บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

เพราะว่าวันนี้ขายของเสร็จตั้งแต่เพิ่งตั้งแผงร้านได้ไม่นาน อังศุมาลินจึงตัดสินใจเก็บร้านและกลับบ้านก่อน เลยเดินไปบอกดาราพี่สาวละแวกบ้านที่เธอติดรถมาด้วย

“พี่ดา วันนี้อังกลับก่อนนะจ๊ะ พอดีขายหมดเร็ว”

“จ้ะ แล้วอังกลับยังไงล่ะ”

“ว่าจะจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปจ้ะ อังไปก่อนนะ” อังศุมาลินไม่ได้เดินกลับไปที่ร้านทันที หล่อนเดินมาหยุดที่ร้านไก่ย่างเสียก่อน

“ตับไก่สี่สิบไม้จ้ะป้า” เงินที่ได้เกินมาจากชายหนุ่มคนนั้น หลังจากหักค่าขนมตาลแล้วอังศุมาลินก็นำมันมาใช้ซื้อตับไก่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวจรจัด

เธอไม่รู้ว่าเงินที่เขาให้มามันมีความหมายอะไรแฝงหรือเปล่า ถ้าจะให้เธอใช้เองเธอรู้สึกไม่สะดวกใจ จึงนำมันไปทำอย่างอื่นดีกว่าเช่นเรื่องนี้

“วันนี้สั่งเยอะเลยนะหนูอัง” แม่ค้าร้านไก่ย่างร้องทัก “ขายดีเหรอ”

“จ้ะป้า” ยืนรอไม่นานก็รับถุงตับไก่ขนาดใหญ่มาไว้ในมือ ก่อนจะยื่นธนบัตรสีเทาให้

“แบงก์พันป้าไม่มีทอนหรอก ไม่มีเศษเลยเหรอลูก”

“อังดูเงินแป๊บนะจ๊ะ” หญิงสาวค้นๆเงินในกระเป๋าก่อนจะยื่นให้ “สี่ร้อยใช่ไหมจ๊ะ นี่จ้ะ”

“ใช่จ้ะ ขอบใจมากนะหนูอัง น้ำใจงามแท้ เลี้ยงลูกน้องทุกวันเลยนะ” หญิงชราพูดถึงหมาแมวจรจัดบริเวณนี้ ที่ตามติดอังศุมาลินแจไม่ยอมห่าง ยามเมื่อพวกมันเห็นหญิงสาวก็ต่างพากันดีใจกระโดดเข้าใส่เพราะรู้ว่าหล่อนต้องมีของกิน

คนส่วนมากจะคิดว่าหมาและแมวเหล่านี้น่ารำคาญและจะคอยไล่มันออกไปเสมอ แต่สำหรับเธอมันเป็นภาพที่น่าเวทนามาก เธออดสงสารสัตว์เหล่านั้นไม่ได้ ถึงกำไรจากการขายขนมมันจะไม่ได้มากมายนักแต่เธอก็ยอมเจียดมันไว้ให้กับบรรดาน้องหมาน้องแมว

“กินเยอะๆเลยนะ วันนี้มีตับเพียบ ไม่ต้องแย่งกัน” มองหมาไทยกำลังมุงกินตับไก่ย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย

“วันนี้มีเจ้ามือเลี้ยงพวกแก กินกันให้เต็มที่เลยนะ” ลูบหัวพวกมันด้วยความเอ็นดู

หลังจากให้อาหารลูกน้องของเธอเสร็จเรียบร้อย อังศุมาลินก็เดินไปซื้อข้าวสารและอาหารแห้งบางส่วนจากร้านขายของชำบริเวณแถวๆตลาดเพื่อไปให้ยายที่อยู่ละแวกบ้านเธอ ซึ่งแกเพิ่งสูญเสียลูกชายไปต้องอยู่ตัวคนเดียว

แกเป็นคนสอนให้วิธีทำขนมตาลกับตัวเธอ ทำให้เธอมีอาชีพจนถึงทำกิน เธอจึงอยากตอบแทนยายบ้าง แม้จะไม่ใช่เงินของเธอโดยตรง แต่ชายคนนั้นมอบมันให้กับเธอแล้วถือเสียว่าเขาเองก็ได้ทำบุญเช่นกัน

“พรุ่งนี้คุณเขาจะมาดูที่ แล้วก็ทำสัญญาซื้อ-ขาย แต่ตาติดนัดนายอำเภอ อังไปแทนตาทีนะลูก” เสียงของชายชราพูดขึ้นระหว่างมืออาหารเย็น

“ได้จ้ะ เขาจะมากันกี่โมงจ๊ะ”

“เขานัดตาสิบโมง น่าจะประมาณนั้นแหละ รู้จักเขาไว้ก็ดี ยังไงก็คงต้องเจอหน้ากันบ่อยๆ” จริงๆแล้วนัดกับนายอำเภอนั้นไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แค่พูดคุยตามประสาคนรู้จัก แต่ชายชราทำใจไม่ได้ที่จะต้องไปดูการซื้อ-ขายที่ดินที่ตนรักและหวง

ตนไม่ได้อยากขายมันแต่เป็นเพราะความขัดสนที่เกิดขึ้นมันบีบบังคับ รวมทั้งสงสารหลานสาวที่ต้องทำขนมตาลงกๆ เพื่อหิ้วไปขายที่ตลาดนัด

“เห็นนังส้มบอกว่าวันนี้อังแวะไปบ้านยายมวลมาเหรอ”

“ใช่จ้ะ อังซื้อของไปให้แก อังสงสารแก อยู่ตัวคนเดียวไม่มีรายได้” หญิงสาวรีบบอกเพราะกลัวตาเอี่ยมจะดุ

“เออๆ ดีแล้วลูก ตาไม่ได้จะว่าอะไร” ชายชราพูดขึ้น “อังเป็นคนดี ตาไม่ห่วงอะไรหรอก อังเป็นเด็กดีใครเห็นก็เอ็นดู”

“ทำไมตาพูดอะไรแปลกๆจ๊ะ” ถามขึ้นเพราะปกติแล้วตาของเธอจะเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้เสียเท่าไหร่

“ไม่มีอะไรหรอกตาก็พูไปอย่างนั้นแหละ” ตาเอี่ยมปฏิเสธ

“งั้นเดี๋ยวอังเก็บจานไปล้างก่อนนะจ๊ะ” หญิงสาวรีบขอตัวไปล้างจานก่อนเพราะกลัวตาจะซักถามถึงเงินที่นำไปซื้อข้าวของให้ยายมวล

ลับร่างหลานสาว ชายชราก็หยิบกล่องใส่ยาแบบยาวที่บรรจุยาที่ต้องทานแต่ละวันไว้เรียบร้อยแล้ว ขึ้นมากรอกเข้าปากกินกลืนมันไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวคนเป็นหลานเห็น

ตาเอี่ยมเป็นโรคมะเร็งระยะที่สาม และเพิ่งรู้ตัวเมื่อเดือนก่อน ชายชราตัดสินใจไม่บอกหลานสาวเพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ คนเดียวที่รู้เรื่องนี้มีเพียงปลัดธนกรเพราะชายหนุ่มเป็นคนพาเขาไปพบแพทย์เอง

ตอนนี้ตนยังตายไม่ได้ ถ้าเกิดตายไปอังศุมาลินจะอยู่กับใคร ตนกลัวหลานสาวที่ไม่ค่อยทันคนโดนคนหลอกเอาได้ หล่อนนั้นมองโลกในแง่ดีเกินกว่าที่ตนจะปล่อยให้ไปเผชิญโลกหรือใช้ชีวิตลำพัง ว่าแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเครียด ก่อนจะเดินไปนั่งดูโทรทัศน์ตามปกติ

“ไอ้เวย์มึงเอาจริงเหรอวะเรื่องคุณอัง ถ้าไม่ชอบพอเขาจริงๆก็ปล่อยเขาไปเถอะ” อัครวุฒิพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อน

“ไอ้ต๊ะมึงเป็นอะไรของมึง ตั้งแต่เย็นแล้วนะ มึงลากกูไปเองแล้วมึงจะมาห้ามกูทำไม” เวทิศโวยวายมั่ง “กูก็แค่หยอดๆตามประสา แก้เบื่อระหว่างอยู่ที่นี่”

“ก็มึงเล่นไปทะเลาะกับลูกคนใหญ่คนโตในเมือง จะไม่ให้กูกลัวได้ไง นั่นมันไอ้ภาคลูกสส.เลยนะโว้ย” คนขี้กลัวโวยวาย “แล้วคุณอังเขาไม่ยอมชายตามองผู้ชายคนไหนเลยนะ คนมาจีบตั้งเยอะแยะ มึงเองก็คงแห้วเหมือนกันแหละ”

“ยิ่งยากดิ ยิ่งอยากได้” พอได้ยินแบบนี้เวทิศยิ่งกระเหี้ยนหระหืออยากครอบครองตัวเจ้าหล่อน

“เออๆ แล้วแต่มึงเถอะ อยากแดกลูกปืนก่อนโฮมสเตย์สร้างเสร็จก็ตามใจ” เห็นว่าเหนื่อยเปล่าที่จะพูด

“ว่าแต่เขาชื่ออังหรอวะ”

“เออ อังศุมาลินอะ”

“ทำไมชื่อเชยจัง อย่างกับนางเอกละคร” บ่นพึมพำกับตัวเอง

“พรุ่งนี้นัดไปดูที่ดินสิบโมง ห้ามตื่นสายนะโว้ย” เพื่อนหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะพูดดักไว้ก่อนเผื่อเพื่อนเขาตื่นสาย

“เออๆ บ่นเป็นพ่อกูเลย” สองหนุ่มแยกย้ายเข้าห้องนอนของตน เวทิศมาพักที่บ้านของอัครวุฒิคืนหนึ่งก่อน ยังไม่อยากเข้าไปไซต์งานเพราะเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ค่อยไปตรวจดูความเรียบร้อยพรุ่งนี้แล้วกัน

วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มตื่นแต่เช้าเพราะทนรอจะไปเจอหน้าหลานสาวเจ้าของที่ไม่ไหว เขาก้าวออกมาจากห้องนอนหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วในตอนแปดโมงครึ่ง จนอัครวุฒิที่นั่งทานข้าวอยู่อดที่จะแซวไม่ได้

“แหมตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวหล่อเลยนะ ทุ่มทุนอะไรเบอร์นั้น”

“ไม่ต้องพูดมาก กูหิวข้าวแล้ว มีไรให้กินมั่ง”

“ขนมตาลของมึงไง เหมามาซะขนาดนั้นใครเขาจะกินหมด” พูดประชดประชันแต่เมื่อมองหน้าเพื่อนก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แหกตาดูสิครับ”

“มึงอยากกินอย่างอื่นแทนข้าวไหม?”

“รีบๆกินเถอะ จะได้รีบออก กว่าจะไปถึงที่นั่นก็สิบโมงพอดีแหละ” อัครวุฒิเปลี่ยนเรื่องและก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตนเองต่อตามปกติ

บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวค่อยๆขับเขามาในถนนแคบๆ เส้นหนึ่งที่ค่อนข้างชนบทมากทีเดียว ทำเอาเวทิศใจแป้วไม่น้อยว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่โฮมสเตย์ของเขาไหม เพราะดูจากบริเวณโดยรอบและการเดินทางมานั้นค่อนข้างจะยากลำบากมากทีเดียว

“ไอ้เวร มึงเลือกที่ห่าไรของมึงวะ” เวทิศโวยวาย “เข้ามายากชิบหายแล้วจะมาคนเข้ามาพักไหม” เขาไม่เคยมาตรวจดูที่แม้แต่น้อยเพราะเชื่อใจเพื่อนหนุ่ม เพราะว่าเป็นคนพื้นที่มันต้องเลือกทำเลที่เหมาะสมแน่นอน

“มึงใจเย็นๆสิวะ มันกำลังจะเจริญแล้ว เชื่อกู” เพื่อนหนุ่มย้ำเสียงหนักแน่น

“ไอ้เวรเอ๊ย กูไม่น่าไว้ใจมึงเลย”

รถคันหรูจอดที่หน้าบ้านตาเอี่ยม บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้มีสีสันโดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นๆ รั้วเตี้ยๆล้อมรอบบ้านไว้ บริเวณบ้านล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดดูร่มรื่นเย็นสบาย เมื่อรถจอดสนิทสองหนุ่มจึงค่อยๆเปิดประตูและก้าวออกมาจากรถ เวทิศสวมแว่นกันแดดสีชาออกมายืนขึ้นเต็มความสูง ยืนรอจนกระทั่งเพื่อนรักนำทางไป

“ตาเอี่ยมครับ” อัครวุฒิตะโกนเรียกไม่นานหญิงสาวก็ออกมาหน้าบ้าน “คุณอัง” ทำเอาเจ้าของเสียงกลืนน้ำลายลงคอทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีชมพูและกางเกงห้าส่วนสีเข้ม หน้าอกหน้าใจของเธอมันดูมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ป้าบ !

เวทิศพุ่งเข้าไปตบศีรษะเพื่อนเรียกสติทันที บังอาจมองหน้าอกผู้หญิงที่เขาหมายตามันเกินไปซะแล้ว ไอ้นี่!

“โอ๊ย ไอ้เวย์”

“คะ... คุณ” เมื่อเห็นหน้าหล่อเหลาใต้แว่นกันแดดก็ตกใจ ผู้ชายคนนั้นที่มาเหมาขนมตาลเธอ เธอจำได้!

“ผมเอง” เขาถอดแว่นและยิ้มให้เธอ

“คุณเป็นคนที่จะมาทำรีสอร์ทเหรอคะ” ถามย้ำอีกครั้ง

“ใช่ครับ ผมกับเพื่อนผมเอง” เขาบอก “คุณเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้นเหรอครับ” เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้

“ใช่ค่ะ”

“บังเอิญจังเลยนะครับ เหมือนพรหมลิขิตเลย”

“รีบไปเถอะค่ะ เที่ยงแล้วแดดจะแรงกว่านี้” เธอทำเป็นไม่ได้ยินและรีบเปลี่ยนเรื่อง อังศุมาลินเดินนำหน้าไปจูงจักรยานออกมาจากข้างบ้าน

“จะเอาจักรยานไปไหนครับ” เขาถามเมื่อเห็นหล่อนจูงมันออกมา

“ปั่นนำพวกคุณไปไงคะ”

“ติดรถผมไปก็ได้” เขาบอก

“ลำบากพวกคุณเปล่าๆค่ะ อังไปเองได้” แล้วเธอก็ปั่นนำไปก่อนหน้าโดยไม่สนใจฟังที่ชายหนุ่มพูด เวทิศเห็นท่าทีของเธอก็แปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเธอจะไม่สนใจชายคนไหนอย่างที่เพื่อนเขาพูดจริงๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก ยิ่งยากยิ่งท้าทาย เขายิ่งอยากได้มาก!

เมื่อมาถึงบริเวณโดยรอบของเธอได้ถมที่ดินและเกลี่ยหน้าดินเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงที่ของเธอที่ยังไม่ถูกทำอะไรเลย

“นั่นค่ะ ตรงที่ยังไม่ได้ถูกเกลี่ยหน้าดิน” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังจุดหมาย

“กี่ไร่เหรอครับตรงนั้น” อัครวุฒิถาม

“สามไร่ได้มั้งคะ อังไม่ค่อยแน่ใจค่ะ เรื่องนี้พวกคุณต้องคุยกับตาเองน่ะค่ะ อังไม่ทราบจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่วันนี้ตาเอี่ยมไม่อยู่เหรอครับ”

“ไม่อยู่ค่ะ ติดธุระที่อำเภอเลยให้อังมาแทน” เธอหันมามองเล็กน้อยก่อนจะถาม “จะเข้าไปดูหน่อยไหมคะ”

“ได้ครับ” เวทิศไม่ได้พูดอะไรตลอดเวลาที่เดินดูที่ดิน เขาเองไม่ขัดข้องใจแล้วเมื่อเห็นอาณาบริเวณรอบๆโฮมสเตย์ ที่นี่บรรยากาศดีและบริสุทธิ์ ซึ่งตรงกับที่เขาต้องการจริงๆ ชายหนุ่มคิดสลับไปมาระหว่างเรื่องอังศุมาลินและเรื่องที่ดิน

“ไอ้เวย์ ไม่พูดไรหน่อยหรอวะ” เพื่อนหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเงียบมานานแล้ว

“กูโอเค” เขาตอบเสียงเรียบ “ว่าแต่จะนัดทำสัญญาวันไหน พอดีผมอยากสร้างที่นี่ให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หันไปถามหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว

“เรื่องนี้คุณคงต้องคุยกับตาเอง ตอนนี้ท่านน่าจะกลับมาแล้วนะคะ คุณจะเข้าไปคุยเลยไหมคะ”

“งั้นกลับกันเถอะครับ แดดเริ่มร้อนแล้ว” เวทิศเสนอขึ้นมาเมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง เขาชื่นชมที่ดินและไซต์งานก่อสร้างจนพอใจแล้ว

หญิงสาวพยักหน้ารับและเดินกลับไปที่พาหนะที่พาตนเองมา แต่กลับถูกรั้งแขนเรียวไว้เสียก่อน

“อุ๊ย!” หล่อนสะดุ้งราวกับโดนน้ำร้อนลวก และรีบดึงแขนกลับ

“ขอโทษครับ พอดีผมจะบอกว่าคุณขึ้นรถผมกลับเถอะ แดดร้อนขนาดนี้” คนรั้งแขนรีบเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นท่าทางของเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้ไกลอะไรขนาดนั้น ขอตัวค่ะ” เดินหนีออกมาอีกครั้ง โดยไม่ฟังเสียงทุ้มที่เรียกอยู่ด้านหลัง รีบคว้าจักรยานที่จอดอยู่และปั่นกลับบ้านไป ไม่หันมามองสองหนุ่มที่ยืนทำหน้างงๆ

“ท่าทางเขาดูกลัวผู้ชาย” อัครวุฒิพูดขึ้น

“ทำไมต้องกลัววะ กูไม่ได้หน้าเหมือนโจรสักหน่อย” เวทิศบ่น “คนที่เหมือนโจรคือมึงนั่นแหละไอ้ต๊ะ”

“อ้าวไอ้นี่ เดี๋ยวพ่อก็ทิ้งไว้นี่ซะเลย” ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินกลับที่รถยนต์คันหรูเพื่อกลับมาบ้านของตาเอี่ยม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel