ตอนที่ 6 : ชีวิตสิ้นหวัง ยังมีทางตันเสมอ
ตอนที่
[5]
ชีวิตสิ้นหวัง ยังมีทางตันเสมอ
ยิ่งเดินเข้าป่าลึกมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งพบกับความอึมครึมและความทึบของป่ามากขึ้นเท่านั้น สายตาของจินกวาดมองหาสิ่งที่เรียกว่าวัตถุดิบเพื่อที่จะเก็บไว้ไปทำอาหารในวันนี้และวันต่อ ๆ ไป แม้จะเป็นคุณหมอที่ทำงานในเมืองใหญ่ แต่ช่วงวัยก่อนที่จะเรียนมหาวิทยาลัย เธอใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัด ชีวิตแม้ไม่ลำบากมาก แต่พื้นที่ตั้งของบ้านกลับอยู่ท่ามกลางธรรมชาติล้อมรอบไปด้วยป่าเขา กิจกรรมในตอนนั้นก็มักจะไปตามแนวธรรมชาติเหล่านี้ และสิ่งที่กลุ่มของเธอชอบทำในตอนนั้นคือการเก็บของป่าแล้วมารังสรรค์ทำเมนูแสนอร่อยกินกัน
ทว่าดูท่าป่าที่นี่กับแถวบ้านเธอจะไม่เหมือนกันเพราะมองไปทิศทางไหนก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่พอใช้ได้
เฮ้อ หรือวันนี้จะผิดหวังจริง ๆ คิดแล้วมือเรียวก็ลูบไปที่ท้องของตน
จะต้องทนหิวอีกแล้วเหรอ ความหิวอาจจะทำให้เธอกลายร่างเป็นคนอารมณ์ไม่ดีอีก อาจจะเกิดสงครามระหว่างเธอกับเจ้าหน้ายักษ์นั่นก็เป็นได้
“พี่เยว่จิน พวกเรากลับก่อนดีหรือไม่ขอรับ ที่บ้านพวกเรายังมีผักป่าอยู่ เดี๋ยวข้าจะทำต้มผักมาแบ่งพี่เยว่จินและพี่ชายดีหรือไม่” อวี๋ซิ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเขาเดินเข้ามาลึกเกินไปแล้ว
จินทอดถอนลมหายใจ แม้จะอยากเข้าไปอีกแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจจริง ๆ
สิ้นหวังโดยแท้
ระหว่างที่กำลังจะหมุนตัวกลับไปนั้น หางตาของหญิงสาวก็มองเห็นว่ามีผลไม้ชนิดหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นตาอยู่ไม่ไกล
นั่นมันลูกพลับนี่นา
มีทั้งแบบหวานและแบบฝาดด้วย!!
ใบหน้างามเผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบวิ่งไปยังทิศทางนั้น เมื่อใกล้ถึงจุดหมายก็รีบปลดกระบุงออกจากหลังเพื่อเตรียมเก็บลูกพลับ ทว่าเพียงเดินไปถึงบริเวณหน้าต้นของมันก็เกิดเหตุการณ์น่าระทึกตกใจเกิดขึ้น เพราะจินได้ตกลงไปในหลุมใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามีอยู่ตั้งแต่เมื่อใด!
“พี่เยว่จิน/เยว่จิน” เด็กทั้งสองร้องขึ้นด้วยความตกใจ จะคว้าจับมือของพี่สาวคนงามเอาไว้ก็ไม่ทัน
อั๊ก!
ความลึกของหลุมเรียกได้ว่าไม่น้อยเลย เมื่อตกลงมาจินก็พบกับความจุกและเจ็บจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้
และเมื่อตั้งหลักได้ก็พยายามปรับสายตา ในนี้ทั้งมืดและอับเต็มไปด้วยกลิ่นของรากไม้ นอกจากนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีทางออกนอกเหนือจากปีนขึ้นไปยังที่ที่ตกลงมา จินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่น้อย
ถ้าพบว่าชีวิตตนเองแย่แล้ว ที่จริงมันยังแย่ได้อีก เดิมคิดว่าเข้าป่าแล้วจะเจออะไรดี ๆ แบบตอนเด็ก ๆ หรือไม่ก็เหมือนในนิยายทะลุมิติที่เหล่าผู้ช่วยมักจะชอบซื้อไปอ่านแล้วมาเล่าเรื่องราวให้ฟัง
แต่นี่ เดินจนขาลากก็ไม่พบอะไรเลย
ไหนจะต้องมาตกหลุมลึกอีก
ตัวช่วยอะไรก็ไม่มีสักอย่าง งั้นก็นอนตายมันในหลุมนี่แหละ!
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“เหตุใดเจ้าจึงเป็นคนขี้บ่นและคนท้อถอยง่ายเช่นนี้นะ”
จู่ ๆ ผู้ใดจะคาดคิดว่าเธอจะได้ยินเสียงแหบพร่าของใครบางคนดังขึ้น ฉับพลันขนแขนก็ตั้งขึ้น หลุมนี่…เธอว่ามีเธออยู่เพียงคนเดียว แล้วนี่เสียงใครมาจากที่ไหน อย่าบอกว่า…..
“ฮือออออ กลัวผี” หญิงสาวพนมมือแล้วถูไปมาด้วยความกลัว
“ข้ามิใช่ผี” เธอได้ยินเสียงทอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายชัดเจน
“ละ แล้ว คุณเป็นใครกัน” จินถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“หลับตาลงแล้วเจ้าจะได้รู้ในหลาย ๆ อย่าง” จินที่ปกติก็หลับตาอยู่แล้วก็รีบยกมือขึ้นมาปิดตาทับเข้าไปอีก ผู้มาใหม่ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะดีดนิ้วหนึ่งครั้ง
เป๊าะ!
“ลืมตาได้แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของชายชราแปลกหน้าดังขึ้น จินก็รีบปล่อยมือพร้อมกับลืมตาทันที ปรับการมองเห็นชั่วครู่ก็เป็นอันต้องอ้าปากค้าง
“นี่คือ….”
แดนสวรรค์ที่ไหนกัน
“นี่คือมิติของข้าที่จะให้เจ้าเข้ามาใช้งาน”
มิติเหรอ ที่นี่ราวกับในซีรีส์แนวเทพเซียนที่เธอเคยดู มันเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ นอกจากนั้นยังมีแปลงผักที่ปลูกผักสารพัดชนิดที่เธอล้วนแต่คุ้นตา แต่ที่เรียกความสนใจจากเธอได้มากที่สุดคือ บ้านทรงโมเดิร์นชั้นเดียว ที่มันดูไม่เข้ากับบรรยากาศรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
“ที่นี่มีอีกชื่อคือ ดินแดนอนันต์”
“ท่านเป็น…. เทพเหรอคะ” เธอไม่คิดว่าเขาเป็นผีอีกต่อไป ดูจากการแต่งกายชุดสีขาวสง่า รัศมีสีทองที่ออกมาจากรอบกายนั้น น่าจะเป็นเทพมากกว่า
“ข้า มิใช่เทพ แต่ก็อาจจะเป็นในภายภาคหน้า เอาเป็นว่าเจ้าเข้าไปในบ้านก่อนเถิด”
“อ่า…. ค่ะ”
จินพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่จะเดินเข้าไป ซึ่งบ้านหลังนี้ไม่ได้ต่างจากบ้านในยุคที่เธอจากมาเลยสักนิดเดียว ออกจะดูหรูหรามากกว่าด้วยซ้ำ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ทุกอย่างที่เธอต้องการครบครัน โดยเฉพาะเครื่องครัวสำหรับทำอาหาร เครื่องนอนเครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ และสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มีให้เลือกมากมาย แต่เป็นเสื้อผ้าสำหรับยุคโบราณนี่ละนะ
“เจ้าจะสามารถใช้งานทุกอย่างที่อยู่ในนี้ได้ แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“อะไรเหรอคะ”
พอเขาพูดว่ามีข้อแม้ ในใจก็เกิดความระแวดระวังเกิดขึ้น นั่นสิ คงจะไม่มีใครมามอบอะไรดี ๆ ให้กันอย่างง่ายดายนอกจากจะต้องการอะไรบางอย่างจากคนคนนั้น
“ไม่ต้องระแวดระวังถึงเพียงนั้น ข้อแม้เพียงมีอยู่ว่าให้เจ้ารักษาคนที่อยู่ที่เรือนนาผู้นั้นให้หายดี เจ้าเป็นหมอมิใช่หรือ ต้องทำได้แน่ แล้วจากนั้นเจ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“ฉันเป็นหมอก็จริง แต่ว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้มีอุปกรณ์อะไรเลย”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ในนี้มีทั้งอุปกรณ์และยาวิเศษที่จะช่วยให้เขาหายเร็วยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเจ้าด้วย”
“ถ้ารักษาเขาหายดีแล้ว ฉันจะสามารถกลับไปยังที่ที่ฉันจากมาได้มั้ยคะ” จินถามขึ้นด้วยประกายความหวัง อาจจะเป็นเหมือนในนิยายเหล่านั้น ที่ทำภารกิจเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ทว่าความหวังของเธอก็ต้องพังทลายลงเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของคนที่อยู่ตรงหน้า
“เจ้าไม่สามารถกลับไปยังที่แห่งนั้นได้แล้ว….”
“เพราะอะไรเหรอคะ ทำไมถึงกลับไปไม่ได้” ใจของหญิงสาวร้อนรน
ชายชราทอดถอนลมหายใจออกมาพลางเวทนาในตัวเด็กสาวต่างโลกผู้นี้ แต่อย่างไรความจริงก็คือความจริง
“เพราะเจ้าตายไปแล้วอย่างไรล่ะ”
!!!
จากนั้นชายชราไม่รอช้ารีบดีดนิ้วหนึ่งครั้งภาพตรงหน้าของจินก็พลันเปลี่ยนไปทันที
เพียงที่ภาพแรกปรากฏอยู่ในสายตาของจิน หญิงสาวก็ได้แต่ฟุบตัวลงก่อนจะคร่ำครวญ
หมดกันความหวังพังทลาย
เธอขอให้คำนิยามในวันนี้ได้เลยว่า ชีวิตสิ้นหวังยังมีทางตันเสมอ
ตันแบบไร้ซึ่งทางออก
ชีวิตบัดซบเอ๊ย เป็นหมออยู่ดี ๆ ต้องมาพบเจออะไรกัน
