บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 : โผล่มากลางป่า

ตอนที่

[1]

โผล่มากลางป่า

จิน แพทย์ผิวหนังสาวมากฝีมือประจำสถาบันโรคผิวหนังชื่อดังของประเทศ T ที่ทำงานหลังจากเรียนจบมาไม่กี่ปีแต่กลับมีผู้ที่เข้ามาใช้บริการโดยเจาะจงจองคิวหมอจินในหนึ่งเดือนนั้นแทบจะลงตารางไม่หวาดไม่ไหว แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมีความสุขที่ได้แก้ไขปัญหาให้ผู้คน นอกจากนั้นแล้วยังมีรายรับที่ไม่ต้องบอกว่ามหาศาลเพียงใดที่เข้ามาหาจินผู้นี้ ซึ่งเจ้าตัวชอบมากเลยละนะ

แต่ถึงจะมีความสุขในการทำงานมากแค่ไหน กระนั้นในแต่ละวันก็ยังมีความเครียดรวมถึงความเมื่อยล้าที่เกิดจากการทำงาน ดังนั้น กิจกรรมที่เธอโปรดปรานและชอบทำหลังจากเลิกงานในแต่ละวันเพราะลงความเห็นว่ามันจะทำให้เธอคลายเครียดได้ดีที่สุด นั่นก็คือการหยิบมือถือแล้วกดเข้าไปในแอปพลิเคชันหนึ่ง จากนั้นก็กดเลือกหาเทรนด์เต้นที่กำลังเป็นกระแส ฝึกเต้นสองสามรอบ ก่อนจะเริ่มทำการถ่ายคลิปจริง ๆ วันนี้เทรนด์ที่เธอเลือกเป็นเทรนด์ที่นำเพลงปกติมารีมิกซ์ให้เร็วขึ้น ไฮไลต์ของเพลงคือมีคำว่า ‘โย่ว ๆ’ บวกกับท่าเต้นที่ต้องกระโดดขึ้นลงหลายรอบเมื่อรวมกันจึงกลายเป็นความสนุกจะเห็นได้ว่ามีคนเข้าร่วมเทรนด์นี้มากมาย

หลังจากซ้อมไปแล้วสามรอบก็ปรากฏว่ามีอาการหอบอยู่ไม่น้อย แต่เธอจะสู้ จินคิดในใจ เพราะว่าหลังจากที่ลงคลิปสิ่งที่เธอชอบทำหลังจากนั้นนั่นก็คือการอ่านคอมเมนต์ เธอมักจะขำขันกับคอมเมนต์ที่ว่า ‘แบบนี้หมอจริงแน่นอน’ ไม่ก็ ‘พวกเราจะดูแลตัวเองให้ดีจะได้ไม่ต้องไปหาหมอ’ การอ่านคอมเมนต์หลังจากลงคลิปก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการคลายเครียดของเธอได้ ไม่อยากจะบอกว่ามีคนติดตามเธอราว ๆ หนึ่งล้านคนแล้ว เรียกได้ว่าดังไม่เบาเลยละ ไปไหนก็มีแต่คนทัก

ดวงตากลมโตจดจ้องไปที่หน้าจอที่มีเวลากำหนดเอาไว้ ไม่รู้เพราะว่าเพลงมันโดนใจหรืออย่างไร เธอจึงได้อินหนัก ตอนซ้อมว่ากระโดดสูงแล้ว พอเอาจริงกลับจริงโดดสูงยิ่งกว่าเดิมและหลายรอบด้วย มันก็ดูจะไม่มีอะไรหากไม่ใช่ว่าในการกระโดดรอบสุดท้าย จู่ ๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง กลับแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิดในทันที จินจะไม่ตกใจอะไรมากหากว่ามันเป็นเพียงแค่ไฟดับธรรมดา แต่มันเป็นยิ่งกว่านั้น ราวกับเธอได้เคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งในชั่วพริบตาเดียว และเธอไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ เพราะเท้าของเธอตอนนี้มันกำลังเหยียบพุ่มหญ้ากองใหญ่แทนที่จะเป็นพื้นหินอ่อนของสถาบันผิวหนัง

“เฮ้ยย นี่มันอะไรกันเนี่ย” เมื่อตั้งสติดี ๆ เหมือนกับว่าเธอยืนอยู่กลางป่าที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟใด ๆ

มีใครมาเล่นตลกกัน เมื่อยิ่งคิดในใจของหญิงสาวยิ่งตื่นตระหนก ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีแต่ต้นไม้และความมืด ฉับพลันในหัวสมองกลับคิดว่าสิ่งที่กำลังเหยียบอยู่ที่เธอคิดว่าเป็นพื้นหญ้าแท้จริงแล้วมันใช่พื้นหญ้าจริงหรือไม่ เพราะมันมองไม่เห็นอะไรจริง ๆ คิดแล้วก็รีบกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่

โย่ว ๆ อยู่ดี ๆ ดันวาร์ปมาที่ไหนกันเนี่ย!!

ข้าวก็ยังไม่ทันได้กิน กะว่าเต้นสักคลิปสองคลิปแล้วจะซื้อข้าวร้านโปรดกลับไปกินที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้กินก็มาพบกับสิ่งที่เกินคาดหมายแบบนี้

จินแม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ แต่ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด จึงคิดว่าจะพยายามออกจากที่มืดมิดแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะพบกับใครสักคนที่ช่วยเหลือเธอได้

คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งป่าราบตรงไปด้านหน้าเลยในทันที

ทว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายขนาดนั้น หลังจากที่วิ่งอยู่ในป่าที่ไร้แบบแผนอยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบกับสิ่งมีชีวิตอันใด จินหยุดวิ่งชั่วครู่พร้อมพ่นลมหายใจออกมาถี่ ๆ สายตากวาดมองรอบด้านความคิดก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงกว่าเดิม แม้จะเรียนหมอมา แต่สิ่งที่เรียกว่ากุ๊กกู๋เธอก็ยังกลัวอยู่นะ ยิ่งมืด ๆ แบบนี้

จากที่คิดว่าจะพักสักครู่เพราะความกลัวผีเข้าครอบงำเลยได้แต่วิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งอีกครั้ง ราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จินมองเห็นแสงสว่างรำไรอยู่อีกไม่ไกลแล้ว

“สวรรค์ ฉันรอดแล้ว!!” รอยยิ้มแห่งความหวังปรากฏบนใบหน้างามของหมอหญิงมากฝีมือ เธอไม่รอช้ารีบสาวเท้าไปด้านหน้าทันที

ใช้เวลาไม่นานสองเท้าของจินก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนนาหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หลังเดียวโดด ๆ มองไปบริเวณรอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยความมืดมิดแต่ในเมื่อไม่มีทางเลือก เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านใน อยู่คนเดียวมันวังเวงเกินไป มือจึงได้ยกขึ้นไปที่บานประตูก่อนที่จะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“มีใครอยู่ไหมคะ” แม้จะถามไปแบบนั้นแต่หากมีแสงไฟแบบนี้ก็ต้องมีคนอยู่แน่นอน ในใจของจินเต็มไปด้วยความหวัง แม้ว่าจะหวั่นใจเล็กน้อยว่าคนที่อยู่ข้างในอาจจะไม่ใช่คนดี แต่นอกจากจะเป็นหมอฝีมือดี เธอยังมีดีกรีเป็นนักกีฬาเทควันโดเหรียญทองในตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วย หากว่าเป็นคนไม่ดีจริง ก็แค่เตะจัดการไปไม่กี่ทีก็คงได้แล้วกระมัง

เหมือนว่าเธอจะได้ยินความเคลื่อนไหวกุกกักจากด้านใน เสียงมันค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นนั่นบ่งบอกว่าคนคนนั้นเข้าใกล้ประตูแล้ว

“คุณคะคือว่า….”

“ไสหัวไปซะ!!”

ทว่าเธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงดุดันแฝงอันตรายที่อยู่หลังบานประตูก็ตวาดลั่นขึ้นมาเสียก่อน

จินสะดุ้งตกใจไม่น้อย เพราะแม้ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใดแต่มันทั้งมืดและเงียบ ยิ่งเขาตวาดดังเช่นนั้นมันยิ่งได้ยินชัดเจน จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง

“คุณคะ ฉันมาดี ฉันแค่มาขอความช่วยเหลือ”

“ข้าบอกให้ไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ปัง!!” เสียงทุบประตูจากด้านในดังขึ้นจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะผละออกไปจากบานประตูทันที

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ขู่

หัวคิ้วของจินขมวดเข้าหากัน เขาเคลื่อนไหวไม่สะดวก?

แม้ในใจจะมีคำถามแต่เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่เธอไม่มีที่ไป ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำตัวให้เงียบที่สุด เพื่ออาศัยแสงสว่างที่ลอดออกมาจากเรือนนาให้ความอุ่นใจให้เธอผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้

หญิงสาวค่อย ๆ หย่อนตัวลงพยายามขยับตัวให้เบาที่สุด เมื่อนั่งลงได้สำเร็จก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ โย่ว ๆ อยู่ดี ๆ ก็เหมือนจะทะลุมิติมาซะอย่างนั้น

ด้านผู้ที่อยู่ในเรือนนา เผยดวงตาลึกล้ำแฝงความอันตรายไว้เต็มสิบส่วน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความแปลกใจ เหตุใดเขาไล่แล้วสตรีผู้นั้นจึงยังไม่ไป บุตรสาวของตระกูลจ้งผู้นี้อยากจะมาอยู่กับเขาที่นี่จริงหรือ

ไม่มีทาง

ดูท่าคืนนี้เขาคงจะไม่ได้นอนเพราะต้องคอยเฝ้าระวังดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อาจจะเป็นไปได้ว่าจ้งซุนเยว่ร่วมมือกับคนอื่นมาเพื่อกำจัดเขาในคืนนี้เพราะไม่อยากแต่งงานตามคำสั่งของครอบครัว คิดแล้วมือหนาก็จับกระชับเข้าที่ไม้ไผ่ที่ส่วนปลายฝนจนเกิดเป็นปลายแหลมกลายเป็นอาวุธราวกับหอกแหลมก็ไม่ปาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel