บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 : ทนไม่ไหวต้องเข้าป่า

ตอนที่

[4]

ทนไม่ไหวต้องเข้าป่า

หลังจากที่นอนกระสับกระส่ายมาทั้งคืนพร้อมกับอาการปวดเนื้อปวดตัว จินตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทนอีกต่อไป ทั้งเรื่องทนหิวและอีกหลาย ๆ เรื่อง คิดได้ดังนั้นจึงได้รีบดีดกายขึ้นจากที่นอนแต่เช้า จะว่าที่นอนก็มิใช่เพราะมันไม่มีแม้แต่ฟูกรวมถึงผ้าห่มด้วย เรือนนาหลังนี้เจ้าของบ้านไม่แบ่งอะไรให้เธอแม้แต่น้อย แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนวันนี้เธอตั้งใจว่าจะเข้าป่า อย่างน้อยต้องมีวัตถุดิบดี ๆ มาให้ทำอาหารกินบ้าง มันเผาแค่หัวเดียวจะไปพอยาไส้อะไร หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นคงต้องไปตักน้ำมาใส่ถังน้ำก่อน

หลังจากเข้าป่าแล้ว จะได้กลับมาอาบน้ำดี ๆ

“นั่นเจ้าจะไปที่ใด” ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปที่ใดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

เป็นเขา

ตื่นเช้าขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าเธอทำอะไรให้เขารำคาญใจ จินคิดอย่างระแวดระวัง วันนี้เขาสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ด้วย

“ฉัน เอ่อ ข้าคิดว่าจะไปตักน้ำมาใส่ถังน้ำน่ะ ท่านรู้หรือไม่ว่าต้องไปตักน้ำที่ไหน”

“พี่เยว่จินจะไปตักน้ำหรือ ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพวกเราไปตักเอง” ไม่ต้องรอให้คนหน้ายักษ์ตอบ เด็กน้อยน่ารักทั้งสองที่เธอพบเมื่อวานก็ตอบแทน นี่ก็มาเช้ากันเสียจริง

“ให้พวกเจ้าจะไปตักน้ำหรือ นั่นจะได้อย่างไร พวกเจ้ายังเป็นเด็ก ใครจะใช้แรงงานเด็กกัน” ว่าแล้วก็ส่งสายตาไปหาคนบางคน

“อะแฮ่ม ข้าก็ไม่อยากจะใช้แรงงานพวกเขา แต่เป็นพวกเขาที่ดื้อรั้นเอง” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ลำพังเขามิต้องการให้ใครต้องมาลำบากแทนเขา แต่เป็นเด็กทั้งสองที่ไม่ว่าจะข่มขู่อย่างไร ก็ยังคิดจะมาตักน้ำใส่ถังให้เขาทุกเช้าอยู่ร่ำไป สุดท้ายจึงได้เสนอให้ทั้งสองมาทำให้วันเว้นวัน เพราะบางวันเขาจะอาบน้ำที่ลำธารเอง พวกเขาจึงยินยอม

“พี่เยว่จิน พวกเราเต็มใจ กว่าจะขอร้องให้พี่ชายตกลง พวกเราต้องใช้เวลาตั้งนาน พี่เยว่จินอย่ามองพี่ชายผิดไปเลยนะ”

“อืม ข้าก็ไม่ได้ว่าอันใด เอาเถิด แต่เดี๋ยวต่อไปข้าจะเป็นคนไปตักน้ำมาเอง พวกเจ้าพาข้าไปหาที่ตักน้ำที”

“ได้ ๆ พี่ชายนี่มันเผา ท่านกินรองท้องก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราพาพี่เยว่จินไปตักน้ำก่อน”

อวี๋หรูยัดมันเผาใส่มือพี่ชายเรือนนาก่อนจะรีบจับจูงมือพี่สาวคนงามไปยังทิศทางสระน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนนา

จินไม่กล้ามองหน้าคนหน้าดุ เพราะเมื่อครู่ลืมตัวไปว่าตนเองไปใส่ร้ายเขา ว่าใช้แรงงานเด็ก ดีนะ เขาไม่ไล่ออกจากบ้าน

เมื่อทั้งสามจากไป ชายหนุ่มที่ถูกทิ้งไว้เพียงคนเดียวจึงได้พึมพำเงียบ ๆ “ชื่อเยว่จินเช่นนั้นหรือ”

ด้วยถังที่ใช้ตักน้ำนั้นไม่ใหญ่มากจึงต้องตักน้ำหลายรอบกว่าจะเต็มถังใหญ่ จินจึงต้องแบกน้ำไปมาหลายรอบนัก ดีที่ระยะทางไม่ไกลมากจึงไม่นับว่าลำบากขนาดนั้น

เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รีบล้างหน้าล้างตา วันนี้คงต้องกินมันเผาที่สองเด็กน้อยนำมาก่อน วันนี้ถ้าเข้าป่าอาจจะเจออะไรดี ๆ ก็ได้ แต่ไม่อยากหวังอะไรไว้มากนัก ในที่ที่ย้อนยุคแบบนี้

เรือนนาไม่มีอุปกรณ์ทำครัวใด ๆ และคนคนนั้นในตอนที่แบกน้ำเธอได้แอบถามเด็กน้อยทั้งสองถึงที่มาและความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว เด็กน้อยไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ชายของพวกเขามากนัก รู้เพียงแต่ว่าราว ๆ ปีที่แล้ว พี่ชายคนนี้ก็ปรากฏตัวที่หมู่บ้านพร้อมกับลุงหานที่เป็นนายพรานที่มักจะออกไปล่าสัตว์นอกหมู่บ้าน นาน ๆ จะกลับมาที่หมู่บ้านครั้งหนึ่งพร้อมหนังสัตว์ที่ล่ามาได้ และครั้งล่าสุดที่ท่านลุงหานได้กลับมาที่หมู่บ้านเขาได้นำคนผู้หนึ่งเป็นชายหนุ่มที่มีนามว่าซีกลับมาด้วย

คนผู้นี้มาพร้อมอาการเจ็บป่วยสาหัสต้องรักษาอย่างเร่งด่วน แต่ทว่าตอนนั้นมีคนว่าจ้างให้ท่านลุงหานนำทางไปล่าสัตว์ในเขตป่าแห่งหนึ่ง เพราะมันดุร้ายและออกมาอาละวาดชาวบ้านบ่อยครั้ง เขาเลยฝากให้ครอบครัวจัดหาหมอมารักษาคนผู้นี้แทนเขา แต่ไม่รู้ว่าอย่างไรสุดท้ายบุรุษนามว่าซีก็ถูกครอบครัวลุงหานพาเขาไปอยู่ที่เรือนนาที่เป็นที่ดินของตระกูลหานเพียงผู้เดียว ไม่ได้มีการมาเหลียวแลใด ๆ เลยนับจากนั้น และลุงหานก็ไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านเลยเช่นกัน คราแรกทุกคนสงสารชายหนุ่ม แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาก็ต้องตกใจ น่าเกลียดน่ากลัวถึงเพียงนั้นผู้ใดจะทำใจให้อยู่บ้านเดียวกันลง

แต่ถึงอย่างนั้นในความคิดของจิน ตระกูลหานอะไรนั่นก็ใจจืดใจดำไม่น้อย รู้ทั้งรู้ว่าเขาป่วยและเดินเหินไม่สะดวก แต่กลับไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย เพียงพามาทิ้งไว้เฉย ๆ ในเรือนนาที่ว่างเปล่า ดูท่าแล้วหลังจากนายพรานจากไป เขาก็คงจะไม่ได้รักษาต่อ ไม่อย่างนั้นคงไม่อาการหนักแบบนี้ เด็กทั้งสองยังเล่าว่า เขาเคลื่อนไหวมากไม่ได้ เพราะมันจะเจ็บปวดมาก ไหนจะใบหน้าที่ช้ำเลือดช้ำหนองนั่นอีก

ทำให้ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่เรือนนาหน้าที่การหาอาหารจึงเป็นสองเด็กน้อยที่พยายามผูกมิตรกับเขาอยู่ร่วมเดือนเป็นผู้นำมามอบให้อยู่เกือบทุกวัน ซึ่งก็มิใช่อาหารที่ดีอะไรเป็นเพียงมันเผา เผือกเผา หรือผัดผักป่า ที่เก็บมาได้ มิใช่แค่เขาคนนั้นที่น่าสงสารจะว่าไปแล้วเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ก็น่าสงสารเช่นกัน ได้ข่าวว่าอยู่กับย่าที่แก่ชราในบ้านหลังเล็ก ๆ เพียงแค่สามคน

“พี่ชายตัวร้อนเหมือนคนเป็นไข้อยู่ตลอด” อวี๋หรูพูดทั้งที่มีน้ำตาคลอ เด็กน้อยสงสารพี่ชายจับใจ

ซึ่งจินไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น อาการแบบนี้คืออาการอักเสบของผิวหนัง ดูจากสายตาแล้ว เสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นอย่างมาก เธออยากตรวจเขาแบบละเอียด แต่อย่าว่าจะไปตรวจเลย แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว เขาก็พร้อมจะเอาตะเกียบจิ้มเธอแล้วกระมัง

“วันนี้ข้าจะเข้าป่ากับอวี๋ซิ่ง อวี๋หรู เผื่อได้อะไรดี ๆ ติดมือมาบ้าง” จินเอ่ยขึ้นระหว่างที่นั่งกินมันเผากับเด็กน้อยทั้งสองและเจ้าของเรือนนา

เขาไม่พูดอะไรกับเธอ แต่หันไปพูดกับเด็กน้อยทั้งสอง

“พวกเจ้าดูแลตัวเองด้วย”

ชิ ตั้งใจทำเมินกันชัด ๆ จินกลอกตา ทำปากขมุบขมิบอยู่คนเดียว

“และเจ้า…. อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ เป็นอะไร มิเช่นนั้น….”

“ข้ารู้แล้ว ข้าต้องดูแลพวกเขาดีอยู่แล้ว” ต้องชิงรับปากก่อนโดนขู่

“หึ” เขาแค่นหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก

เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็เตรียมตัวเข้าป่ากันทันที โดยจินทำหน้าที่แบกกระบุงที่อวี๋ซิ่งรีบกลับไปเอาจากบ้านของตนเองมา ในนั้นมีพร้าเล่มเก่าที่ยังพอใช้งานได้

ดีกว่าไม่มีอะไรละนะ

ทั้งสามจับมือกันเพื่อเรียกรวมพลัง โดยความคิดนี้มาจากจิน ก่อนจะพากันจับมือแล้วเดินเข้าป่าที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้มักจะพากันไปหาของป่า ซึ่งก็เป็นป่าเดียวกันกับที่จินปรากฏตัวเมื่อคืนก่อนนั่นเอง

ดวงตาสีนิลใช้สายตามองทั้งสามไปจนลับสายตา ทว่ามองได้ไม่นานความเจ็บปวดก็เข้าจู่โจมที่บริเวณขาทั้งสองข้าง เพราะมีครู่หนึ่งที่เขาอยากจะติดตามทั้งสามไป แต่เพียงเมื่อก้าวขาความเจ็บปวดที่น่ารังเกียจนี้ก็แล่นเข้าจู่โจมเสียแล้ว

ด้านหญิงสาวที่พกความมุ่งมั่นมาเต็มเปี่ยม แต่เมื่อเข้าไปป่าพักใหญ่ กลับไม่พบอะไรที่น่าสนใจเลย โดยเฉพาะอาหาร ไม่มีวัตถุดิบดี ๆ แม้แต่หัวมันยังถูกขุดไปจนหมด คิดแล้วเด็กน้อยทั้งสองถือว่าเก่งมากที่หามันมาได้ทุกวัน

“ป่านี้เป็นป่ารอบนอก ชาวบ้านก็มักจะมาหาผักป่า เก็บเห็ดและขุดมันแถวนี้ เลยไม่ค่อยเจออะไรมากนักขอรับ” อวี๋ซิ่งรู้สึกไม่ดีที่ทำให้พี่สาวคนงามผิดหวัง

“แล้ว…. นอกจากตรงนี้ไม่มีที่อื่นแล้วหรือ” จินเอ่ยถาม

“ที่จริงก็มีขอรับ เป็นป่าชั้นกลางที่ลึกเข้าไปอีกแต่ว่าไม่มีผู้ใดเข้าไปมากนัก เพราะกลัวสัตว์ป่า ท่านลุงหานก็เคยเข้าไปบอกว่าในนั้นมีแต่สัตว์ดุร้าย เลยทำให้ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปขอรับ” จินมองตามทิศทางที่เด็กน้อยชี้นิ้วไป ฟังแค่ที่เขาเล่าก็ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่ง แต่เมื่อจินเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง จำได้ว่าเหมือนว่าคืนนั้นเธอจะวิ่งผ่านต้นไม้ต้นนั้นมา

และไอ้อาการราวกับมีบางอย่างเชื้อเชิญให้เข้าไปนี่คืออะไร

แต่ว่าเพราะแบบนี้ยิ่งทำให้จินไม่กล้าเข้าไปก็รู้ ๆ อยู่ว่าเธอกลัวสิ่งลึกลับ ใครจะอยากไปเสี่ยงกัน

โครกกกกกก

นั่น ไอ้ท้องเจ้ากรรมนี่ก็ดังขึ้นมาย้ำเตือนจริง ๆ

วันนี้เข้าป่ามายังไม่ได้อะไรเลย นั่นหมายความว่าคืนนี้จะต้องทนหิวอีก ใครจะไปทนกัน

“อวี๋ซิ่ง อวี๋หรู เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในป่าชั้นกลาง พวกเจ้ารอข้าที่นี่ได้หรือไม่”

“พี่เยว่จิน อย่าเข้าไปเลยมันอันตราย” อวี๋หรูรีบเข้ามากอดพี่สาวเอาไว้ นางจะไม่ยอมให้พี่สาวไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด

“แต่ว่าถ้าไม่เข้าไป วันนี้พี่ชายและพี่สาวก็ต้องทนหิว พวกเจ้าก็ด้วย ยังไงไปลองดูก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดี พี่สาวจะรีบวิ่งออกมาดีหรือไม่” เมื่อกล่าวจบจินก็ได้รับแรงกอดรัดที่มากขึ้น

“เช่นนั้นถ้าพี่เยว่จินจะเข้าไป ข้าก็จะไปด้วย ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเข้าไปคนเดียวเด็ดขาด” อวี๋ซิ่งเอ่ยขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว อวี๋หรูเห็นเช่นนั้นก็รีบคลายอ้อมกอดก่อนจะรีบพยักหน้าให้พี่ชายของตน

“ข้าด้วย ข้าจะไปด้วย”

“เอ่อ มันอันตรายนะ”

“พวกเราจะไม่ปล่อยพี่เยว่จินไปคนเดียวเด็ดขาด” อวี๋ซิ่งยืนยันคำเดิม

จินที่กำลังจะเอ่ยปาก จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดและท่าทางของใครบางคน

“และเจ้า…อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ เป็นอะไร มิเช่นนั้น…”

บรื๋อขนลุกชะมัด

แต่มันไม่มีทางเลือกแล้ว เช่นนั้นก็

“ไป พวกเราไปกันเถิด” ของอร่อยรออยู่ ห้ามกลัวเด็ดขาด

เอ่ยแล้วจับมือรวมพลังกันอีกครั้ง ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่

ป่าชั้นกลาง ในนั้นต้องมีอะไรดี ๆ อยู่แน่ จินกำลังสะกดจิตตนเองแบบนั้นซ้ำ ๆ แล้วเดินไปอย่างมั่นคง

ในตอนนั้นเองที่ต้นไม้ใหญ่เริ่มสั่นไหวราวกับมีลมพัดรุนแรง เพียงครู่เดียวก็แน่นิ่งไป

หึ ๆ มีแน่ ๆ สายตาลึกลับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel