บทที่ 4-1
เธอภาวนาให้งานเลี้ยงจบลงโดยเร็ว บริกรกำลังเดินเอาเงินมาคืนให้สาวแม่ลูกสองซึ่งเป็นโต้โผของงาน อีกเดี๋ยวกัณหาจะได้กลับสู่โลกของเธอ อีกเดี๋ยวเท่านั้น ที่โลกจะหมุนกลับสู่วงโคจรเดิม
“เออ ทำไมนิลถึงย้ายโรงเรียนกะทันหันล่ะ ไม่อยู่รอปิดเทอม ตอนนั้นเห็นอาจารย์บอกว่าแม่เธอจะบินอีกหลายเดือนข้างหน้าไม่ใช่เหรอ”
สาวชุดผ้าชีฟองลายดอกไม้ก็ถามขึ้น กัณหาชะงัก ตาแลสบกับกุมุทอย่างบังเอิญ
“บังเอิญ ช่วงนั้นต้องเรียนภาษาน่ะ แล้วอีกอย่างไปที่โน่นก็ต้องเรียนซ้ำไฮสคูลอีกปี เท่ากับยังไม่จบอยู่ดี”
เรื่องผ่านนานมาแล้ว จนกัณหาไม่อยากจำ ใบหน้าเขายามเธอบอกบางสิ่ง
กุมุทยังจำวันกัณหามาบอกข่าวบางอย่าง ต้นเดือนเมษาก่อนปิดภาคเรียน เธอมองเขานิ่ง เป็นครั้งแรกตั้งแต่กัณหาเข้าโรงเรียนนี้มา แล้วไม่เคี้ยวหมากฝรั่งเวลาเจอกับกุมุท
“รออยู่ห้องสมุดนะ ฉันต้องไปเอาอุปกรณ์ห้องพักครูมาทำบอร์ดก่อน”
เขาในวัยยังไม่เต็มสิบเจ็ดปีบอก และตลอดหน้าร้อนกุมุทไม่ย่างกรายเข้าไปในห้องสมุดโรงเรียนอีกเลย หลังจากนั้นกัณหาหายไปและย้ายโรงเรียนในที่สุด
เธอไม่เคยลืมวันในเดือนเมษายนอันอบอ้าว ที่นั่งรอกุมุทในห้องสมุด หิวก็หิวแต่กลัวเขามาแล้วไม่เจอ หนังสือหลายเล่มหยิบมาอ่าน ไม่อาจคลายความร้อนรุ่มในจิตใจได้เลย
เวลาล่วงไปเป็นชั่วโมง ...สอง ...สามชั่วโมง จนถึงเวลาห้องสมุดปิด อาจารย์มาเตือนให้ออกไป ไม่มีแม้แต่เงาของกุมุท เธอกลับบ้านด้วยหัวใจแหลกสลาย แต่ยังมารอเขาอีกหลายวัน
“กุมุทบอกว่าจะอ่านหนังสือเยอะๆ เตรียมสอบน่ะ”
หนุ่มเนื้อหอมของห้องบอกกัณหา ยามเจอกันโดยบังเอิญในห้องสมุด
“มันบอกว่าอ่านหนังสืออยู่บ้านแล้วมีสมาธิมากกว่า”
ความเข้าใจเธอถูกต้องแล้ว กุมุทไม่ได้ลืม แต่เขาจงใจไม่มาพบต่างหาก กัณหาถูกหลอกเสียแล้ว
เพื่อนรวบรวมเหล้าราคาแพงที่เหลือเพื่อเอาไปดื่มต่อในร้านถัดไป กุมุทยังนั่งนิ่งบนเก้าอี้ กัณหาคุยเบาๆ กับปัทม์
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
ปัทม์ยุติบทสนทนา เลี่ยงออกไป กัณหาหันมาทางเขา สายตาไม่ยินดียินร้าย
“เรื่องก่อนปิดเทอม ตอนนั้น...”
เขารู้สึกผิดมาตลอด ที่ขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอ เป็นสิ่งค้างคาอยู่ในใจ
“ไม่เป็นไร”
รอยยิ้มทำให้กุมุทเจ็บแปลบ
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่ถือหรอก”
ทำไมล่ะ กุมุทถามในใจ เธอน่าจะร้องไห้ ต่อว่า ประจานถึงความแย่ของเขา ในสิ่งที่ทำ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงดีกว่า รู้สึกผิดน้อยลง และไม่ทรมานเวลาเห็นเธอเช่นนี้
“แม่ฮะ”
เสียงทุ้มๆ ดังแว่วพร้อมประตูห้องจัดเลี้ยงเปิดออก
“ผมมารับฮะแม่”
กัณหาหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด กุมุทหันไปตามเสียง ราวกับกำลังส่องกระจกเงาอยู่ คนตรงหน้านั้นมีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขาไม่ผิดเพี้ยน เพียงเด็กกว่า ส่วนสูงเตี้ยกว่าเล็กน้อย …ไม่สวมแว่น
“กลับเถอะฮะแม่” คนเรียกนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นกุมุท
“ฮาย ก็องดิค”
ลูกสองคนของสาวชุดชีฟองประสานเสียงทักทาย
“ฮาย มาร์ค เบน มอม ขอบคุณนะฮะที่อินบ็อกซ์บอกผมเรื่องแม่”
เพื่อนเงียบกริบ บางคนอ้าปากค้างตกตะลึงกับภาพได้เห็น ฝาแฝดต่างอายุ ถ้าไม่ใช่พี่น้องกันคงต้องเป็น...
“ฉันขอตัวกลับก่อน”
เธอรีบพาลูกชายออกจากงาน มือหนึ่งคว้าแขนไว้ได้เสียก่อน
“นี่มันหมายความว่ายังไง”
กุมุทถามดังจนแทบกลายเป็นตะคอก กัณหาพยายามมือบิดหนี เขาไม่ยอมปล่อยอีกแล้วจนกว่าจะได้รู้ความจริง
...หมายความว่าอย่างไร เรื่องในห้องสมุดวันนั้นกับคนตรงหน้านี้
“ไม่เกี่ยวกับกับคุณ”
ความลับของกัณหา โลกของเธอ ...ทุกอย่างกำลังจะพังทลาย
“ปล่อยแม่นะ”
ลูกชายผลักอกคนยื้อล้มโครมลงบนเก้าอี้แถวนั้น กัณหากระตุกแขนลูกอย่างตกใจ คนอ่อนวัยกว่าหน้านิ่ง แต่พูดน้อย ต่อยหนัก ปากร้ายเหมือนใครไม่รู้
“กลับกันเถอะฮะแม่ งานเลี้ยงจบแล้ว”
เสียงทุ้มนุ่มไม่ผิดกับกุมุททิ้งท้ายก่อนจูงผู้เป็นแม่ออกจากร้านอาหารไป เขานั่งจุกอยู่กับฤทธิ์ความจริง
“เมนส์ฉันไม่มาเดือนหนึ่งแล้ว!”
คำพูดกัณหาเคยบอกในวันนั้น ตอนนี้หลักฐานเพิ่งผลักอกกุมุทไปหยกๆ
“เอ้า! หัวหน้าห้องเรามีของขวัญให้”
หนุ่มเนื้อหอมเดินเข้ามายื่นซองเอกสารปึกหนาให้ เพื่อนทุกคนตีวงไปยืนอยู่รอบๆ เสียงซุบซิบเบาๆ ดังขึ้น แต่กุมุทไม่สน
“ข้อมูลของลูกนายกับแม่ของเขา”
“พวกแก...”
เขารับมาอย่างงงๆ ทุกคนรู้แล้วหรือ
