บทที่ 2
ภูเบศมาหาอังศุมาลินที่บ้านแต่ไม่พบ ตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครตอบ เขาจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ที่แคร่หน้าบ้านเพราะคิดว่าหญิงสาวคงออกไปร้านขายของชำใกล้ๆ นั่งรอได้ไม่ถึงสิบนาที จักรยานญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาโดยคนที่ปั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
“อังไปไหนมา ภาคตะโกนเรียกตั้งนานก็ไม่มีใครตอบ” เขารีบปรี่เข้าไปให้เพื่อนสาวทันทีเมื่อเธอลงจากจักรยาน
“อ้าว เราไม่รู้ว่าภาคจะมาหา พอดีออกไปทำธุระให้ตาน่ะ” เธอบอก
“ไปทำอะไรมาเหรอ”
“พาคนที่จะมาซื้อที่ดินไปดูที่น่ะ” หล่อนเดินไปนั่งบนแคร่ที่เขาเพิ่งลุกเมื่อครู่ โดยมีเพื่อนนั่งตามติดๆ
“เหรอ แล้วเขาว่าไงบ้าง” ได้ยินดังนั้นก็นั่งไม่ติดเพราะเขารู้แล้วว่าผู้ชายคนที่มาเหมาขนมตาลหล่อนกับคนที่มาซื้อที่ของหล่อนคือคนเดียวกัน
“ก็คงซื้อแหละ มาหาเรามีอะไรด่วนหรือเปล่า”
“ไม่ด่วนแล้วมาหาไม่ได้เหรอ” เขากระเง้ากระงอดราวกับเด็กน้อย แต่การสนทนาของทั้งคู่ก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงล้อรถยนต์บดเบียดกับถนนหน้าบ้าน พร้อมกับรถหรูค่อยๆขับเข้ามาและจอดสนิท
เวทิศเห็นภูเบศและอังศุมาลินจากด้านในรถ เพราะทั้งคู่นั่งใกล้กันเกินทำให้เขาเกิดอาการรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไหนจะไอ้ท่าทางซุกซบไหล่หล่อนตอนที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาอีก
“มารความสุขจริงๆ” เขาพอเดาได้ว่าไอ้ลูกสส.นั่นมันคิดกับหญิงสาวอย่างไร เพราะดูจากคำพูดที่มันพูดใส่เขาแล้วคงจะหวงหล่อนพอตัว
“นั่นมันไอ้ภาคนี่หว่า มาหาหญิงถึงที่เลยเว้ย” ไอ้เพื่อนเขามันก็ปากดีพูดขึ้นมาซะได้
คนขี้หงุดหงิดรีบเปิดประตูลงไปทันที เขาอยากเข้าไปนั่งแทรกกลางให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เจ้าหล่อนดูหวงตัวกับเขานักหนา ทำไมถึงยอมให้มันซบให้มันพิงเสียได้
“มึง!” ภูเบศลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มที่กำลังสืบเท้าเข้ามาใกล้เขาและอังศุมาลินอย่างเดือดดาล เขายังจำคำพูดที่มันพูดกับเธอได้
“ภาค พูดกับคุณเขาดีๆหน่อยสิ เขาเป็นคนที่จะมาซื้อที่ของตาเรานะ” หญิงสาวรีบปรามเพื่อนหนุ่ม
“มันเนี่ยนะ!?!” เขาหันมาถามหล่อนเสียงเข้มทั้งๆที่พอจะรู้อยู่แล้ว
“อย่าเพิ่งโวยวายนะ เราขอร้อง” หล่อนหันมากระซิบเพื่อนหนุ่ม
“ตายังไม่กลับมาเลยค่ะ เดี๋ยวรอด้านในก่อนดีกว่าค่ะ” หญิงสาวนำแขกหนุ่มทั้งสองเข้าไปด้านใน เวทิศเองไม่หยี่ระกับอาการเดือดดาลของคนที่ชี้หน้าเขาเมื่อกี้เท่าไหร่
“คนนั้นแฟนคุณเหรอครับ” เขาถามขึ้นขณะที่หญิงสาวกำลังยกน้ำมาเสิร์ฟให้เขาและเพื่อนหนุ่ม
“ไม่ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน” เธอตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง เดาไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับคำถามเขา
“ว่าแต่คุณยังไม่เคยบอกชื่อผมเลย”
“อังค่ะ อังศุมาลิน”
“แล้วจำชื่อผมได้ไหม”
“ขอโทษค่ะ เมื่อวานนี้อังไม่ได้สนใจฟัง” คำตอบของเธอทำเขาเหวอไปชั่วขณะ เขาไม่เคยเสียเซลฟ์ขนาดนี้มาก่อน
“ใจร้ายจังนะครับ” เขาทำท่าทางน้อยอกน้อยใจหล่อนจนหล่อนรู้สึกผิด
“อังขอโทษจริงๆค่ะ ชื่อ... เอ่อ ชื่อ เวน หรือเปล่าคะ” หล่อนเอียงคอถามเสียงแผ่วเล็กน้อย เพราะไม่ได้แน่ใจในชื่อของเขาจริงๆ แต่เธอจำได้ว่าเขาบอกว่าแบบนี้
คำตอบที่ได้ฟังทำเอาอัครวุฒิที่กำลังดื่มน้ำเปล่าอยู่พ่นมันออกเพราะทนความตลกหน้าตายของหญิงสาวไม่ไหว และหัวเราะก๊ากออกมาอย่างสะใจที่เพื่อนเขามันโดนลบเหลี่ยมโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โอ๊ย คุณอังเล่นตลกรึเปล่าเนี่ย โคตรฮา” ยังคงไม่หยุดหัวเราะ “ไอ้เวรเอ๊ย ฮ่าๆๆ”
“โอ๊ะ อังขอโทษค่ะ อย่าโกรธอังนะคะ อังไม่รู้จริงๆ” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพยเพราะรู้เลยว่าตนต้องพูดอะไรผิดพลาดไปแน่ๆ
ถึงจะรู้สึกผิดหวังและขุ่นเคืองใจในชื่อใหม่เล็กน้อย แต่ความโกรธนั้นก็มลายหายไปทันตาเมื่อหล่อนทำหน้าตารู้สึกผิดได้อย่างน่าจับขย้ำ ไหนจะน้ำเสียงที่ชวนฟังนั่นอีก
“ผมผิดหวังเล็กน้อยนะครับ”
“อังขอโทษนะคะ งั้นรอแป๊บนะคะเดี๋ยวอังไปเอาขนมมาให้เป็นการไถ่โทษ” หญิงสาวผุดลุกจากเก้าอี้หายไปหลังบ้านและกลับมาพร้อมกับจานหนึ่งใบซึ่งในนั้นพูนเต็มไปด้วยขนมตาล อัครวุฒิอยากจะบอกเหลือเกินว่าที่บ้านเขายังเหลืออีกบานแต่โดนเพื่อนหยิกหน้าขาอย่างรู้ทันไว้เสียก่อน
“อังเพิ่งทำเสร็จเมื่อเช้าเลยค่ะ เอาไปทำบุญเมื่อเช้า อันนี้อังทำเผื่อไว้ค่ะ ไม่ใช่ของเหลือเดนนะคะ” เธอรีบบอกก่อน
“เอาของมาล่อเป็นเด็กเลยนะครับ” เขาพูดขึ้นอย่างขันๆ
“อังขอโทษค่ะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะคะ ครั้งหน้าอังจะจำให้ได้”
“เวย์ครับ เวย์นะครับ ไม่ใช่เวร”
“ค่ะ คุณเวย์ คุณเวย์ คุณเวย์” หล่อนพึมพำกับตัวเอง
“อัง ออกมาได้หรือยัง” ทั้งสามชะงักจากเสียงเรียกของภูเบศที่อยู่หน้าบ้าน อังศุมาลินรีบขอตัวแยกออกไปก่อน
“หวงคุณอังน่าดูเลยว่ะ กูบอกเลยงานนี้กินยากแน่ไอ้เวร” อัครวุฒิพูดขึ้นเมื่อลับร่างอังศุมาลินแล้ว
“เออ คอยดูเถอะกูจะรวบหัวรวบหางกินกลางตัวไม่ให้เหลือเลย”
หญิงสาวออกมาหน้าบ้านเพื่อมาหาเพื่อนชายที่ตะโกนเรียก
“เรามาแล้ว ภาคไม่เห็นต้องตะโกนขนาดนั้น”
“อังเข้าไปนานมาก ภาคเป็นห่วง” เขาตอบ
“ว่าแต่มีอะไรกันแน่เหรอ” เธอถาม “
“ภาคอยากชวนอังไปเที่ยวงานวัด ใกล้ๆนี่เอง นะๆๆ ไปเถอะนะๆ” เขาอ้อนเจ้าหล่อนราวกับเด็กๆ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขามาถึงบ้านเธอ
“เราต้องขายของ” เธอบอก “ไปไม่ได้หรอก”
“หลังขายของเสร็จก็ได้ ความจริงไม่ต้องไปขายหรอก แค่วันเดียวเอง น้าาา” ยังอ้อนเธอไม่ยอมให้ปฏิเสธ
“ก็ได้ แค่วันเดียวนะ” เธอยอมใจอ่อนตอบตกลง
“เย่ อังสัญญาแล้วนะ งั้นเดี๋ยวภาคมารับตอนหนึ่งทุ่มนะ แต่งตัวสวยๆรอภาคด้วย” น้ำเสียงภูเบศดูดีใจสุดขีด นานๆทีอังศุมาลินจะไปไหนกับเขาสักที
“ไอ้ภาค เอ็งมาชวนหลานข้าไปไหนอีก” เสียงตาเอี่ยมตะโกนถามจากทางด้านหลังของชายหนุ่มที่กำลังลั๊นลา
“โห่ ตาเอี่ยมผมก็มาชวนอังไปเปิดหูเปิดตาน่ะสิ” เขาหันไปตอบและยกมือไหว้ปลกๆ “ขออนุญาตนะค้าบบ” หน้าตาของภูเบศบึ้งตึงขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าตาเอี่ยมไม่ได้มาคนเดียว แต่พ่วงปลัดธนกรมาด้วย นี่มันวันบ้าอะไรวะเนี่ย!
“คุณอังจะไปเที่ยวไหนเหรอครับ” ธนกรที่พยุงตาเอี่ยมเดินมาถึงทั้งสองหนุ่มสาวก็ถามขึ้น
“งานวัดค่ะ ภาคมาชวนไป” เธอตอบตามปกติ “ไปด้วยกันสิคะ เยอะๆสนุกดี”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากไปกับคุณอังสองคนมากกว่า” สองหนุ่มฟาดฟันกันด้วยสายตาพอสมควร ก่อนที่ธนกรจะสาดคำพูดใส่ภูเบศ
“อะแฮ่มๆ นี่ฉันยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ” ตาเอี่ยมห้ามศึกของสองหนุ่มไว้ได้ทัน “อังพาตาเข้าบ้านหน่อยสิ”
“ตาจ๋า พวกคุณๆเขารออยู่ด้านในแล้วจ้ะ” เธอบอกพร้อมกับเขาไปพยุงตาจากธนกร
“เออๆดีเลย จะได้คุยให้เรียบร้อย ปลัดเองก็มาด้วยพอดี”
“ภาคกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวหัวค่ำค่อยมารับเรา” เธอหันกลับไปบอกภูเบศ เมื่อได้ยินแบบนั้นเขายิ่งยิ้มออก พยักหน้ารับด้วยความดีใจและกลับออกไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ
เสียงพูดคุยของสามหนุ่มดังไปทั่วบ้าน จากเรื่องที่ดินลากยาวไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระ ตาเอี่ยมดูจะถูกคอกับเวทิศและอัครวุฒิเป็นพิเศษ ส่วนธนกรต้องขอตัวกลับไปก่อนเนื่องจากมีประชุมเข้ามาด่วน
เมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าบ่ายสามโมงแล้ว เธอจึงขอตัวออกไปรดน้ำผักด้านนอก เดินลากสายยางลัดเลาะไปถึงแปลงผักของตนก็ค่อยๆฉีดพรมน้ำไปทั่วแปลง
“ผักน่าทานจัง ปลูกยังไงให้ออกมาสวยแบบนี้หรอครับ” จู่ๆเวทิศก็โผล่มาด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำให้อังศุมาลินตกใจเผลอหันสายน้ำไปฉีดเขาเข้า
“ว๊ายย คุณเวย์ อังขอโทษค่ะ” รีบปล่อยมือจากสายยางและเข้าไปเช็ดเสื้อให้ “เสื้อสวยๆของคุณเปียกหมดเลย อังขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่มาเงียบๆ” ตอนนี้ทั้งคู่ยืนชิดกันมาก คนตัวโตก้มมองร่างเล็กที่กำลังง่วนเช็ดเสื้อเขา จนกระทั่งเจ้าหล่อนรู้ตัวจึงรีบถอยห่างออกจากเขา
“เข้าไปเป่าพัดลมด้านในดีกว่าค่ะ” เธอบอกและเดินนำเข้ามาในบ้านอีกรอบ
“นังหนู เอ็งไปทำอะไรเขาล่ะนั่น เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย” ตาเอี่ยมร้องทักหลานสาว
“อังเผลอฉีดน้ำใส่คุณเขาจ้ะ ว่าจะพาเขาไปตากพัดลมตัวใหญ่หลังบ้าน”
“เอ้อๆ กะเบ๊อะกะบ๊ะเสียจริง ขอโทษแทนนังหนูด้วยนะพ่อเวย์”
“ไม่เป็นไรฮะตาเอี่ยม” เขาตอบยิ้มๆ
อัครวุฒิเห็นสีหน้าอันมีความสุขของเพื่อนก็เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ พออังศุมาลินออกไปแป๊บเดียวมันก็ตามไปเลย บอกจะไปเอาของในรถ ที่ไหนได้แอบตามหญิงสาวไปนี่เอง เพื่อนเขานี่มันร้ายจริงๆ
เวทิศนั่งเป่าพัดลมอยู่ที่ตั่งขนาดใหญ่หลังบ้าน ส่วนอังศุมาลินนั้นขอตัวไปหยิบผ้าเช็ดผมให้เขา ชายหนุ่มหัวเราะน้อยๆเมื่อนึกถึงสีหน้าตื่นตระหนกของเธอตอนที่เผลอฉีดน้ำใส่เขา
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวเหรอคะ” เธอกลับมาจากในตัวบ้านพร้อมผ้าเช็ดผมและหวี
“ก็ตลกคุณอังน่ะสิครับ” เขาตอบตามตรง “ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย”
“ก็อังไม่เคยฉีดน้ำใส่ใครสินะ คุณเป็นคนแรก”
“แสดงว่าผมโชคดีใช่ไหม” เขาสบตาเธอ
“ไม่น่าจะเรียกว่าโชคดีนะคะ” เธอบอกต่อ “วันนี้อังทำผิดพลาดกับคุณสองเรื่องแล้ว อังขอโทษจริงๆค่ะ”
“คุณอังไม่ได้ผิดนี่ครับ ผมผิดเองต่างหาก”
“เรียกอังเฉยๆเถอะค่ะ คุณอังมันดูหรูหราไปน่ะค่ะ”
“งั้นก็เรียกผมว่าเวย์เฉยๆด้วยสิครับ แลกกันไง”
“แต่ว่าคุณ...” หล่อนกำลังจะแย้งแต่ถูกเขาพูดดักไว้เสียก่อน
“แลกกันไงครับ ผมเรียกอัง ส่วนอังเรียกผมว่าเวย์”
“ค่ะ” เธอรับคำ และนั่งมองเขาเช็ดผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปลิวไปมาตามแรงลมและแรงขยี้ จู่ๆเวทิศก็หันหน้ามาถามเธอ
“ว่าแต่ชื่อของอัง มาจากอะไรหรอ ดูเหมือนนางเอกนิยายเลย”
“ใช่ค่ะ แม่ตั้งว่าอังศุมาลินเพราะตอนท้องอัง ละครเรื่องนี้กำลังออนแอร์อยู่ แล้วแม่ก็ชอบเอามากๆเลยได้ชื่อนี้ค่ะ”
“ดีจัง ที่มาของชื่อน่ารักจัง”
“แล้วของคุณล่ะคะ” เธอถามกลับบ้าง
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยถามพ่อกับแม่เลย แต่ชื่อของผมกับพี่ขึ้นต้นด้วยว.แหวนเหมือนชื่อพ่อกับแม่ครับ” เขาตอบเสียงสดใส “ส่วนชื่อเล่นก็ชื่อเดียวกับชื่อจริงในพยางค์แรก เวทิศกับเวย์”
“เราสองคนคล้ายๆกันเลยนะคะ ชื่อเล่นมาจากชื่อจริงพยางค์แรก” เธอพูดขึ้นบ้างทำให้เขาฉุกคิดขึ้นได้
“นั่นสิ ทำไมมันบังเอิญอีกแล้วนะ”
