ตอนที่ 3
“ดิฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าคุณรังสิมันต์จะรับเลขาคนใหม่ เพราะดิฉันคงไม่มีความเหมาะสมพอจะทำงานนี้ให้คุณได้หรอกค่ะ”
“โรส...ดะ...เดี๋ยวก่อน...อ้าว...ไปซะงั้น”
อภิวัฒน์ร้องเรียกเลขาของเขาไม่ทันเพราะมัทนาเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับหน้าเจื่อนพลางหันมาทางรังสิมันต์ซึ่งตกอยู่ในอาการทั้งอึ้งทั้งตกใจไม่แพ้กันแต่ชายหนุ่มกลับยังแสดงสีหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อภิวัฒน์ถอนใจยาวและเอนหลังพิงเก้าอี้
“เฮ้...เมฆ...นี่ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย ดูซี...โรสเขาคงไม่พอใจแน่ ๆ ที่จู่ ๆ ฉันเจ้ากี้เจ้าการเปลี่ยนเจ้านายใหม่ให้เธอ”
“คงไม่หรอก อย่าคิดมากเลยวัฒน์”
“แต่ฉันไม่สบายใจเลยนะ บริษัทมีปัญหา แต่ฉันก็อยากช่วยเหลือเธอจริง ๆ นะ...นายไม่รู้อะไรหรอกเมฆ โรสเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ”
อภิวัฒน์บ่นออกมาโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นแทงใจดำเพื่อนสนิทของเขามากแค่ไหน ความรู้สึกของรังสิมันต์เกิดแรงกระตุกหลายครั้งนับตั้งแต่เห็นหน้ามัทนาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาไม่ได้พบเธอมานานกว่าห้าปี นับตั้งแต่เขาเรียนจบและไปอยู่ต่างประเทศกระทั่งกลับมาสานกิจการของครอบครัวซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนขนาดยักษ์ระดับประเทศ รังสิมันต์รั้งตำแหน่งซีอีโอของบริษัทที่ทำกำไรต่อปีมหาศาลทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความสุขเลย แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังไม่แตะสามสิบแต่ประธานใหญ่แห่งอาร์ซีเอ็ม อินเวสเม้นท์กลับรู้สึกว่าชีวิตของเขาขาดสิ่งสำคัญในชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เคยมีใครรู้เบื้องหลังและความเป็นมา สักครู่รังสิมันต์จึงเอ่ยขึ้น
“นายไม่ต้องคิดมากหรอกวัฒน์ ถ้าเลขาของนายเธอไม่เต็มใจทำงานกับฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยที่สุดวันนี้ฉันก็ได้เจอเธอแล้ว และรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันต้องขอโทษนายด้วยเมฆ บางทีฉันอาจจะโทรไปคุยกับโรสอีกครั้งเผื่อว่าเธอจะเปลี่ยนใจ”
“แค่นี้ฉันก็ขอขอบใจนายมาก ๆ...ถ้านายไม่ขายกิจการฉันก็คงยังไม่ได้พบกับ...คนที่ฉันอยากพบ”
“เหรอ...เออ...ก็ดีนะ”
อภิวัฒน์เกาหัวแกรก ๆ และทำหน้าเหมือนเข้าใจทั้งีท่เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายนั้น ทั้งสองนั่งคุยกันสักครู่ก่อนแยกย้ายกลับ รังสิมันต์ตรงไปยังรถของเขาที่มีคนขับรีบวิ่งไปเปิดประตูรอเจ้านายก่อนถามว่า
“คุณเมฆจะกลับเลยไหมครับ”
“ยังก่อน...ฉันจะไปไออุ่นเนอร์สเซอรี่”
“ครับ?...ไออุ่นเอนร์สเซอรี่หรือครับ...ครับๆ”
คนขับพยักหน้ารับก่อนรีบขึ้นรถแล้วบึ่งออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
มัทนาลงจากรถแท็กซี่แล้วรีบเดินเข้าไปที่บ้านหลังใหญ่ซึ่งมีป้ายด้านหน้า ไออุ่นเนอร์สเซอรี่ เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กในเมืองใหญ่แต่อยู่ในวอยห่างไกลจากถนนสายหลักที่คลาคล่ำด้วยการจราจรติดขัด รอบ ๆ บริเวณโอบล้อมด้วยต้นไม้ร่มรื่น เมื่อร่างบอบบางเดินเข้าไปถึงหน้าประตูก็มีพี่เลี้ยงเด็กเดินออกมายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณโรส...วันนี้มารับน้องริวเร็วจังนะคะ”
“ค่ะ...พอดีโรสมีธุระต้องรีบไป กลัวว่าจะกลับมารับน้องริวไม่ทัน เอ...ตอนนี้เด็ก ๆ ทำอะไรอยู่เหรอคะ?”
“ตอนนี้เด็กกำลังเรียนระบายสีค่ะ เดี๋ยวพี่จะไปพาน้องริวออกมานะคะ”
พี่เลี้ยงเด็กเป็นหญิงวัยสาสมสิบต้นๆ เดินหายเข้าไปด้านในสักครู่ก่อนเดินออกมาพร้อมจูงมือเด็กชายวัยสี่ขวบหน้าตาน่ารักน่าชังและเมื่อเห็นใครรออยู่ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดพร้อมทั้งพูดว่า
“แม่คับ...วันนี้มารับน้องริวแล้วหราคับ?”
“ใช่ค่ะ...วันนี้แม่คับมีธุระต้องรีบมาน้องก่อน เรากลับกันเลยนะคะ น้องริวสวัสดีพี่เลี้ยงก่อนค่ะ”
