค้ก ซื้อมาให้ด้วย”
“มึงไม่ไปด้วยเหรอ” เพื่อนหนุ่มถาม
“ไม่เอา ขี้เกียจ” เขาว่าพลางนอนเหยียดตัวบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ด้วยความที่เป็นคนตัวสูงเอามาก ทำให้ขาของเขาเลยโซฟามาเยอะพอสมควร มือหนาเอื้อมไปหยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆเพื่อหาช่องที่ตนเองอยากดู ทำราวกับว่าเป็นบ้านของตน
“เดี๋ยวอังขึ้นไปเก็บของด้านบนแป๊บนึงนะคะ” อังศุมาลินขอตัวขึ้นไปด้านบนปล่อยให้เวทิศนอนอยู่ด้านล่างคนเดียว ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็ลงมาพร้อมกับชุดใหม่ซึ่งเป็นชุดใหม่ เธอสวมเสื้อฮู้ดแขนขาวสีกรม กางเกงสี่ส่วนสีเข้มดูมิดชิดขึ้นกว่าเดิม
เสียงโทรศัพท์ของเวทิศที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งเขาและเธอได้ดีพอสมควร หน้าจอทัชสกรีนโชว์เบอร์ของมารดา ซึ่งน่าจะโทรมาถามไถ่ตามปกติ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงขอตัวออกไปคุยที่หลังบ้าน
เสียงล้อรถยนต์เบรคกะทันหันที่หน้าบ้านทำให้อังศุมาลินชะเง้อมองเพราะคิดว่าเป็นธนกรและตาเอี่ยมมาถึงแล้ว เงาตะคุ่มของร่างสูงเดินดุ่มๆเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงไฟสาดเข้าที่ใบหน้าก็พบว่าเป็นภูเบศ
“ภาค” หญิงสาวเรียกเพื่อนหนุ่มเมื่อเห็นใบหน้าหล่อแดงก่ำและถมึงทึงราวกับโกรธแค้นใครมา
“ภาคเป็นอะไร ทำไมหน้าเป็นแบบนี้”
ภูเบศไม่ตอบเดินดุ่มๆเข้ามากอดรัดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างกระหายและกรุ่นโกรธ หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจพยายามผลักไสและปัดป้องเขาออก
“ภาคปล่อย ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยเรานะ!” เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาและพอเดาได้ว่าภูเบศเมาจึงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ “เมาก็กลับบ้านไป อย่ามาทำแบบนี้กับเรา!”
“ภาคไม่ปล่อย ภาคจะทำให้อังเป็นของภาค อังจะได้ไม่ต้องมีหน้าไปหาไอ้เจ้าของรีสอร์ทนั่นอีก”
“พูดบ้าอะไรของภาคเนี่ย ปล่อยนะ! ปล่อย!” หญิงสาวร้องตะโกนให้ชายหนุ่มที่อยู่หลังบ้านได้ยิน “เวย์ ช่วยอังด้วย! ช่วยอังด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยอังด้วย”
“เหอะ! อยู่กับภาคยังร้องให้มันช่วยอีกนะ” เขาเงยละหน้าออกจากซอกคอขึ้นมาเอ่ยกับเธอเสียงเหี้ยม
“ภาคจะไม่ทนเห็นอังเป็นของมันแน่ๆ อังต้องเป็นของภาค”
ผลัวะ!
ภูเบศถูกกระชากตัวออกจากหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมัดลุ่นๆจะประเคนเข้าที่กรามของเขา คนโดนชกเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น
“มึงทำบ้าอะไรวะ” เขาดึงตัวอังศุมาลินไปหลบด้านหลัง พลางชี้หน้าภูเบศไว้
“เหอะ อยู่นี่เองเหรอมึงอะ” แค่นเสียงใส่ก่อนจะถ่มน้ำลายเจือเลือดลงพื้น ยันตัวลุกขึ้นมาและทำท่าจะสวนหมัดใส่แต่ถูกอีกฝ่ายชกก่อนอีกรอบ
“พอแล้วค่ะเวย์ อังขอนะคะ” หญิงสาวรั้งแขนห้ามคนตัวโตที่กำลังจะเข้าไปซ้ำเพื่อนหนุ่มที่ล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ประจวบกับตาเอี่ยมเดินเข้ามาพร้อมปลัดธนกรเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“นังหนู นี่มันเกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะโวยวายเชียว” ร้องถามหลานสาวเสียงตื่นตระหนก
“แล้วนี่ไอ้ภาคมันเป็นอะไรของมัน”
“มะ ไม่มีอะไรจ้ะ” เธอตอบเสียงสั่น ยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย ร่างบางสั่นราวกับลูกนก
“จะไม่มีอะไรได้ยังไงก็เห็นๆกันอยู่”
“นั่นสิครับคุณอัง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ธนกรถามเสริมเมื่อเห็นเธอหลบตา “คุณทำอะไรคุณอัง”
“ไม่ใช่นะคะ เขาไม่ได้ทำอะไรอัง” เธอรีบแก้ตัวแทนเพราะกลัวชายหนุ่มถูกเข้าใจผิด
“พ่อเวย์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เมื่อไม่ได้คำตอบจากหลานสาวจึงหันมาที่อีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แทน
เวทิศหันไปสบตาหญิงสาวเชิงขออนุญาต เมื่อเธอพยักหน้าเสร็จเขาจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทั้งสองผู้ที่มาใหม่ฟัง
เมื่อฟังจบตาเอี่ยมได้ไหว้วานให้ธนกรช่วยไปส่งภูเบศที่บ้าน เพราะดูจากสภาพของชายหนุ่มแล้วไม่น่าจะกลับไหว ส่วนรถยนต์ให้เจ้าตัวกลับมารับเมื่อสร่างเมาแล้ว
“ขอบใจพ่อเวย์มากที่ช่วยนังหนูไว้ ถ้าพ่อเวย์ไม่อยู่นังหนูคงแย่” มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปกุมมือหนาของชายหนุ่มตรงหน้า
“ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มให้ชายชรา
“ไอ้เวย์โค้กมาละโว้ยยย อุ๊บ” อัครวุฒิที่ตะโกนร้องมาตั้งแต่หน้าบ้านรีบตะปบปากตนเองทันที
“ไปซื้อร้านขายของชำแน่นะ ทำไมไปนานจัง” เขาถาม
“บังเอิญเจอคนรู้จักเลยแวะดื่มทักทายนิดหน่อย” เขาเสียงอ้อแอ้
“นิดหน่อยนี่กี่แก้ว”
“เจ็ดแก้วเอ๊ง เบาๆ”
“ไอ้เวร” เขาสบถออกมาเบาๆ “กูไม่รู้ทางนะโว้ย แล้วถ้ามึงเมาอย่างนี้จะกลับยังไง” เขากระซิบบอกอัครวุฒิที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆและยิ้มหวานให้และหลับกลางอากาศ
“นอนที่นี่ก็ได้ ไว้เช้าแล้วพ่อต๊ะตื่นค่อยกลับ”
