ตอนที่ 2 : สวมบทบาท
ตอนที่
[2]
สวมบทบาท
ยามที่ความมืดมิดเริ่มค่อย ๆ หมดไปแสงสว่างเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อยมาแทนที่ จินที่เริ่มได้ยินเสียงกุกกักจากด้านในกระท่อมก็เริ่มตื่นตัวลุกขึ้นทันที สารภาพว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่กังวลกับคนที่อยู่ด้านใน ไหนจะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ และเมื่อมีความสว่างหลาย ๆ อย่างก็เริ่มชัดเจน ที่น่าแปลกคือ เธอไม่ได้อยู่ในชุดปฏิบัติการอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นชุดสาวจีนโบราณกรุยกรายแบบที่เธอเห็นในซีรีส์ ยอมรับว่าสวยนะ แต่เมื่อนึกถึงเมื่อคืนนี้ที่วิ่งป่าราบก็ยอมรับว่ารุ่มร่ามมากกกก ถึงว่าวิ่งได้ช้าลง….
ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าเธอกำลังพบเจอเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเรื่องหนึ่งอยู่
แม้ในหัวจะคิดเรื่องที่ว่าทำไมถึงมาตกอยู่ในสภาพนี้ แต่ขณะเดียวกันสายตาก็เอาแต่จดจ้องไปที่บานประตูเก่า ๆ นั้นเช่นกัน พลางคิดว่าตนเองควรจะออกไปอยู่ห่าง ๆ กว่านี้ดีหรือไม่ เผื่อเกิดอะไรจะได้ตั้งรับทัน แต่จินไม่คาดคิดว่าระหว่างที่กำลังเปลี่ยนที่ซ่อนใหม่นั้น บานประตูบานนั้นกลับเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเงาตะคุ่มสีดำที่ปราดเข้ามาประชิดตัวเธออย่างเหนือความคาดหมาย
!!!
ราวกับปฏิกิริยาฉับพลันจินหันหน้าไปประจันหน้ากับเงานั้นพร้อมกับตั้งท่ารับมือโดยทันที แต่ถึงกระนั้นสองร่างยามนี้ก็แทบจะหลอมรวมติดกันโดยเฉพาะส่วนใบหน้าที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย โดยผู้ที่พุ่งเข้ามาคล้ายยั้งแรงตนเองไม่ได้ นัยน์ตาสวยเบิกกว้างขึ้นเพราะความตกใจต่อปฏิกิริยาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนี้เมื่อตั้งสติได้ก็รีบขยับกายออกห่างจากเงาปริศนา
จินพยายามรวบรวมสติและปรับการมองเห็นให้ดี เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจน ม่านตาของหญิงสาวก็ต้องขยายขึ้น
นี่…..
กิริยานั้นทำให้มุมปากของชายหนุ่มค่อย ๆ ยกขึ้นนัยน์ตาแฝงความดูแคลนต่อหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย แต่แล้วไม่นานความดูแคลนนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
นางเพียงแค่ตกใจ แต่ไม่รังเกียจเขาหรือ?
แล้วนั่น ยังจะยกมือหมายมาสัมผัสใบหน้าเขาอีก ไม่หวาดกลัวหรืออย่างไร!
“นั่นเจ้าจะทำอันใด!”
เมื่อถูกทักท้วงจากเสียงดุดันจินที่กำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนตรงหน้าก็ได้แต่ชะงักไปก่อนจะเริ่มได้สติ ทว่าส่ายตาก็เอาแต่พินิจพิจารณาใบหน้าของคนตรงหน้าไม่หยุด จมูกก็ทำท่าฟุดฟิดไม่หยุดเช่นกัน
ด้วยความเป็นแพทย์ด้านผิวหนังเคสนี้น่าสนใจสำหรับจินมาก เธอไม่เคยพบเจอใบหน้าของคนที่มีอาการหนักถึงขนาดนี้มาก่อน
ใบหน้าปูดบวมเต็มไปด้วยตุ่มหนองขนาดใหญ่ขึ้นจนเต็มใบหน้าและลำคอ เผลอ ๆ ใต้ร่มผ้านั่น ก็อาจจะมีตุ่มน่ากลัวแบบนี้ขึ้นทั้งหมด ตอนนี้ไม่สามารถดูออกได้เลยว่าหากอยู่ในใบหน้าปกติเขาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทุกจุดล้วนกลายเป็นสีม่วงช้ำน่ากลัว นั่นหมายถึงว่าเขาเป็นเช่นนี้มานานแล้ว และไม่ต้องคาดเดาว่าความเจ็บปวดนั้นจะมากแค่ไหน บางคนเป็นสิวแค่เม็ดเดียวก็สามารถจับไข้แล้ว แต่นี่ไม่ใช่สิวปกติ น่าจะเกิดความผิดปกติบางอย่างกับคนคนนี้อย่างแน่นอน
คงต้องเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมากกว่าจะผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวัน ไหนจะกลิ่นที่คละคลุ้งนั่นอีก และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เข้ารับการรักษาใด ๆ ด้วย
“คุณไปทำอะไรมาคะ” จินอดที่จะถามออกไปไม่ได้ มองยังไงก็ไม่ปกติ มันไม่ใช่กรรมพันธุ์หรือฮอร์โมนแน่ ๆ
ชายหนุ่มที่คิดว่าจะแสดงใบหน้าน่ากลัวเพื่อไล่อีกฝ่ายให้หนีไปก็เกิดอาการทำอันใดไม่ถูกไปชั่วขณะ หนำซ้ำนางยังถามอันใดที่แปลกอีก ไปทำอันใดมาเช่นนั้นหรือ หมายถึงใบหน้าของเขาแน่ ๆ
ไม่เคยมีใครถามคำถามเช่นนี้กับเขามาก่อนนอกจากนายพรานผู้นั้น เพราะคนอื่น ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของเขาก็พร้อมจะหลีกหนีไปให้ไกลแล้วไม่คิดเสวนาอันใดให้มากความ
“ข้า….” ระหว่างที่กำลังจะกล่าวอันใดออกไปเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“พี่ชาย เอ๊ะ”
ผู้มาใหม่ชะงักงันไปทันที เมื่อเห็นคนแปลกหน้าอยู่กับพี่ชายคนสนิท
“พี่ชาย นี่คือผู้ใดหรือ” ถามแล้วก็รีบเดินไปใกล้พี่ชายร่างสูงแล้วรีบไปยืนแอบอยู่ด้านหลังเขา ไม่วายเด็กน้อยทั้งสองก็โผล่หน้าไปดูพี่สาวที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ดูได้ไม่นานสองแก้มของเด็กน้อยทั้งสองก็แดงเรื่อขึ้นมา
พวกเขาไม่เคยพบเจอคนที่งดงามเช่นนี้ แม้แต่พี่เถาเจียที่บอกว่าตนเองงดงามที่สุดในหมู่บ้านยังไม่อาจจะเทียบพี่สาวตรงหน้าได้ ราวกับนางฟ้านางเซียนก็ไม่ปาน
ด้านเยี่ยนซีนั้นหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กทั้งสองไม่รู้จักสตรีผู้นี้ นี่ไม่ใช่จ้งชุนเยว่บุตรสาวบ้านจ้งหรืออย่างไร
“อวี๋ซิ่ง อวี๋หรู พวกเจ้าไม่รู้จักนางหรือ”
เมื่อถามออกไปก็ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่รู้จัก แล้วนางเป็นใครกัน
“เจ้าเป็นใครกัน”
ด้านจินที่ถูกเสียงดุถามขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ทันแม้แต่จะได้คิดคำตอบใด ๆ แต่ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและการเล่นสวมบทบาทนั่นนี่ผ่านการถ่ายวิดีโออยู่บ่อยครั้ง ทำให้หญิงสาวใช้มือกุมเข้าไปที่ศีรษะของตนแล้วฟุบลงกับพื้นไปทันที
“โอ๊ย ปวดหัวเหลือเกิน”
เยี่ยนซีหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ หากแต่เป็นเด็กน้อยทั้งสองที่รีบวิ่งออกจากด้านหลังพี่ชายแล้วไปช่วยพี่สาวคนงามทันที
“พี่สาวท่านเป็นอะไรไม่สบายหรือ แล้วเหตุใดท่านตัวเย็นเช่นนี้”
เมื่อเด็กน้อยถามเช่นนั้นก็ทำให้เจ้าของเรือนนาพลางคิดได้ว่าแม้จะยังไม่เข้าสู่เหมันต์แต่ท้ายเรือนนายามค่ำคืนอากาศก็มักจะหนาวเย็นกว่าปกติ ด้วยใกล้กับป่าที่มีต้นไม้มาก แล้วสตรีแปลกหน้าอยู่ข้างนอกทั้งคืน ไม่แปลกที่นางอาจจะไม่สบาย อีกทั้งรูปร่างของนางก็ดูบอบบางถึงเพียงนี้ ดูจากการแต่งกายคงเป็นคุณหนูสูงศักดิ์จากสักตระกูล แล้วคุณหนูที่ใดถึงได้มาปรากฏกายท้ายหมู่บ้านเช่นนี้กัน
“ฉัน…. จำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็อยู่กลางป่าแล้ว”
ไหนจะคำพูดคำจาที่แปลกนี่อีก
จินเห็นว่าสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย จึงได้พยายามปรับอารมณ์ให้ดูเศร้าหมองมากที่สุด
“ตอนที่รู้สึกตัวก็อยู่กลางป่าที่มืดมิดไม่มีแสงไฟ จึงได้วิ่งตรงไปข้างหน้าเรื่อย ๆ หวังว่าจะมีใครให้ความช่วยเหลือ จนในที่สุดก็มาเจอที่นี่ ฮึก แต่ว่าไม่มีใครเปิดประตูให้เลย มีแต่เสียงดังไล่ให้ไปไกล ๆ แต่ฉันไม่มีที่ไป ไม่รู้จักใครและจำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่นั่งอยู่ที่หน้าเรือนนาจนถึงเช้า ฮือ”
แม้ว่าน้ำเสียงจะเริ่มสะอึกสะอื้นราวกับสะเทือนใจหนักหนาแต่สายตาก็แอบเหล่ตามองปฏิกิริยาของคนร่างสูงที่ยืนค้ำหัวตนเองอยู่ ว่าเขามีท่าทางเชื่อเธอหรือไม่
“โถ พี่สาวท่านความจำเสื่อมหรือ ช่างน่าสงสารนัก” เป็นอวี๋หรูที่กอดหมับเข้าปลอบพี่สาวก่อนใคร เด็กน้อยมีจิตใจบริสุทธิ์เป็นทุนเดิมมีหรือจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้ ไม่นานจากนั้นอวี๋ซิ่งก็เข้าไปสวมกอดทับต่อจากน้องสาวอีกหนึ่งคน
“พี่สาวไม่ต้องกลัว มีพวกเราอยู่ พี่ชายด้วย”
จินแอบยกยิ้มมุมปากครู่หนึ่งก่อนที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเหมือนเดิม เข้าหาคนโตไม่ได้ ก็เข้าหาเด็กแล้วกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะอยู่ด้วยกัน?
“อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูถอยออกมา ข้ามีเรื่องอยากจะถามนางสักหน่อย” แม้ว่าเด็กน้อยทั้งสองจะอยากกอดพี่สาวคนงามต่อ เพราะตัวพี่สาวทั้งหอมทั้งนุ่ม แต่เมื่อพี่ชายส่งสายตาเช่นนั้นมาพวกเขาต้องตัดใจ
“เจ้าเล่ามา แท้จริงเป็นอย่างไร” จินที่ยังนัยน์ตาแดงก่ำ แสร้งเช็ดน้ำตาแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบสายตากับชายหนุ่มตรงหน้า เยี่ยนซีทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ไม่เคยมีใครกล้าสบสายตากับเขาตรง ๆ เช่นนี้มานานแล้ว นอกจากเด็กน้อยทั้งสอง ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้กลัวเขาจริง ๆ และเมื่อได้ยินนางเล่ารายละเอียดอีกครั้งก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต่างจากที่นางเล่าก่อนหน้า สรุปแล้วคือนางจำอะไรไม่ได้แล้วจู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาที่กลางป่าที่ห่างไกล?
ฟังเพียงเท่านี้ก็ยากที่จะเชื่อแล้ว คุณหนูสูงศักดิ์ผู้งดงามจากที่ใดจะมาโผล่ในที่ห่างไกลเช่นนี้ นอกจากเสียว่า นางจะถูกทำร้ายมาแล้วเอามาทิ้งไว้ แต่ดูแล้วนางก็ไม่ได้บาดเจ็บอันใด
“ว่าแต่พวกเจ้ามาแต่เช้ามีธุระอันใด” เขาพักความสงสัยต่อหญิงสาวแปลกหน้าไว้เพียงครู่ก่อนจะหันไปถามเด็กน้อยทั้งสองที่มาหาเขาแต่เช้าตรู่เช่นนี้
เมื่อถูกถาม อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูคล้ายนึกถึงได้ว่าจุดประสงค์ที่มาเรือนนาแต่เช้าเช่นนี้เป็นเพราะอะไร ทั้งสองต่างเบิกตากว้างขึ้นก่อนจะรีบพูด
“พี่ชาย พี่ชุนเยว่ตายแล้ว นางโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตายเมื่อช่วงเย็นวานนี้เอง!!”
