ตอนที่ 3 : คนผู้นี้โหดยิ่งนัก 1/1
ตอนที่
[3]
คนผู้นี้โหดยิ่งนัก
เยี่ยนซีหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา สตรีผู้นั้นถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงกับการต้องมาอยู่กับเขาเช่นนั้นหรือ
“แล้วพบศพหรือไม่” ริมฝีปากได้รูปเอ่ยถามขึ้น
“ไม่พบ แต่เห็นรองเท้า แต่บ้านจ้งก็จำได้ทันทีว่านั่นเป็นของพี่ชุนเยว่ขอรับ” อวี๋ซิ่งเป็นผู้ตอบ
จินกะพริบตาปริบ ๆ มองคนนั้นทีคนนี้ทีเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน รู้เพียงแค่ว่ามีคนฆ่าตัวตายเมื่อวานนี้
“เจ้าจะเอาอย่างไรต่อไป” ครานี้จินถูกยิงคำถามมาอย่างกะทันหันจึงได้รีบหันไปมองบุรุษที่ไม่เป็นมิตรท่าทางเลิ่กลั่ก
“ฉันไม่รู้ ฉันขออยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้! ไปที่ไหนก็ไป” ทว่าไม่ทันได้อ้อนวอนอะไรก็ถูกปฏิเสธกลับมาแล้ว คนใจร้าย
“แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ จำใครก็ไม่ได้ บ้านก็ไม่รู้อยู่ไหน” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง ไม่พอยังพยายามบีบน้ำตาอีก ไม่เห็นใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“ข้าไม่….”
“พี่ชาย…...” ชายหนุ่มเตรียมที่จะปฏิเสธแต่ก็ถูกเด็กน้อยทั้งสองดึงชายเสื้อไว้คนละด้านพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน ที่จริงแล้วเด็กน้อยทั้งสองก็อยากให้พี่สาวคนงามไปอยู่ที่บ้านพวกเขา แต่กระนั้นบ้านพวกเขาทั้งเล็กและแคบ ไหนจะมีท่านย่าอยู่ด้วยอีก แต่ที่นี่พี่ชายอยู่คนเดียว
เยี่ยนซีพ่นลมหายใจออกมา เขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด จู่ ๆ จะให้คนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยนี่นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าพิสมัยนัก และสตรีผู้นี้ก็ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด ไว้ใจได้หรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ หากแต่เห็นแก่ที่เด็กน้อยทั้งสองขอร้อง รวมถึงมีอะไรบางอย่างที่บอกให้เขาช่วยเหลือสตรีผู้นี้ แม้ในใจจะอยากอยู่ลำพังแต่สุดท้ายก็รับปาก
“ข้าให้เจ้าอยู่ด้วยก็ได้”
“เย่”
“แต่…”
“…..” มือของจินค้างอยู่เช่นนั้น
“หากข้ารู้ว่าเจ้าโกหกและคิดไม่ดีอะไรอยู่ ก็อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน” ส่งสายตาข่มขู่เสร็จแล้วก็หยิบไม้ค้ำของตนเองแล้วพยายามจะเดินไปด้านข้างเรือนนาก่อนที่จะหายไป
ในตอนนี้เองที่จินเห็นว่าขาของเขานั้นมีปัญหา เดินเหินไม่สะดวก แม้จะมีไม้ค้ำแต่ก็ยังเคลื่อนไหวเชื่องช้าอยู่ดี
เธอควรต้องไปช่วยเขาหรือเปล่านะ จินคิด
“พี่สาว พวกเราดีใจด้วยนะ” แต่เสียงของเด็กน้อยทั้งสองก็ดึงให้จินออกจากภวังค์ สายตาของหญิงสาวกวาดมองเด็กน้อยทั้งสองด้วยความเป็นมิตรพลางสังเกต
อืม มอมแมมมาก แต่ก็น่ารักไม่น้อย และดวงตาไร้เดียงสานั่น ช่างทำให้น่าเอ็นดูเหลือเกิน
“พี่สาวข้ามีนามว่าอวี๋ซิ่งอายุแปดหนาว ส่วนนี่น้องสาวข้า อวี๋หรูอายุหกหนาว พี่สาวเล่าชื่ออันใด จำได้หรือไม่”
พวกเขายิ้มกว้างก่อนที่จะรีบแนะนำตนเอง ก่อนจะยิงคำถามกลับมา ซึ่งเป็นคำถามง่าย ๆ แต่ช่างทำให้คุณหมอสาวคิดหนักเหลือเกิน
ดูเหมือนว่าชื่อของพวกเขาจะออกไปทางประเทศซีที่เธอเคยเดินทางไปท่องเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน ไหนจะการพูดจาที่ราวกับได้ย้อนอดีตไปในยุคโบราณนั่นอีก ดังนั้น สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้อาจจะเป็นประเทศซีในยุคอดีตหรือประเทศโลกคู่ขนานกับประเทศซีก็ได้
ทั้งชื่อและการแต่งกายน่าจะเป็นอย่างนั้น
“ฉันชื่อ เยว่จิน ใช่ เยว่จิน” จินบอกเด็กน้อยทั้งสองพลางพยักหน้าไปด้วย เธอจำได้ว่าตอนไปประเทศซีตอนที่อยู่บนรถบัส นักท่องเที่ยวได้เสนอให้ไกด์ตั้งชื่อให้ลูกทัวร์ทุกคนเพื่อที่จะได้กลมกลืนกับคนที่นี่และจะได้อินกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มากขึ้น และไกด์ตั้งให้เธอว่าเยว่จิน ซึ่งเป็นการนำคำว่า เยว่ ที่แปลว่าคำว่า พระจันทร์ ซึ่งถอดมาจากชื่อจริงของเธอนั้นก็คือ พราวจันทร์ รวมกับชื่อเล่นที่ชื่อว่า จิน มารวมกัน กลายเป็นเยว่จินนั่นเอง
แต่ก่อนที่จะคิดไปเองเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เห็นทีต้องลองถามเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ดูว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ไม่ก็ต้องถามคนไม่เป็นมิตรคนนั้น
หลังจากที่เขาหายไปครู่ใหญ่ ไม่นานเขาก็กลับมา ดูเหมือนว่าจะไปล้างหน้าล้างตามา
เมื่อครู่ที่ถามเด็กทั้งสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ก็แน่ละ ยังเด็กกันอยู่เลย
“ซิ่งเออร์ หรูเออร์ รีบกลับบ้าน ท่านย่าจะรอ”
“เอ๋ พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ” จินเผลอถามออกไปอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ได้รับสายตาที่ไม่พอใจตอบกลับมา
ดุจริง ๆ
“พี่สาว พวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกขอรับ บ้านพวกเราอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่เดี๋ยวพวกเราจะมาใหม่ พี่ชายนี่พวกเราเอามันเผามาด้วย ท่านแบ่งกันกินกับพี่สาวเถิด” ประโยคแรกเอ่ยกับพี่สาวแปลกหน้า ประโยคถัดมากล่าวกับพี่ชายคนสนิท หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็ยิ้มหวานก่อนจะกลับไป
บรรยากาศอันอึดอัดกลับมาสู่จินอีกครั้ง
“เอ่อ….”
“รีบไปล้างหน้าล้างตา เรามีเรื่องต้องพูดคุยกัน”
ไม่รอให้ได้พูดอันใดร่างสูงก็รีบพาตนเองเดินเข้าเรือนนาไป
จินไม่รอช้ารีบเดินไปด้านหลังเรือนนาเพราะคิดว่าห้องน้ำน่าจะอยู่ที่นั่น
ทว่าภาพตรงหน้าทำให้จินอ้าปากค้าง
